ยูนิตพิเศษ

ขาย เช่า
พิเศษ ใหม่

#114R0005
IDEO Q Sukhumvit 36

BTS ทองหล่อ
1
1
45 ตร.ม.
ชั้น 11

ราคาขาย: 0 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 0 ฿

ขาย
Yeild
3.97%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#206S0002
XT Ekkamai

BTS เอกมัย
2
2
57 ตร.ม.
ชั้น 19

ราคาขาย: 10,500,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 184,210 ฿

ขาย
พิเศษ ใหม่

#108S0003
Park Origin Thonglor

BTS ทองหล่อ
2
2
66.9 ตร.ม.
ชั้น 39

ราคาขาย: 16,800,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 251,121 ฿

ขาย
Yeild
4.51%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#119S0002
Rhythm Ekkamai

BTS เอกมัย
1
1
0 ตร.ม.
ชั้น 16

ราคาขาย: 7,790,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 222,571 ฿

ขาย
Yeild
9.06%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่
2
2
62.74 ตร.ม.
ชั้น 5

ราคาขาย: 17,500,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 278,929 ฿

ขาย
Yeild
10.56%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#164S0007
The Line Sukhumvit 101

BTS ปุณณวิถี
1
1
27 ตร.ม.
ชั้น 22

ราคาขาย: 3,590,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 132,963 ฿

ขาย
Yeild
10.69%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#167S0002
The Line Ratchathewi

BTS ราชเทวี
2
2
60 ตร.ม.
ชั้น 20

ราคาขาย: 17,900,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 298,333 ฿

ขาย
Yeild
4.43%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#187S0002
The Room Sukhumvit 62

BTS ปุณณวิถี
1
1
45 ตร.ม.
ชั้น 17

ราคาขาย: 5,400,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 120,000 ฿

ขาย
Yeild
11.88%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#895S0001
Lumpini Center Ladprao 111

MRT รัชดาภิเษก
2
2
63.77 ตร.ม.
ชั้น 3

ราคาขาย: 2,790,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 43,750 ฿

ขาย
Yeild
5.62%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#005S0014
A Space Sukhumvit 77

BTS อ่อนนุช
1
1
35 ตร.ม.
ชั้น 2

ราคาขาย: 1,590,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 45,428 ฿

ขาย
Yeild
13.13%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#259S0010
Aspire Rama 4

BTS พระโขนง
1
1
28 ตร.ม.
ชั้น 18

ราคาขาย: 2,390,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 85,357 ฿

ขาย
Yeild
4.61%
ต่อปี
พิเศษ

##444S0002
The Unique Ratchada 19

MRT รัชดาภิเษก
2
2
58.31 ตร.ม.
ชั้น 3

ราคาขาย: 4,500,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 77,173 ฿

โครงการแนะนำ

ขาย

VTARA Sukhumvit 36

0 ประกาศ

เช่า

VTARA Sukhumvit 36

0ประกาศ
ขาย

Park Origin Phrom Phong

0 ประกาศ

เช่า

Park Origin Phrom Phong

0ประกาศ
ขาย

Noble Refine

0 ประกาศ

เช่า

Noble Refine

0ประกาศ
ขาย

IDEO Q Sukhumvit 36

1 ประกาศ

เช่า

IDEO Q Sukhumvit 36

1ประกาศ
ขาย

The Clover Thonglor

0 ประกาศ

เช่า

The Clover Thonglor

1ประกาศ
ขาย

Klass Langsuan

0 ประกาศ

เช่า

Klass Langsuan

2ประกาศ
ขาย

The Address Chidlom

0 ประกาศ

เช่า

The Address Chidlom

1ประกาศ
ขาย

Walden Asoke

0 ประกาศ

เช่า

Walden Asoke

1ประกาศ
ขาย

Ashton Asoke – Rama 9

0 ประกาศ

เช่า

Ashton Asoke – Rama 9

2ประกาศ
ขาย

Chapter Chula – Samyan

0 ประกาศ

เช่า

Chapter Chula – Samyan

1ประกาศ
ขาย

The Diplomat 39

0 ประกาศ

เช่า

The Diplomat 39

2ประกาศ
ขาย

The Lumpini 24

0 ประกาศ

เช่า

The Lumpini 24

2ประกาศ

ประกาศที่ลงล่าสุด

ขาย เช่า
พิเศษ ใหม่

#114R0005
IDEO Q Sukhumvit 36

BTS ทองหล่อ
1
1
45 ตร.ม.
ชั้น 11

ราคาขาย: 0 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 0 ฿

ขาย
Yeild
3.97%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#206S0002
XT Ekkamai

BTS เอกมัย
2
2
57 ตร.ม.
ชั้น 19

ราคาขาย: 10,500,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 184,210 ฿

ขาย
Yeild
4.43%
ต่อปี
ใหม่

#170S0002
The Lofts Ekkamai

BTS เอกมัย
1
1
45 ตร.ม.
ชั้น 15

ราคาขาย: 8,200,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 182,222 ฿

ขาย
พิเศษ ใหม่

#108S0003
Park Origin Thonglor

BTS ทองหล่อ
2
2
66.9 ตร.ม.
ชั้น 39

ราคาขาย: 16,800,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 251,121 ฿

ขาย
Yeild
4.32%
ต่อปี
ใหม่

#061SR0003
IDEO Sukhumvit 93

BTS บางจาก
1
1
35 ตร.ม.
ชั้น 17

ราคาขาย: 4,900,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 140,000 ฿

ขาย
Yeild
4.51%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#119S0002
Rhythm Ekkamai

BTS เอกมัย
1
1
0 ตร.ม.
ชั้น 16

ราคาขาย: 7,790,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 222,571 ฿

ขาย
Yeild
4.66%
ต่อปี
ใหม่

#125SR0002
Rhythm Sukhumvit 50

BTS อ่อนนุช
1
1
35 ตร.ม.
ชั้น 10

ราคาขาย: 4,200,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 120,000 ฿

ขาย
Yeild
9.06%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่
2
2
62.74 ตร.ม.
ชั้น 5

ราคาขาย: 17,500,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 278,929 ฿

ขาย
Yeild
9.06%
ต่อปี
ใหม่
1
1
36.26 ตร.ม.
ชั้น 2

ราคาขาย: 7,200,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 198,566 ฿

ขาย
Yeild
10.56%
ต่อปี
ใหม่

#164SR0003
The Line Sukhumvit 101

BTS ปุณณวิถี
1
1
33 ตร.ม.
ชั้น 9

ราคาขาย: 5,500,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 166,666 ฿

ขาย
Yeild
10.56%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#164S0007
The Line Sukhumvit 101

BTS ปุณณวิถี
1
1
27 ตร.ม.
ชั้น 22

ราคาขาย: 3,590,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 132,963 ฿

ขาย
Yeild
10.69%
ต่อปี
พิเศษ ใหม่

#167S0002
The Line Ratchathewi

BTS ราชเทวี
2
2
60 ตร.ม.
ชั้น 20

ราคาขาย: 17,900,000 ฿

ราคาขาย/ตรม.: 298,333 ฿

ทีมงาน
มากประสบการณ์

ทีมบริหาร

Amber International Realty บริษัทเอเจ้นท์คอนโดให้บริการโดยทีมงาน ที่เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การันตีด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี เราให้บริการแบบ One Stop Service เกี่ยวกับคอนโดมิเนียม แก่ลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นต้น ได้รับการยอมรับ และทำงานร่วมกันกับ บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าใหญ่ของไทย เช่น MQDC, Sansiri, AP Thai, Origin ฯลฯ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ให้บริการแบบครบจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด

พาร์ทเนอร์คนสำคัญ

MQDC
แสนสิริ
Ananda
AP Thai
Origin
Asset Wise
Noble
SUPALAI
Q House
Raimon Land
LPN Development Group
Areeya
Pruksa
CMC Group
Grande Asset
Eastern Star
Divine Development
Frasers Property
Grand Trinity
Grand Unity
Land & Houses
Property Perfect
Singha Estate
SC Asset
Sena Development
Siamese Asset

บริการของเรา

เสียงตอบรับจากลูกค้า

🎊ปิดดีลเคสขาย เราดูแลจนจบขั้นตอน ณ กรม ที่ดิน

ปิดดีลเช่า พร้อมทำสัญญา เราดูแลทุกขั้นตอน 📍The Line Ratchathewi

ปิดดีลเช่า พร้อมดูแลถึงวันย้ายเข้า 📍The Line Sukhumvit 101

ปิดดีลเช่าพร้อมย้ายเข้าทันที 📍Whizdom Inspire

🎊ปิดดีล พร้อมโอน 📍IVORY Ratchada

ลูกค้า Move in 📍Whizdom Inspire

ลูกค้า Move in 📍Excel Sukhumvit 71

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in Whizdom Inspire

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in TC Green Rama 9

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in Wyne Sukhumvit

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in Whizdom Essence

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in Tait Sathorn 12

ขอบคุณลูกค้าที่ไว้ใจเรา ปิดดีลขายอีกแล้วที่โครงการ Xt Phayathai

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in Condolette Dwell Sukhumvit 26

K. Kevin

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in

K. Andrew

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in

K. Jay

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in The Line Sukhumvit 101

K. RJ.

ปิดเช่าห้องที่ The Line Ratchathewi

K. Karnchana

ลูกค้าย้ายเข้าแล้ว Move in Whizdom Inspire

Amber Channel

ข่าวสารและบทความ

ปล่อยเช่า อสังหา เอง VS ผ่าน Agent แบบไหนดีกว่ากัน?

