เทรนด์คอนโดปี 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมของไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่ผู้ซื้อไม่ได้มองแค่ “ราคาต่อตารางเมตร” อีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับ คุณค่าโดยรวม ทั้งด้านคุณภาพชีวิต การออกแบบ ฟังก์ชัน และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 แม้ปีนี้จะไม่เริ่มต้นด้วยการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงหรือแรงกระเพื่อมในวงการอสังหาริมทรัพย์ตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง แต่ตัวเลขที่ปรากฏในช่วง 3 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา กลับซ่อนสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างที่อาจกำหนดอนาคตของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ไปอีกหลายปีข้างหน้า แม้จะไม่มีข่าวฮือฮา หรือยอดขายแบบ sold out ภายในไม่กี่วันเหมือนในอดีต บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก เทรนด์คอนโดล่าสุดปี 2568 ที่นักพัฒนาและนักลงทุนต้องรู้!

ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า… ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด 14 โครงการ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดประมาณ 19,837 ล้านบาท ด้วยอุปทานเปิดขายใหม่ทั้งหมด 5,656 ยูนิต ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 72.1% แต่พบว่า… จากอุปทานเปิดขายใหม่ทั้งหมดสามารถขายได้เพียง 2,110 ยูนิต คิดเป็นอัตราการขายเฉลี่ย 37% เท่านั้น!

แม้จะยังไม่เรียกว่า “แย่” ในเชิงตัวเลข ถือว่าห่างไกลจากภาพของตลาดคอนโดมิเนียมในยุคทอง ที่อัตราการขายช่วงเปิดตัวเคยพุ่งสูงถึง 60–70% อย่างต่อเนื่อง และตัวเลขเหล่านี้ ไม่ใช่เพียงข้อมูลธรรมดา

นี่คือ กระจกสะท้อนความเป็นจริงชุดใหม่ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญอย่างตรงไปตรงมา ความเป็นจริงที่ผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจซื้อจากแค่ราคาถูกหรือทำเลใกล้รถไฟฟ้าอีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาเป็นดีมานด์เฉพาะกลุ่มที่มองหาสิ่งที่ตอบโจทย์เฉพาะตัวมากกว่า ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ มีพฤติกรรมที่แตกต่าง

นั่นหมายความว่า ในยุคที่ตลาดไม่ใช่ผู้ขายเป็นฝ่ายเลือกอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นผู้ซื้อเป็นผู้มีอำนาจตัดสินอย่างแท้จริง ผู้พัฒนาจึงต้องยกระดับความเข้าใจผู้บริโภคให้ลึกขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่การแข่งขันไม่ใช่เรื่องของ“ใครเปิดก่อน ใครถูกกว่า” แต่คือ “ใครเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากกว่ากัน” และ “ใครสามารถเปลี่ยนโครงการหนึ่งให้กลายเป็นการใช้ชีวิตที่คนอยากเป็นเจ้าของ

ดังนั้น ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2568 ไม่ใช่ตลาดที่ใครเข้ามาก็ขายได้อีกต่อไป หากไม่มีจุดขายที่ชัดเจน เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย และไม่มีความเข้าใจในบริบทใหม่ของผู้บริโภค โครงการเหล่านั้นจะถูกกลืนหายไปในตลาดที่แน่นขนัดด้วยตัวเลือก ในวันที่ลูกค้าไม่ได้เลือกแค่ “คอนโด” แต่เลือก “ชีวิต” ที่ต้องการ การเข้าใจความฝันของเขาให้ได้ก่อน คือ จุดเริ่มต้นของการขายที่ยั่งยืน

 

คอนโด ที่วัดจาก คุณค่าที่จับต้องได้” มากกว่าราคาที่ถูกที่สุด

แม้สภาพเศรษฐกิจยังท้าทาย แต่ผู้ซื้อยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพมากกว่าการประหยัดต้นทุน

ตัวอย่างของคุณค่าที่คนมองหา : วัสดุคุณภาพสูงที่ยั่งยืน, ฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น เช่น พื้นที่ทำงาน Work From Home, ระบบ Smart Home ที่ใช้งานได้จริง, บริการหลังการขายที่ใส่ใจ

และด้วยไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ คอนโดต้องตอบโจทย์มากกว่าที่อยู่อาศัย ผู้บริโภคยุค 2568 คาดหวังมากกว่าการมี “ห้องพัก” แต่ต้องการที่พักที่ช่วย “เติมเต็มชีวิต” เช่น Co-working space & Co-living lounge, Fitness แบบครบวงจร + Wellness Zone, Pet-friendly space, ระบบจัดการพัสดุแบบอัตโนมัติ