ปล่อยเช่าอสังหา เอง VS ผ่าน Agent แบบไหนดีกว่ากัน?

การ ปล่อยเช่า อสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด บ้าน หรืออาคารพาณิชย์ เป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยสูง แต่เมื่อจะเริ่มปล่อยเช่า หลายคนก็มักจะลังเลว่า… ควรจัดการเองดี หรือควรใช้บริการตัวแทน (Agent) ดีกว่ากัน?   ในบทความนี้เราจะพาไปเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองทางเลือก เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น   ปล่อยเช่าเอง ✅ ข้อดี: ประหยัดค่าคอมมิชชั่น : เจ้าของไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับนายหน้า โดยทั่วไป Agent จะเก็บค่าคอมฯ ประมาณครึ่งเดือนถึง 1 เดือนของค่าเช่า ควบคุมได้ทุกขั้นตอน : เจ้าของสามารถคัดกรองผู้เช่าเอง กำหนดข้อตกลง รวมถึงเจรจาเงื่อนไขได้โดยตรง เรียนรู้และเข้าใจการบริหารอสังหา : การปล่อยเช่าเองจะทำให้เจ้าของได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ ทรัพย์สิน และพฤติกรรมผู้เช่า ❌ ข้อเสีย: เสียเวลาและพลังงาน : ต้องลงประกาศ ตอบคำถาม นัดดูห้อง คัดกรองผู้เช่าเองทั้งหมด เสี่ยงเจอผู้เช่าไม่ดี หากขาดประสบการณ์ อาจพลาดคัดกรองผู้เช่าที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่จ่ายค่าเช่า หรือทำทรัพย์สินเสียหาย ต้องจัดการเรื่องเอกสารและกฎหมายเอง ทั้งสัญญาเช่า การเก็บเงินมัดจำ การแจ้งภาษี ฯลฯ เจ้าของต้องศึกษาและจัดการเองทั้งหมด   แต่หาก ปล่อยเช่าผ่าน Agent ✅ ข้อดี: สะดวก ประหยัดเวลา : Agent จะช่วยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่หาผู้เช่า พาไปดูห้อง ไปจนถึงจัดการเอกสารสัญญา เข้าถึงผู้เช่ากลุ่มเป้าหมายเร็วกว่า : ด้วยเครือข่ายและประสบการณ์ Agent มักมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ทำให้ปล่อยเช่าได้เร็วขึ้น มีความเป็นมืออาชีพ : Agent ที่เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำปรึกษาเรื่องราคา เงื่อนไขการเช่า และช่วยคัดกรองผู้เช่าได้ดี ❌ ข้อเสีย: ต้องเสียค่าคอมมิชชั่น : โดยทั่วไปคือค่าเช่า 1 เดือน สำหรับสัญญาเช่า 1 ปี ขาดการควบคุมโดยตรง : บางครั้ง Agent อาจไม่ได้แจ้งรายละเอียดทั้งหมด ทำให้เจ้าของรู้ข้อมูลล่าช้า หรือไม่ครบถ้วน คุณภาพ Agent แตกต่างกัน : หากเลือก Agent ไม่ดี อาจเจอปัญหา เช่น บริการไม่ครบถ้วน หรือมีการเอาเปรียบเจ้าของ   สรุปแล้ว… แบบไหนดีกว่ากันนะ Amber ทำภาพสรุปให้แล้ว เพื่อที่จะเข้าใจได้ง่าย การผ่าน Agent เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและลดความยุ่งยากในทุกขั้นตอน แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งการ ปล่อยเช่า เองและการใช้บริการเอเจนต์ต่างมีข้อดีและข้อเสียในแบบของตัวเอง หากคุณมีเวลา ความรู้ และความพร้อมในการจัดการรายละเอียดต่าง ๆ การปล่อยเช่าเองอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและให้คุณควบคุมทุกอย่างได้ตามต้องการ แต่ถ้าคุณต้องการความสะดวก ลดภาระงาน และได้รับความช่วยเหลือจากมืออาชีพ การปล่อยเช่าอสังหาฯ ผ่านเอเจนต์ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ดังนั้น การเลือกวิธีใดจึงขึ้นอยู่กับความสะดวก ไลฟ์สไตล์ของคุณเองเป็นหลัก และสำหรับใครที่ตัดสินใจแล้วว่าจะลงประกาศ ปล่อยเช่า อสังหาฯ ด้วยตัวเอง คุณก็สามารถใช้บริการ Amber ประกาศขาย/เช่า อสังหาฯ ที่ใช้งานง่ายมากที่สุด มีทีมงานดูแลทุกขั้นตอน สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

24 เมษายน 2025
กรรมสิทธิ์ ห้องชุด(คอนโด) ผู้ถือมีสิทธิ์แค่ไหน ครอบครองแบบไหนได้บ้าง?

กรรมสิทธิ์ ห้องชุด(คอนโด) ผู้ถือมีสิทธิ์แค่ไหน ครอบครองแบบไหนได้บ้าง?

คำถามที่หลายคนสงสัยตลอดเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ กรรมสิทธิ์ ของผู้ซื้อที่จะได้จากคอนโดหรือห้องชุดนั้น คืออะไร? มีโฉนดหรือไม่? แล้วการซื้อคอนโด จะแตกต่างจากซื้อบ้าน หรือไม่? และหากเกิดวินาศภัยขึ้นมา คนที่ซื้อบ้านก็ยังเหลือที่ดินที่มีมูลค่าในตัวของมัน แต่หากเป็นห้องชุด เมื่อเกิดเหตุการณ์จากภัยพิบัติ อย่างแผ่นดินไหว อาจจะไม่เหลืออะไรให้จับต้องเลยใช่ไหม ดังนั้น การจะซื้อห้องชุดหรือบ้าน ต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง และศึกษาเรื่องของกรรมสิทธิ์บ้านและห้องชุดให้ดีก่อนจะซื้อ บทความนี้ Amber จะมาดูกันว่าแท้จริงแล้ว… ในแง่ของ “ความเป็นเจ้าของ” นั้น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? ระหว่างการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ 2 ประเภทนี้ รวมถึงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้องชุด เราจะได้มาตอนไหน และเมื่อเกิดความเสียหายของตัวอาคารแบบร้ายแรงในฐานะเจ้าของห้องชุด เราจะได้อะไรบ้าง   โฉนดที่ดินกับหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด โฉนดที่ดิน (น.ส.4) ในการซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อโครงการที่สร้างใกล้เสร็จแล้วและสามารถย้ายเข้าอยู่ เพื่อทำการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ได้เลย สาเหตุที่ต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์เพราะเดิมเจ้าของยูนิตนั้นเป็นชื่อของบริษัทที่ทำโครงการนั้นๆ เมื่อเราซื้อความเป็นเจ้าของจะต้องเปลี่ยนมาเป็นของเรา แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนได้ทันทีเสมอโดยแยกเป็นกรณีดังนี้ กรณีซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์โดยใช้เงินสดทั้งหมด จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนชื่อเจ้าของในโฉนดให้กลายเป็นชื่อเรา โดยสามารถทำได้ และไปยังสำนักงานเขตที่โครงการนั้นตั้งอยู่ซึ่งเราต้องไปกับเจ้าหน้าที่ของโครงการด้วย และเอกสารโฉนดแสดงความเป็นเจ้าของฉบับจริงเราสามารถเก็บไว้ได้เลย แต่ก่อนจะโอนกรรมสิทธิ์ อย่าลืมตรวจสอบห้อง เพื่อการรับโอนกรรมสิทธิ์ด้วยนะคะ มีทริคเช็กง่ายๆ ตั้งแต่การตรวจรับถึงโอนกรรมสิทธิ์มีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ กรณีซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ โดยผ่านการกู้ธนาคาร หากเราต้องทำการกู้สถาบันการเงินในวันโอนกรรมสิทธิ์นั้น เราจะต้องไปสำนักงานเขตกับทางเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินผู้ที่ทำเรื่องกู้ให้เราด้วย ซึ่งกรรมสิทธิ์ในโฉนดจะเป็นชื่อของผู้ซื้อ แต่ติดภาระจำนองกับธนาคารที่กู้เงิน อย่างไรก็ตาม โฉนดตัวจริงทางสถาบันการเงินจะเป็นผู้เก็บโฉนดไว้ ส่วนเราจะได้เป็นตัวสำเนาแทน รายละเอียดพื้นที่ดินที่ระบุไว้ในโฉนดทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของที่มีชื่อปรากฏในโฉนดที่ดินเท่านั้น! ซึ่งเราเรียกโฉนดนี้ว่า น.ส.4 นั่นเอง ซึ่งเป็นโฉนดที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หรือพูดง่ายๆ ว่าเจ้าของสามารถขายบ้านหลังนั้นให้กับผู้อื่นได้นั่นเอง หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2) การซื้อห้องชุดนั้นจะแตกต่างกัน เพราะเราจะไม่ได้โฉนดเหมือนกับของบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ในข้างต้นแต่เราจะได้เป็น “หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือ อ.ช.2” แทน อย่างไรก็ตาม ในสัญญาซื้อขายจะระบุไว้ว่าเราคือ เจ้าของร่วม ของโครงการนั้นๆ สาเหตุที่ใช้คำนี้ก็เพราะว่าในโครงการยังมีพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากพื้นที่อยู่อาศัยของลูกบ้านหรือที่เราคุ้นหูกับคำว่าส่วนกลางนั่นคือ พื้นที่ที่สามารถเข้าถึงโดยสิทธิ์ของลูกบ้านทุกคนที่อาศัยอยู่ในโครงการ และทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนกลางนี้ โดยผ่านการจ่ายค่าส่วนกลางในแต่ละเดือนนั่นเองค่ะ และสำหรับสิทธิ์ในเรื่องความเป็นเจ้าของกรณีจ่ายเงินสดด้วยตัวเองหรือกู้ผ่านสถาบันการเงินจะคล้ายกับกรณีของบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ นั่นคือ จะเป็นชื่อเราก็ต่อเมื่อเราชำระค่าบ้านทั้งหมดด้วยเงินส่วนตัวของเราหรือเป็นชื่อสถาบันการเงินกรณีขอสินเชื่อ   เอกสารสิทธิ์ที่ดินมีอะไรบ้าง? มาทำความรู้จักเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 6 ประเภท มีอะไรบ้าง แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้เมื่อไหร่ หากเป็นโครงการใหม่ยังไม่ได้ก่อสร้างหรือกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง (พรีเซล) เราจะยังไม่สามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดใดๆ ได้ แต่สิ่งที่เราทำในช่วงแรก คือ การจองและการทำสัญญา โดยรายละเอียดของห้องชุด (ขนาดของห้อง, แปลนห้อง, วัสดุและสิ่งของที่จะได้รับ) ทั้งหมดนั้นตามกฎหมายจะต้องถูกระบุอยู่ในสัญญา และเราควรจะทำการอ่านสัญญาให้ดีเพราะเมื่อเราจรดปลายปากกาเซ็นชื่อเราไปแล้วจะเป็นหลักฐานที่ว่าเราได้อ่านสัญญาและเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาดีแล้ว หลังจากผ่านขั้นตอนการจองและทำสัญญาก็จะเข้าสู่ช่วงผ่อนดาวน์ ซึ่งยอดผ่อนดาวน์นี้จะต้องเป็นเงินก้อนสะสมของเราเองเพราะสถาบันการเงินไม่มีประเภทสินเชื่อกรณีผ่อนดาวน์นั่นเองซึ่งยอดผ่อนดาวน์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 10-30% ของราคาห้องชุด (สำหรับการซื้อห้องชุด สัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือซื้อห้องชุด สัญญาแรกที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป) หลังจากที่เราผ่อนดาวน์หมดแล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่ช่วงโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งจะสามารถทำการโอนได้ กรณีที่การก่อสร้างของโครงการนั้นแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ โดยตามกฎหมายกรณีที่การก่อสร้างของโครงการล่าช้าไม่เกินสองเดือน ผู้ซื้อไม่สามารถยกเลิกสัญญาแล้วขอเงินจองกับทำสัญญาคืนได้ อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายหากโครงการล่าช้าจากที่ระบุในสัญญาเป็นปีทางโครงการจะต้องคืนเงินมัดจำในจำนวนที่ได้ตกลงกันในสัญญาไว้ (จำไว้ว่าทุกอย่างต้องถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร) เมื่อโครงการแล้วเสร็จ เราจะต้องตรวจรับห้อง ซึ่งตามกฎหมายหากขนาดห้องคลาดเคลื่อนจะมากขึ้นหรือน้อยลงไม่เกิน 5% ของขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา ทางโครงการจะต้องปรับลดราคาในระดับต่อตารางเมตร แต่จะเป็นตารางเมตรละกี่บาทนั้นก็ต้องตรงกับที่ปรากฏในสัญญาด้วยจะระบุปากเปล่าไม่ได้เป็นอันขาด เช่นเดียวกันหากขนาดของห้องมากกว่าที่ระบุไว้แต่ไม่เกิน 5% ทางผู้ซื้อจะต้องจ่ายส่วนต่างในอัตราเดียวกันที่ระบุไว้ในสัญญา หากสเปคของห้องชุดคลาดเคลื่อนอย่างมีนัยยะสำคัญหรือเกิน 5% จากขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา ทางผู้ซื้อมีสิทธิที่จะขอเรียกเงินมัดจำคืนได้ แต่จะในอัตราเท่าไรนั้น ก็ต้องตรงตามที่ระบุในสัญญาด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อเราตรวจเพื่อรับโอนเรียบร้อย คราวนี้เราจะต้องไปที่สำนักงานเขตที่โครงการนั้นตั้งอยู่เช่นเดียวกัน หากเป็นเงินเราเองทั้งหมดก็จดกรรมสิทธิ์ห้องชุดเป็นชื่อของเราได้เลย แต่หากเป็นการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินในหนังสือกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของสถาบันการเงินนั้นเช่นเดียวกับกรณีของบ้านและทาวน์เฮ้าส์ในข้างต้น อย่างไรก็ตามทางสถาบันการเงินจะเก็บหนังสือกรรมสิทธิ์ฉบับจริงไว้ ส่วนเราจะได้เป็นตัวสำเนาแทน   กรณีที่คอนโดถูกทุบทิ้งหรือพังถล่ม ผู้ซื้อจะไม่เหลืออะไรจริงหรือไม่? ส่วนใหญ่แล้วราคาต่อตารางเมตร ที่โครงการขายจะถูกผูกมากับจำนวนเงินที่โครงการนั้นจะต้องจ่ายในเรื่องของการทำประกันตัวอาคารกรณีเกิดวินาศภัย เช่น ไฟไหม้หรือแผ่นดินไหว ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าโครงการไหนไม่มีการทำประกันตัวอาคารทางสถาบันการเงินจะไม่ปล่อยกู้ให้ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ให้ดีเวลลอปเปอร์ก่อสร้างโครงการหรือปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อที่สนใจในโครงการนั้นๆ เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้นมาจริงๆ จนส่งผลไปยังความเสียหายของตัวอาคาร ทางนิติบุคคลจะได้เงินประกันมาหนึ่งก้อนซึ่งจะถูกจัดสรรให้แก่ลูกบ้านตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จาก จำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ สมมติว่า พื้นที่ทั้งหมดของโครงการ คือ 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ของห้องคุณคือ 40 ตารางเมตร จะเท่ากับ (40 x 100) ÷ 20,000 = 0.2% นั่นคือสมมติว่าค่าเสียหายที่โครงการเรียกร้องได้จากบริษัทประกันคือ 1,000 ล้านบาท คุณจะได้เงินคืนประมาณ 2 ล้านบาทนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ทางนิติบุคคลสามารถเรียกประชุมลูกบ้าน เพื่อลงมติต่างๆ ได้ตั้งแต่ลงเสียง เพื่อกระจายเงินก้อนนี้ คืนหรือจะนำเงินก้อนที่ได้ไปซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่ โดยอาจจะลงมติกันว่าจะเพิ่มส่วนต่างเท่าไร นอกจากนี้ในส่วนของที่ดินโครงการหากมีการขายต่อก็จะได้เงินจากการขายที่ดินมาแบ่งกันตามสัดส่วนการถือครองด้วยเช่นกัน   ประกันอัคคีภัยบ้าน ประกันอัคคีภัยบ้าน 4 ข้อควรรู้ ทั้งเรื่องทุนประกัน เงื่อนไข ความคุ้มครอง และระยะเวลา จะเห็นได้ว่า… ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย คุณควรจะต้องอ่านสัญญาให้รอบคอบก่อนจรดปลายปากกายินยอมเงื่อนไขต่างๆ ที่ปรากฏในสัญญา รวมถึงสัญญาประเภทอื่นก็เช่นกัน เพราะเมื่อคุณเซ็นไปแล้วนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งสามารถอ้างได้เลยว่า คุณยินยอมและเข้าใจข้อต่างๆ ในสัญญาเป็นอย่างดีแล้วจึงทำการเซ็น หากมีการฟ้องร้องกันขึ้นมาจริงๆ คุณจะเสียแต้มจากจุดนี้ หรือเพื่อเป็นการ play safe อาจจะพาผู้รู้ทางกฎหมายหรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์การซื้อบ้านหรือห้องชุดมาก่อนไปด้วย เพื่อช่วยตีความสัญญานั่นเองค่ะ สรุปส่งท้าย ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) กรรมสิทธิ์ ห้องชุด(คอนโด) คือ ส่วนหนึ่งของอาคารที่สามารถแยกการถือครองกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด พร้อมกับมี กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง ด้วย เช่น ทางเดิน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ ฯลฯ หากเกิดวินาศภัยขึ้นมาจริงๆ แล้วตัวอาคารได้รับความเสียหาย ลูกบ้านจะได้รับการจัดสรร ชดเชยเยียว คืนเงินตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จากจำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยและเงื่อนไขอื่นๆ ด้วยนะคะ   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

22 เมษายน 2025
ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ ดียังไง? คำตอบที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ดียังไง? คำตอบที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ในปัจจุบัน การ ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูง สำหรับคนที่ต้องการบ้านหลังแรก หรือแม้กระทั่งคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ในเมืองที่สะดวกสบาย การเลือกซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ หรือคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว มีข้อดีมากมายที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดพร้อมอยู่แทนการซื้อคอนโดที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในบทความนี้ Amber จะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดีของการซื้อคอนโดพร้อมอยู่ว่ามีอะไรบ้าง?…   ประหยัดเวลาและสะดวกสบาย หนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดของการซื้อคอนโดพร้อมอยู่ คือ ความสะดวกสบาย เนื่องจากคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถเข้าอยู่ได้ทันที หลังจากการทำสัญญาซื้อขายเสร็จสิ้น คุณไม่ต้องรอระยะเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีเหมือนกับการซื้อคอนโดที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและทำให้คุณสามารถเริ่มต้นการใช้ชีวิตในบ้านใหม่ได้ทันที การเข้าอยู่ทันที ยังช่วยให้คุณสามารถตกแต่งและปรับปรุงบ้านตามความต้องการได้ในทันที ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้ว่า… อุปกรณ์และระบบต่างๆ ภายในคอนโด เช่น ระบบไฟฟ้า, น้ำประปา, เครื่องปรับอากาศ และอื่นๆ ทำงานได้ตามปกติหรือไม่   สภาพแวดล้อมและพื้นที่พร้อมใช้งาน คอนโดที่พร้อมอยู่นั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยที่พร้อมใช้งานได้ทันที เช่น ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สวนหย่อม, หรือพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ซึ่งบางโครงการอาจมีการออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนที่ต้องการความสะดวกสบายในการพักอาศัย นอกจากนี้การเลือกคอนโดพร้อมอยู่ ยังช่วยให้คุณสามารถเห็นสภาพแวดล้อมจริงของโครงการ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ, การจราจรในพื้นที่ และการเดินทางสู่จุดหมายต่างๆ ที่สะดวกสบาย คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าคอนโดนั้นเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่   ไม่มีความเสี่ยงจากการล่าช้าในการก่อสร้าง การซื้อคอนโดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรืออยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อาจมีความเสี่ยงจากการล่าช้าในการส่งมอบโครงการ ซึ่งอาจทำให้คุณต้องรอนานกว่ากำหนด หรืออาจเกิดปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดระหว่างการก่อสร้าง เช่น ปัญหาผู้รับเหมาหรือปัญหาด้านวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพ แต่การซื้อคอนโดพร้อมอยู่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ เพราะคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้วสามารถเข้าอยู่ได้ทันที โดยไม่มีความเสี่ยงจากการล่าช้าในการก่อสร้าง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้บ้านใหม่ตามที่คาดหวัง สามารถตรวจสอบคุณภาพของคอนโดได้จริง เมื่อคุณซื้อคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณสามารถตรวจสอบคุณภาพของคอนโดได้จริง ซึ่งแตกต่างจากการซื้อคอนโดที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ที่อาจมีแค่แผนผังและภาพจำลองให้ดู คุณสามารถเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น วัสดุการก่อสร้าง, ความกว้างของห้อง, ความสะดวกในการใช้งาน และความสวยงามของพื้นที่ หากพบข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ไม่ตรงตามที่คุณคาดหวัง คุณสามารถแจ้งให้กับผู้ขายหรือผู้พัฒนาโครงการ เพื่อให้มีการแก้ไขก่อนที่คุณจะย้ายเข้าอยู่ การซื้อคอนโดพร้อมอยู่ช่วยลดความกังวล การซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างที่อาจล่าช้า หรือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของแผนก่อสร้างหรือวัสดุที่ใช้ในโครงการ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคอนโดที่คุณเลือกซื้อมีคุณภาพตามที่ต้องการ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งาน อีกทั้ง ยังช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการรอคอยวันโอนกรรมสิทธิ์ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง   มีความสามารถในการกำหนดงบประมาณได้ง่ายขึ้น เมื่อคุณซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ คุณสามารถคำนวณงบประมาณที่ชัดเจนได้มากขึ้น เนื่องจากคุณสามารถทราบราคาขายที่แน่นอน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง และค่าดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่างจากการซื้อคอนโดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ที่คุณอาจต้องคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงหรือความล่าช้าในการก่อสร้าง สรุปส่งท้าย การ ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ มีข้อดีหลายประการ ทั้งในแง่ของความสะดวกสบาย การประหยัดเวลา ความมั่นคงในด้านคุณภาพ และการลดความเสี่ยงจากปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้า นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังการทำสัญญาซื้อขายเสร็จสิ้น หากคุณกำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน การซื้อคอนโดพร้อมอยู่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสมกับความต้องการของคุณ   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

17 เมษายน 2025
เช็คระดับความพร้อม

เช็คระดับความพร้อม”ก่อนก้าวสู้ วัยเกษียณ อย่างมั่งคั่ง”

ชวนเช็คระดับความพร้อม ก่อนก้าวสู่ วัยเกษียณ อย่างมั่งคั่ง การวางแผนชีวิตในช่วงวัยเกษียณเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามหรือเลื่อนออกไป จนกระทั่งถึงช่วงเวลาใกล้เกษียณจริงๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดและความไม่มั่นคงทางการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถก้าวเข้าสู่วัยเกษียณด้วยความมั่งคั่งและมีความสุขในชีวิตที่ไร้กังวล บทความนี้ Amber จะพาคุณไปเช็คระดับความพร้อมก่อนการก้าวเข้าสู่ชีวิตหลังเกษียณ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเตรียมตัว เพื่อความมั่งคั่งในอนาคต   การประเมินสถานะทางการเงินปัจจุบัน ก่อนที่จะเริ่มวางแผนสำหรับการเกษียณ คุณควรเริ่มต้นด้วยการประเมินสถานะทางการเงินของตัวเองในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องทำคือการตรวจสอบรายได้, รายจ่าย, และหนี้สินที่มีอยู่ เช่น รายได้ คุณมีรายได้ประจำจากการทำงานหรือแหล่งรายได้อื่นๆ ที่มีความมั่นคงในอนาคตหรือไม่ รายจ่าย คุณมีรายจ่ายประจำที่มั่นคง หรือสามารถควบคุมได้หรือไม่ หนี้สิน คุณมีหนี้สินหรือภาระที่ยังไม่ได้ชำระหนี้หรือไม่ การรู้จักสถานะการเงินของตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้อย่างชัดเจนและมีความเป็นจริงมากขึ้น   การวางแผนการออมและการลงทุนเพื่อการเกษียณ การวางแผนการออมและการลงทุนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวให้กับตัวเอง การออมเงินในกองทุนบำเหน็จบำนาญหรือกองทุนการเกษียณ (Provident Fund, Retirement Mutual Fund) จะช่วยให้คุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ ในส่วนของการลงทุน ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร เช่น หุ้น การลงทุนในตลาดหุ้นสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนในระยะยาว พันธบัตรรัฐบาล การลงทุนในพันธบัตรช่วยลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น การซื้อบ้านหรือที่ดินสามารถสร้างรายได้เสริมหรือกำไรในอนาคต ควรเริ่มลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เงินลงทุนเติบโตอย่างคุ้มค่าและเพียงพอต่อการเกษียณ คำนวณค่าใช้จ่ายในช่วงวัยเกษียณ ในช่วงวัยเกษียณ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะไม่เหมือนกับตอนที่คุณยังทำงาน เช่น ไม่มีค่าเดินทางไปทำงาน หรือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันคุณอาจต้องการใช้เงินในกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูแลสุขภาพ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในด้านการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพ, ท่องเที่ยว บางคนอาจอยากเดินทางท่องเที่ยวหรือลงทุนในกิจกรรมใหม่ๆ หรือจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว แม้ในช่วงวัยเกษียณ บางคนอาจยังคงให้การสนับสนุนทางการเงินกับครอบครัว การคำนวณค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการออมและการลงทุนให้ครอบคลุมความต้องการของชีวิตหลังเกษียณได้   การตรวจสอบสถานะการประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ในช่วงชีวิตหลังเกษียณ การมีประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่ครอบคลุม สามารถช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ เนื่องจากการดูแลสุขภาพในวัยเกษียณอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทั้งนี้คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ประกันสุขภาพของคุณครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ประกันชีวิตยังคงมีผลต่อการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีการอัปเดตกรมธรรม์ให้ตรงกับความต้องการในปัจจุบัน การทำประกันที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคต   วางแผนการจัดการทรัพย์สินและการสืบทอด การวางแผน สำหรับการจัดการทรัพย์สินในวัยเกษียณ รวมถึงการวางแผนสืบทอดทรัพย์สินให้กับครอบครัวหรือผู้ที่คุณรักเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยอาจต้องมีการจัดทำพินัยกรรมหรือการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เหมาะสม เช่น การตั้งกองทุนมรดกหรือการตั้งองค์กรเพื่อดูแลทรัพย์สิน สรุปส่งท้าย การเตรียมตัวก่อนก้าวเข้าสู่ วัยเกษียณ เป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญและเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ การวางแผนการเงินที่ดี การออมและการลงทุนที่มีความยั่งยืน รวมถึงการเตรียมตัวสำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคตจะช่วยให้คุณมีความมั่งคั่งในวัยเกษียณและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีความสุข จงเริ่มต้นวางแผนวันนี้ เพราะการเตรียมความพร้อมจะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างเต็มที่และมั่งคั่ง!   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

10 เมษายน 2025
กฎหมายการออกแบบอาคาร ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์แผ่นดินไหวมีอะไรบ้าง

กฎหมายการออกแบบอาคารที่เกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหว

กฎหมายการออกแบบอาคาร ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์แผ่นดินไหวมีอะไรบ้าง หลายคนคงอยากรู้ เพราะเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา คงเป็นฝันร้ายของใครหลายๆคน ที่ต้องตกอยู่ในเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างแผ่นดินไหว ที่นั่งทำงานอยู่ก็ต้องวิ่งลงจากตึก เพื่อเอาชีวิตรอด หรือแม้แต่ผู้โชคร้ายที่ตกอยู่ในเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม เป็นเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจผู้คนในวงกว้าง และเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีอยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มีเรื่องอะไรบ้างที่เราควรรู้ หลายคนมุ่งประเด็นความสงสัยมาที่ตัวอาคาร แล้วอาคารที่ปลอดภัยต้องมีมาตราฐานอย่างไรบ้าง กฎหมายกำหนด ให้มีการใช้วัสดุแบบไหนบ้าง? วันนี้บทความนี้ Amber ได้รวบรวมกฎหมายการออกแบบอาคารเกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหวมาฝากเพื่อนๆ เพื่อเป็นความรู้กันค่ะ   นอกจากอาคารที่สูงตระง่าแล้ว ความสำคัญในการสร้างอาคารที่ปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบัน ความปลอดภัยของอาคารในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่บนเขตแผ่นดินไหว ซึ่งมีความเสี่ยงจากการเกิดแผ่นดินไหวในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ดังนั้น การออกแบบอาคารให้สามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นที่มาของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการออกแบบอาคารในสถานการณ์ฉุกเฉินทางภัยพิบัตินั่นเอง   กฎหมายและมาตรฐานการออกแบบอาคารสำหรับแผ่นดินไหว ในประเทศไทย กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการออกแบบอาคารที่ต้องสามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ มีการกำหนดใน “มาตรฐานการออกแบบโครงสร้างอาคารและสิ่งก่อสร้าง พ.ศ. 2558” ซึ่งมีการกำหนดข้อกำหนดในการออกแบบอาคาร เพื่อความปลอดภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว โดยมีการระบุให้ทุกอาคารที่มีความสูงเกิน 6 ชั้น ต้องมีการออกแบบที่สามารถรับมือกับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้   การออกแบบโครงสร้างอาคาร ที่สามารถทนแรงแผ่นดินไหว การออกแบบโครงสร้างอาคารที่ทนทานต่อแผ่นดินไหว จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เช่น วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้จะต้องมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างหลัก เช่น เสาและคาน การวิเคราะห์และคำนวณแรงที่กระทำ การคำนวณแรงแผ่นดินไหว จะต้องใช้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่ตั้งของอาคาร การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก และความเร็วของแผ่นดินไหวในพื้นที่นั้นๆ ระบบโครงสร้างยืดหยุ่น การออกแบบให้มีระบบโครงสร้างที่สามารถยืดหยุ่นได้ เช่น การใช้เทคโนโลยีระบบรองรับแรงแผ่นดินไหว (seismic dampers) หรือระบบกันกระแทก (shock absorbers) เพื่อช่วยลดการกระแทกจากแรงแผ่นดินไหว   กระทรวงมหาดไทยออก “กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564″ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 เพื่อใช้บังคับแทนกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนักฯ ฉบับเดิม พ.ศ. 2550 โดยให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป กฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ได้ปรับปรุงบริเวณที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันที่พบว่า… มีพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในประเทศมากขึ้น จากเดิมมี บริเวณเฝ้าระวัง บริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 2 โดยแบ่งใหม่เป็น 3 บริเวณ ได้แก่ บริเวณที่ 1 (เดิมคือ บริเวณเฝ้าระวัง) มี 14 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร สงขลา สุราษฎร์ธานี โดยมีหลายจังหวัดที่เพิ่มเติมขึ้นมา ได้แก่ ตรัง นครพนม นครศรีธรรมราช บึงกาฬ ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก เพชรบุรี เลย สตูล และหนองคาย และมีบางจังหวัดที่ปรับย้ายไปเป็นบริเวณที่ 2 (พังงา ภูเก็ต ระนอง) บริเวณที่ 2 (เทียบได้กับ บริเวณที่ 1 เดิม) เป็นบริเวณที่อาจได้รับผลกระทบในระดับปานกลาง มี 17 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร โดยมีจังหวัดที่ปรับย้ายมาจากบริเวณเฝ้าระวังเดิม คือ พังงา ภูเก็ต ระนอง และมีจังหวัดที่เพิ่มเติมขึ้นมา ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท นครปฐม นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี และอุทัยธานี บริเวณที่ 3 (เทียบได้กับ บริเวณที่ 2 เดิม) เป็นบริเวณที่อาจได้รับผลกระทบในระดับสูง มี 12 จังหวัด ได้แก่จังหวัดเดิม 10 จังหวัด คือ กาญจนบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน และเพิ่มขึ้น 2 จังหวัด คือ สุโขทัย และอุตรดิตถ์   สำหรับประเภทอาคารที่ให้ใช้บังคับตามกฎกระทรวงฉบับนี้ ได้ปรับปรุงและเพิ่มเติมมากขึ้นในทั้งสามบริเวณ (ดูรายละเอียดในข้อ 4 ของกฎกระทรวง) ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร เพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ไม่ได้บรรจุไว้ในกฎกระทรวงฉบับนี้ แต่จะเป็นไปตามที่รัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือหลักเกณฑ์บางส่วนอาจเป็นไปตามที่มีการจัดทำขึ้น โดยส่วนราชการที่มีหน้าที่และอำนาจในเรื่องนั้น ซึ่งจะทำให้การปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัยเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยคาดว่าจะมีการออกประกาศกำหนดรายละเอียดเพื่อใช้ในการออกแบบและคำนวณภายในระยะเวลาก่อนการใช้บังคับกฎกระทรวงฉบับนี้ กฎกระทรวง: https://download.asa.or.th/03media/04law/cba/mr/mr64-68b.pdf ประกาศจากกฎกระทรวง: https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/275/T_0016.PDF   ผลกระทบของการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการออกแบบ การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว สามารถส่งผลร้ายแรงได้ โดยเฉพาะหากเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ที่ไม่พร้อมรับมือกับแรงสั่นสะเทือน อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งในแง่ของทรัพย์สินและชีวิตมนุษย์ ดังนั้น การปฏิบัติตามกฎหมายการออกแบบอาคารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ บทสรุป สรุปส่งท้าย กฎหมายการออกแบบอาคาร มีเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหว เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในกรอบกฎหมายการก่อสร้าง ซึ่งมีบทบาทในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานการออกแบบอาคารในสถานการณ์แผ่นดินไหวไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้พักอาศัยในอาคารนั้นๆ ว่าพวกเขาจะปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

09 เมษายน 2025
วิกฤตหรือโอกาส ? กับอัตราการเกิดที่ลดลงกับวงการอสังหาฯ

วิกฤตหรือโอกาส ? กับอัตราการเกิดที่ลดลงกับวงการอสังหาฯ

ในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง อาจเป็น วิกฤตหรือโอกาส ที่มีผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มองว่า… การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีความพร้อมรอบด้าน โดยเฉพาะด้านการเงิน หลายๆ คู่ ที่แต่งงานจึงตัดสินใจ “ไม่มีลูก” หรือเลื่อนแผนการมีลูกออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหลายภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ในการปรับตัว เพื่อตอบสนองตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าอัตราการเกิดที่ลดลงจะเป็นวิกฤตที่หลายๆ ฝ่ายวิตกกังวล แต่อีกมุมหนึ่งภาวะนี้อาจจะเป็น “โอกาสใหม่” ให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ลุกขึ้นมาปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะเมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป ความต้องการที่อยู่อาศัยก็ย่อมเปลี่ยนตาม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโครงการเพื่อกลุ่มคนโสด คู่รักไม่มีบุตร หรือผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบทความนี้ Amber จะพาไปสำรวจว่า… วิกฤตอัตราการเกิดที่ลดลงนั้นส่งผลต่อวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?   สถานการณ์อัตราการเกิดที่ลดลง อัตราการเกิดทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราการเกิดของไทยลดลงเหลือประมาณ 500,000 คนต่อปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (เด็กไทยที่เกิดในปี 2567 มีจำนวน 461,421 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่ประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดไม่ถึง 5 แสนคนต่อปี และมีแนวโน้มจำนวนเด็กเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง สถิติพวกนี้แสดงให้เห็นว่า… ในอนาคตโครงสร้างประชากรจะเปลี่ยนไป โดยมีประชากรสูงวัยมากขึ้น และแรงงานวัยหนุ่มสาวลดลง   สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้หลายครอบครัวชะลอการมีลูก ค่านิยมการใช้ชีวิต คนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินและการงานมากกว่าการสร้างครอบครัว ปัจจัยทางสังคมและการศึกษา ผู้หญิงมีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้น ส่งผลให้มีลูกน้อยลงและช้าลง นโยบายภาครัฐ มาตรการจูงใจให้มีลูกยังไม่เพียงพอหรือไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด ผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ การลดลงของอัตราการเกิดส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น… 2.1 ตลาดบ้านเดี่ยว และบ้านจัดสรร ความต้องการบ้านขนาดใหญ่ลดลง เนื่องจากครอบครัวมีขนาดเล็กลงหรือเลือกอยู่แบบคนเดียวมากขึ้น บ้านที่มีพื้นที่กว้าง อาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้รองรับการใช้สอยที่หลากหลาย เช่น พื้นที่ทำงานที่บ้าน (Home Office) หรือพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ 2.2 ตลาดคอนโดมิเนียม คอนโดขนาดเล็กได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์คนโสดและคู่รักที่ไม่มีบุตร ทำเลที่ใกล้แหล่งทำงานและระบบขนส่งมวลชนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ผู้พัฒนาโครงการอาจจะต้องเพิ่มและใส่ใจรายละเอียดในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางมากยิ่งขึ้น เช่น Co-working Space & Meeting Room, EV Charger, Live & Photo Studio หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ 2.3 ตลาดอสังหาฯ เพื่อการเช่า แนวโน้มการเช่าแทนการซื้อเพิ่มขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหยุ่นไม่ต้องการภาระผูกพันระยะยาว และราคาอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นและเข้าถึงได้ยากขึ้น อสังหาฯ ประเภทหอพักอพาร์ทเม้นท์ และคอนโดให้เช่าอาจมีโอกาสเติบโตมากขึ้น 2.4 ตลาดอสังหาฯ สำหรับผู้สูงวัย เนื่องด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับวัยสูงอายุเติบโตขึ้น โครงการที่มีบริการดูแลผู้สูงอายุ เช่น Senior Living หรือ Nursing Home จะเป็นตลาดที่น่าสนใจ แนวทางการปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์คนโสดและครอบครัวขนาดเล็ก เช่น คอนโดขนาดเล็กที่มีฟังก์ชันครบครัน หรือบ้านแนวใหม่ที่ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นบ้านขนาดใหญ่เสมอไป การพัฒนาโครงการสำหรับผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ โดยอาจจะเพิ่มบริการสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม เช่น ระบบสัญญาณฉุกเฉินและบริการดูแลสุขภาพ ใกล้แหล่งโรงพยาบาล เป็นต้น ขยายโอกาสสู่ตลาดอสังหาฯ เพื่อการเช่า เนื่องจากคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัยมากกว่าการเป็นเจ้าของเอง ที่มักจะต้องมีภาระหนี้สินผูกพันระยะยาว ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาโครงการ เช่น Smart Home หรือระบบบริหารจัดการอสังหาฯ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับแนวคิด Sustainable Living มากขึ้น   สรุปส่งท้าย อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยกำหนด วิกฤตหรือโอกาส  ที่สร้างความท้าทายให้กับหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากธุรกิจอสังหาฯ มองเห็นและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างลึกซึ้ง ก็อาจจะต่อยอดสู่ “โอกาสใหม่” ที่พร้อมจะสร้างมูลค่าและตอบโจทย์ความต้องการผู้คนได้อย่างตรงจุด ดังนั้นวิกฤตด้านประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง คงจะเป็นสัญญาณเตือนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งปรับตัว และถ้าหากสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ และเข้าใจทิศทางของสังคมที่เปลี่ยนไป วิกฤตในครั้งนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็น โอกาสครั้งใหญ่ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

04 เมษายน 2025
เช็คขั้นตอนการ ตรวจสอบห้อง หลังจากภัยพิบัติ (ฉบับคนไม่รู้เลย)

เช็คขั้นตอนการ ตรวจสอบห้อง หลังจากภัยพิบัติ (ฉบับคนไม่รู้เลย)

หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ภัยธรรมชาติไป ก็ควรเช็ค และ ตรวจสอบห้อง หลังเกิดแผ่นดินไหว เพื่อความปลอดภัย และบทความนี้ได้รวมขั้นตอนการเช็คหรือตรวจสอบห้อง (ฉบับคนไม่มีความรู้อะไรเลย) คำถามที่ตามมา คือ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า… คอนโดที่เราอยู่ ยังแข็งแรงปลอดภัยหรือไม่? หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สุดของกรุงเทพ ในรอบ 100 ปี หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา และสั่นไหวรุนแรงจนรู้สึกได้ในหลายพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพ ถึงขนาดที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. กลาโหม กล่าวว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่ “ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบ 100 ปี สำหรับกรุงเทพมหานคร” ทั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกแถลงการณ์หลังเกิดเหตุว่า เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมอาคาร “อาคารในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอาคารใหม่ มีการก่อสร้างที่สามารถรับแรงแผ่นดินไหวได้ และตัวเลข [ความรุนแรงที่รับได้] เข้าใจว่ามากกว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้” อย่างไรก็ตาม คำยืนยันดังกล่าวยังไม่สามารถทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโด หลายแห่งสบายใจได้ โดยผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมหลายรายแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียว่า…ตนยังไม่พร้อมกลับเข้าพักในคอนโด เพราะกังวลอาคารถล่มซ้ำรอยลงมาอีก…   ทำไมแผ่นดินไหวในเมียนมาจึงสะเทือนไกลถึงกรุงเทพ ก็เพราะว่าการสั่นสะเทือนครั้งนี้ มีระดับความรุนแรงถึง 7.3 ริเตอร์ ส่งผลให้ตึกหลายแห่งถล่ม และจากการสำรวจสาเหตุของตึกที่ถล่มลงมา เกิดจากเหล็กที่ใช้ก่อสร้างอาคารหรือ ตึก สตง.บางส่วนผิดมาตรฐาน หรือเกรดต่ำกว่าที่เป็นจริง   แล้วเมื่อทราบเช่นนี้แล้ว เราควร ตรวจสอบหรือเช็คห้องอย่างไรดี? ถึงจะปลอดภัย โดยผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) อาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา และวิศวกรโยธาประสบการณ์มากกว่า 30 ปี แนะนำว่า… ควรสังเกตคอนโด เพื่อให้มั่นใจว่าอาคารที่อาศัยอยู่มีความปลอดภัยพอที่จะอยู่อาศัยต่อไปได้ รวมถึงรอยร้าวรูปแบบต่างๆ บ่งบอกอะไรได้บ้าง?   แผ่นดินไหวเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแรงของตึกสูง แต่ยังไม่ใช่สำหรับอาคารเตี้ย เพราะระดับความรุนแรงครั้งนี้ จะ[เป็นการ]ทดสอบว่าอาคารสูงๆ มีความแข็งแรงยืดหยุ่นเพียงใด ความรุนแรงของแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลถึงอาคารสูงในกรุงเทพ ในระดับความรุนแรง ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง และจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจาก ตัวคลื่นแผ่นดินไหวที่ถูกส่งมาจากเมียนมา เป็นแผ่นดินไหวคลื่นยาว (Long-period Ground Motion) ซึ่งมีผลกระทบอย่างมาก สำหรับอาคารที่เป็นอาคารสูง ก็เลยจะเห็นว่า… มีความเสียหายในตัวตึกที่เป็นอาคารสูงค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตึกในกรุงเทพ นั้นแตกต่างกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ซึ่งอาคารเตี้ยได้รับผลกระทบอย่างมาก อาคารเตี้ยจะได้รับผลกระทบจากคลื่นแผ่นดินไหวที่เป็นคลื่นสั้น เหมือนพื้นที่ต่างๆ ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ของเมียนมา ที่เราเห็นว่าอาคารแค่ 3-4 ชั้น มีการพังถล่มค่อนข้างเยอะกว่า   รอยร้าวแบบไหนกันนะ?! ที่เป็นอันตราย และแบบไหนที่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย เมื่อตัวอาคารมันเคลื่อนตัวโยกไปโยกมา อาจเกิดรอยร้าวได้! หากรอยร้าวไม่ได้เกิดกับโครงสร้าง ถือว่าไม่เป็นอันตราย แต่หากเป็นรอยร้าวบริเวณโครงสร้าง ผู้อยู่อาศัยควรจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาพิจารณาแทนว่า… ความเสียหายรุนแรงแค่ไหน   ตรวจสอบระดับความเสียหายเบื้องต้น โดยอ้างอิงจากคู่มือของกรมโยธาธิการและผังเมืองไว้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารสามารถแยกระดับความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ คือ ระดับสีเขียว หรือ ระดับที่ไม่เป็นอันตรายใดๆ คือ ผลกระทบต่อบริเวณลักษณะของโครงสร้างรอง เช่น อิฐก่อ ฝ้าเพดาน หรือ ปูนฉาบ ระดับสีเหลือง หรือ ระดับรุนแรงระดับปานกลาง คือ ผลกระทบต่อบริเวณ เสา คาน กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก และพื้นคอนกรีตมีการฉีกขาดจนเห็นถึงบริเวณเหล็ก ระดับสีแดง หรือ ระดับอันตราย จำเป็นต้องถูกตรวจสอบโดยวิศวกรก่อนเข้าใช้อาคาร คือผลกระทบต่อบริเวณโครงสร้างหลัก คอนกรีตแตกร้าว เห็นเหล็กดุ้ง หรือโค้งงอ   ทั้งนี้ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เปิดเผยวันนี้ว่า ทางกรุงเทพมหานครได้รวบรวมวิศวกรอาสาลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบ 155 แห่ง และพบว่ามีอาคารที่เสียหายในระดับสีแดง 2 แห่ง ซึ่งประชาชนที่พักอาศัยได้รับข้อมูลและออกจากพื้นที่แล้ว อาคารที่อยู่ในระดับสีเหลือง 33 แห่ง และอาคารที่อยู่ในระดับสีเขียว 102 แห่ง และอยู่ในระหว่างการรายงานอีก 18 แห่ง   อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่าอาคารแต่ละระดับสีคืออาคารใดบ้าง การตรวจสอบความเสียหายขั้นต้นของโครงสร้างอาคารจากรอยร้าว จัดทำโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองที่มาของภาพ,กรมโยธาธิการและผังเมือง     นี่เป็นภาพที่เรานำมาจากกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อให้เพื่อนๆ และทุกคน ลองตรวจสอบรอยร้าว รอบห้องหรืออาคารดู หากเป็นรอยร้าวระดับสีเขียว ก็อาศัยอยู่ได้ แต่หากเป็นรอยร้าวสีเหลือง หรือสีแดง ก็ควรหลีกเลี่ยง ให้วิศวกร มาตรวจสอบโครงสร้างก่อน   สรุปส่งท้าย หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ภัยธรรมชาติไปเพื่อนๆ อย่าลืม! เช็ค หรือ ตรวจสอบห้อง หลังเกิดแผ่นดินไหว เพื่อความปลอดภัย โดยสังเกตจากรอยร้าวนะคะ ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน Amber   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

02 เมษายน 2025

รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน เดือนมีนาคม 2568 จากธนาคารในประเทศไทย

รีไฟแนนซ์บ้าน(Refinance) คือ การทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับอีกธนาคารหนึ่ง เมื่อเกิดการ สิ้นสุดสัญญาสินเชื่อที่มีอยู่กับธนาคารหนึ่งไปแล้ว โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกธนาคารได้เองตามแต่ว่า ธนาคารใดจะให้ข้อเสนอที่น่าจูงใจมากกว่ากัน โดยส่วนใหญ่จะมีการรีไฟแนนซ์ หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านก็ต่อเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไปหรือตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญากู้บ้าน ดังนั้น การรีไฟแนนซ์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน และภาระในการผ่อนได้ นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดภาระในการแบกรับอัตราดอกเบี้ยได้ คือ รีเทนชั่น (Retention) หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม โดยการพิจารณานั้น ทางธนาคารจะตรวจสอบประวัติ การผ่อนชำระของผู้กู้ที่ผ่านมา ข้อดี คือ ผู้กู้สินเชื่อบ้านสามารถดำเนินธุรกรรมกับธนาคารเดิมได้โดยไม่ต้องมีภาระในการจัดเตรียมเอกสารใหม่ เพื่อขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ทำให้การรีเทนชั่นใช้ระยะเวลาไม่นานใน การพิจารณาอนุมัติการขอลดดอกเบี้ยบ้าน รีเทนชั่น (Retention) หรือ รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน เมื่อผู้กู้ผ่อนบ้านมาเป็นเวลา 3 ปี ผู้กู้มักจะมีการขอลดอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านกับธนาคารเก่า หรือธนาคารใหม่ ที่เรียกว่าการ Retention กับ Refinance นั่นเอง และในบทความนี้ Amber ได้รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 อัปเดตประจำเดือนมีนาคม จากหลากหลายธนาคาร มาเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยว่า… รีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี ธนาคารไหนให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านต่ำที่สุด ถูกที่สุด และขอลดดอกเบี้ยบ้าน มี เงื่อนไขอะไรบ้าง?… เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้กู้สินเชื่อบ้าน คอนโด ที่กำลังจะรีไฟแนนซ์ หรือรีเทนชั่น พร้อมเครื่องมือคำนวณอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่จะช่วยให้การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่ของคุณง่ายขึ้น อัปเดต! อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 ประจำเดือน มีนาคม ธนาคารส่วนใหญ่ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อบ้าน MRR เป็นเกณฑ์ในการลดอัตราสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน คอนโด ซึ่งเราได้นำอัตรา ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีที่ต่ำที่สุดมาจัดอันดับ โดยมีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ของธนาคารที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ดังนี้   ตารางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 ประจำเดือน มีนาคม *** อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี คำนวณแบบค่าเฉลี่ยทางคณิตศาสตร์เท่านั้น*** และตามหัวข้อของเรากับ 9 อันดับธนาคารที่น่าสนใจ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำ ที่สุด ประจำเดือน มีนาคม 2568 1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (G H Bank) อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบ้าน GHB Precious Plus ปี 2568 สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป หรือ ลูกค้าสวัสดิการไม่มีเงินฝาก ผู้กู้มี รายได้ (Gross) ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.70% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.79% อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 2 = 2.80% และอัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 = 3.50% โดยให้วงเงินกู้ตามเกณฑ์หลักประกันให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี คือ โครงการสินเชื่อ Senior Home 4U ปี 2568 สำหรับผู้กู้ต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.47% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = 2.00% ปีที่ 2 = 2.50% และปีที่ 3 = 2.90% และให้วงเงินกู้ตาม เกณฑ์รายได้ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.545% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568) 2. ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารทหารไทยชาต แบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกัน คือ สินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (ลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TTB Payroll) ที่มีอัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.89% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี โดยผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวผู้กู้สินเชื่อต้องสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท ส่วนสินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (สำหรับลูกค้าทั่วไป ที่ไม่ได้รับบัญชีเงินเดือนผ่าน ทีทีบี) จะมี อัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 3.09% ในกรณีของการสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปีเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.605% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568) 3. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% แบ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก = 1.59% ปีที่ 2-3= 3.63% สำหรับลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA แบบไม่ฟรีค่า จดจำนอง ส่วนลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA และต้องการให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ มีอัตราดอกเบี้ย เฉลี่ย 3 ปีต่ำสุดอยู่ที่ 3.15% นอกจากนั้น การขอลดดอกเบี้ยบ้านกับ ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ยังมีสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกัน MRTA/MLTA และไม่ต้องการให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ ซึ่งมีอัตรา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.05% และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกัน MRTA/MLTA ในรูปแบบ ฟรีค่า จำนอง มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.25% โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินกู้ 100% ของภาระหนี้ คงเหลือจากสถาบันการเงินเดิม แต่ไม่เกินราคาประเมินหลักประกัน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 8.580% (ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม 2568) 4. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ โปรโมชั่นพิเศษ รีไฟแนนซ์ KKP x Refinn มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด 3.02% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = 0.99% ปีที่ 2 = MLR-4.36% และ ปีที่ 3 = MLR-3.46% โดยมีเงื่อนไขหลักในการทำประกันคุ้มครองวงเงินกู้กับบริษัทประกัน ที่ผ่านธนาคาร (MRTA) ทุนประกันภัย 100% และระยะเวลำเอาประกันขั้นต่ำ 10 ปี ในกรณีลูกค้ำมีระยะเวลา กู้ ไม่ถึง 10 ปี ให้ทำประกันโดยระยะเวลาเอาประกันขั้นต่ำเท่ากับระยะเวลากู้ ฟรีประเมิน, ฟรีอากร, ฟรี อัคคีภัย, ฟรีค่าจดจำนอง เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด นอกจากนั้น สำหรับผลิตภัณฑ์รีไฟแนนซ์บ้านปกติของธนาคารในกรณีที่ผู้กู้ประสงค์ทำประกันอยู่ที่ 3.15%ประกอบด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.99% และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวปีที่ 2 = MLR-4.475% และ ปีที่ 3 = MLR-3.965% และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกันมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.417% โดยธนาคารออกค่าประเมิน ค่าอากร ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปี และฟรีค่าจดจำนอง โดยทั้ง 2 รูปแบบให้วงเงินกู้ สูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ ต้องการอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.60% สำหรับกรณีที่ผู้กู้ประสงค์ ทำประกัน และ 3.85% สำหรับผู้กู้ที่ไม่ประสงค์ทำประกัน โดยทั้ง 2 รูปแบบให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคา ประเมินหรือวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาทเช่นกัน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MLR = 7.950% (ประกาศ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2568) 5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) สำหรับการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย ต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 3.083% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี คือ ปีที่ 1 = 1.88% ปีที่ 2 = MRR-4.40% และปีที่ 3 = MRR-2.58% โดยมีเงื่อนไขสำหรับหลักประกันประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์ โฮม ห้องชุดพักอาศัย ราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี) โดยให้วงเงินกู้สูงสุดที่ 95% ของราคาประเมิน นอกจากนั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังมีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์สำหรับหลักประกันประเภท อาคารพาณิชย์วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 5.05% และ อาคารพาณิชย์วงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 4.80% โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมิน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.175% (ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม 2568) 6. ธนาคารกสิกรไทย (Kbank) ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกสิกรไทย มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุด อยู่ที่ 3.10% แบ่งเป็นรูปแบบที่ 1 อัตราดอกเบี้ยปีแรก = 1.99% ปีที่ 2 = 3.16% และ ปีที่ 3 = 4.16% และ รูปแบบที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-3 = 3.10% โดยทั้ง 2 รูปแบบเป็นผลิตภัณฑ์ดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าที่ทำประกันเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้านตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด วงเงินกู้ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนั้น ธนาคารกสิกรไทย ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่ไม่ประสงค์ทำประกันเพื่อคุ้มครอง สินเชื่อ มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุด = 3.27% แบ่งเป็นปีที่ 1 = 2.49% ปีที่ 2 = 3.16% และปีที่ 3 = 4.16% สำหรับวงเงินกู้ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์จาก ธนาคารกสิกรไทย ให้วงเงินกู้ไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หลักประกัน และมีระยะเวลาให้กู้ สูงสุดไม่เกิน 30 ปี (อายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี) อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.080% (ประกาศ ณ วันที่ 4 มีนาคม 2568) 7. ธนาคารกรุงไทย (KTB) สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงไทย มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 3.29% สำหรับ กรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป และสามารถเลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 บาท/เดือนในปีที่ 1 ได้ และต้องทำประกัน แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.99% ปีที่ 2 = 3.39% และปี ที่ 3 = 4.49% นอกจากนั้น ธนาคารกรุงไทย (KTB) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แบบไม่ทำประกัน ที่มีอัตรา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด 3.39% สำหรับกรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป และสามารถ เลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 ได้เช่นกัน แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 2.29% ปีที่ 2= 3.39% และปีที่ 3 = 4.49% โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 100% และมีระยะเวลาผ่อน นานสูงสุด 40 ปี อ้างอิงตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินให้ MLR = 6.825% (ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2568) 8. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) สำหรับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงเทพ เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปี มีอัตรา ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.48% แบ่งเป็น ปีที่ 1 = 2.75% และ ปีที่ 2-3 = MRR-3.10% เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป กรณีหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป หรือ หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มโครงการที่มี ข้อตกลงกับธนาคาร และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อบ้านบัวหลวงพร้อม ประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง) หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ และไม่เกินอัตราส่วนวงเงินสินเชื่อสูงสุดตามประกาศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนกรณี หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 2-3.99 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.63% และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อ บ้านบัวหลวงพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง) หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ สำหรับหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป เฉพาะวงเงินอนุมัติต่ำกว่า 2 ล้านบาท […]

27 มีนาคม 2025
อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 มีเรื่องไหนที่ต้องรู้บ้าง?

อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 มีเรื่องไหนที่ต้องรู้บ้าง?

ซื้อบ้าน หรือคอนโดสักห้อง อาจเป็นปัญหาน่าปวดหัวของใครหลายคน แต่หากคุณรู้และได้ อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 แล้ว… ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากอีกต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่พึ่งเริ่มต้นลงทุนอสังหาฯ เพราะต่างกังวลเรื่องการขอสินเชื่อ นอกจากจะกลัวเรื่องวงเงินกู้แล้ว ยังกลัวไม่ได้รับอนุมัติ เหตุนี้จึงต้องศึกษาข้อกำหนด เงื่อนไขของธนาคาร ตาม มาตรการ LTV รวมทั้งเคล็ดลับของนักลงทุนที่นิยมลงทุนอสังหาด้วย   วันนี้ Amber เลยได้รวบรวมข้อสรุป การปลดล็อกมาตรการ LTV กู้ยังไงให้ได้ 100% หมายความว่าเราไม่ต้องวางเงินดาวน์ในการซื้อบ้านทั้งหลังแรก หลังที่ 2,3,4,… และจะราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือสูงกว่า 10 ล้านบาท ก็กู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์ จริงหรือไม่? ต้องบอกว่า… จริงค่ะ!! นี่เป็นมาตรการชั่วคราวประมาณ 1 ปีเท่านั้น โดยต้องทำสัญญาเงินกู้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2569 นี้ค่ะ หากเราย้อนกลับไปดูข้อบังคับเดิมของปี 2567 จะเห็นว่า… มีกฎเกณฑ์ให้เราต้องวางเงินดาวน์ หากต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านที่มีราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนเงินดาวน์อยู่ที่ 10-30% แต่ด้วยสัญญาณของตลาดอสังหาฯ ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว ทำให้แบงค์ชาติออกมาตรการนี้มากระตุ้น เพื่อให้คนที่อยากมีบ้านหลังที่ 2,3,4,.. หรือคนที่อยากซื้อบ้านราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท กู้ 100% ไม่ต้องวางดาวน์เลย ทำให้กู้ธนาคารได้ง่ายขึ้น ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย อ้างอิง : ตามข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศล่าสุด 20 มีนาคม 2568   Amber ทำตารางสรุปมาให้เห็นภาพง่ายๆ ว่ามาตรการ LTV 2568 นี้กำหนดให้ทุกราคา และทุกสัญญาบ้านสามารถกู้ได้ 100% ไปเลย และยังคงมีเฉพาะสัญญาบ้านหลังที่ 1 ที่สามารถกู้ 110% เพื่อใช้ตกแต่งได้ค่ะ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารแล้วว่าจะให้กู้หรือไม่? ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโปรไฟล์-เครดิตทางการเงินของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ   มาตรการ LTV คืออะไร?   ​​“มาตรการ LTV” เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ เนื่องจากโดยปกติแล้วในการซื้อบ้าน คนส่วนใหญ่มักจะซื้อด้วยเงินกู้และทยอยผ่อนจ่าย แต่ในการกู้เงินซื้อบ้านนั้น ธนาคารอาจไม่ได้ปล่อยเงินกู้ให้เต็ม 100% ของราคาบ้านเสมอไป ผู้ซื้อจึงอาจต้องวาง “เงินดาวน์” (เงินส่วนแรกที่จะต้องจ่ายเวลากู้ซื้อบ้าน) ก่อน ซึ่งมาตรการ LTV นี้เอง… ที่เป็นเป็นมาตรการที่กำหนดวงเงินที่ผู้กู้จะกู้ซื้อบ้านได้ (หรืออีกนัยหนึ่งก็ คือ กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำที่ผู้กู้จะต้องจ่าย) โดยพิจารณาจากราคาบ้านและจำนวนสัญญาที่กู้เป็นหลัก   ทำไมต้องออก LTV?   เหตุผลสำคัญที่ต้องออกมาตรการ LTV ก็เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อบ้านให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่กระตุ้นให้ประชาชนก่อหนี้เกินตัว รวมถึงการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกินควร อันจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป   LTV นั้นย่อมาจากคำเต็มว่า loan-to-value ratio หมายถึง อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน ตัวอย่างเช่น หากบ้านราคา 2 ล้านบาท และกำหนดให้ LTV = 90% หมายความว่าเราจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้านได้เพียง 1.8 ล้านบาท (90% x 2 ล้าน) และต้องวางเงินดาวน์อีก 2 แสนบาท สำหรับส่วนที่เหลืออีก 10% ของราคาบ้านนั่นเอง สำหรับมาตรการ LTV หรือในชื่อที่เป็นทางการว่า “หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย” มีหลักการสำคัญคือการกำหนด LTV (อีกนัยหนึ่งคือกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำ ตามตัวอย่างข้างต้น) ของการกู้สินเชื่อใหม่และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ให้เข้มขึ้นเพื่อที่จะสะท้อนความเสี่ยงได้ดีขึ้น สำหรับการผ่อนบ้านพร้อมกัน 2 หลังขึ้นไป หรือบ้านมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นมาตรการ LTV จึงส่งผลเฉพาะกับคนที่ผ่อนบ้าน 2 หลังพร้อมๆ กันหรือกู้ซื้อบ้านที่ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น!   มาตรการ LTV 2567 ก่อนเข้าสู่มาตรการ LTV (ชั่วคราว)ในปี 2568   มาตรการ LTV หลักๆ ในปีที่แล้วจะมีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน คือ กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็นร้อยละ 100 สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป   การผ่อนคลายนี้ให้เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569   สรุปส่งท้าย หวังว่าบทความ อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 มีเรื่องไหนที่ต้องรู้บ้าง? นี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกคนที่กำลังเตรียมตัวหาข้อมูลกู้ซื้อบ้าน-คอนโด-ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ให้ทุกคนได้วางแผน และผ่อนบ้านได้อย่างสบายใจ   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

25 มีนาคม 2025