แม้ทำเลใจกลางเมืองจะยังเป็นที่สนใจ แต่ในปี 2568 ไม่จำเป็นต้อง “ใจกลางเมือง” ขอแค่ “ใช้ชีวิตได้จริง” ทำเลทองแบบใหม่ คือ พื้นที่ที่สามารถใช้ชีวิตได้ โดยไม่ต้องเดินทางไกล

อีกทั้ง Sustainability และ Green Living คือ “มาตรฐานใหม่” ของคอนโดที่ออกแบบอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบประหยัดพลังงาน พื้นที่สีเขียวภายในโครงการการจัดการขยะและน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ วัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน ทุกปัจจัยล้วนมีผลต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น

 

การลงทุนคอนโดปี 2568 ต้องเน้น “ปล่อยเช่าง่าย อยู่เองได้”

แม้แนวโน้มการลงทุนอสังหาจะไม่หวือหวาเหมือนอดีต แต่ “คอนโดที่อยู่เองได้ดี ปล่อยเช่าง่าย” ยังคงมีดีมานด์สูง คอนโดขนาด 1-2 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า โครงการที่บริหารจัดการดี มีบริการครบ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางสมเหตุสมผล นักลงทุนมักมองหาคอนโดที่ “ขายออกง่าย + ปล่อยเช่าไว” จะช่วยลดความเสี่ยงระยะยาว

 

สรุปส่งท้าย เทรนด์คอนโดปี 2568 ไม่ใช่แค่ “ซื้อให้ถูก” แต่ต้อง “ซื้อให้ใช่” เพราะตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2568 กำลังเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผู้บริโภคไม่ใช่แค่นักลงทุน แต่คือคนที่มองหาความสุขระยะยาวจากการอยู่อาศัย ใครที่เข้าใจพฤติกรรมนี้ก่อน มีโอกาสชนะทั้งยอดขายและความไว้วางใจนั่นเอง…

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย

ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

 

เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/

 

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

อยาก ซื้อคอนโด 5 ล้าน ใกล้รถไฟฟ้าเป็นของตัวเอง แต่ไม่แน่ใจว่า… ต้องมีเงินเดือนเท่าไรถึงจะซื้อได้?

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังวางแผนซื้อคอนโดมิเนียมเป็นทรัพย์สินชิ้นแรกในชีวิต ราคาคอนโดประมาณ 5 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับกลางถึงสูงที่หลายคนกำลังเล็งไว้ โดยเฉพาะในทำเลดี ๆ ใจกลางเมืองหรือใกล้รถไฟฟ้า แต่คำถามสำคัญคือ “ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะซื้อคอนโดราคา 5 ล้านได้?” แต่ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้ การซื้อคอนโดราคาประมาณ 5 ล้านบาทต้นๆ ถือเป็นเป้าหมายที่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ…

แต่ต้องเตรียมตัวทั้งเรื่องรายได้ เงื่อนไขกู้ยืม รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลังซื้อ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ บทความนี้จะมาอธิบาย เพื่อเป็นแนบทางให้คุณไปถึงเป้าหมายการเป็นเจ้าของคอนโดได้อย่างตั้งใจ!

 

กู้เงินซื้อคอนโด 5 ล้าน ต้องมีเงินเดือนเท่าไร?

การคำนวณรายได้เป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนซื้อคอนโด โดยเฉพาะหากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินเกินตัว

 

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเผื่อไว้หลังจากกู้คอนโดผ่าน

พอจะเห็นภาพกันแล้วว่า… หากต้องการซื้อคอนโดในราคา 5 ล้านบาท ควรมีเงินเดือนเท่าไร เพื่อประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย ในกรณีที่ขอกู้ซื้อคอนโดผ่านเรียบร้อย

 

แล้วคอนแบบไหนเหมาะกับคุณ? คอนโดมือหนึ่งหรือมือสอง!

การเลือกซื้อคอนโด เป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากในชีวิต ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของผู้ซื้อ แต่หลายคนมักมีคำถามว่า ควรเลือกคอนโดมือหนึ่งหรือมือสองดี เพราะทั้งสองตัวเลือกมีข้อดีที่แตกต่างกัน มาดูรายละเอียดกันเลย

ข้อดีของคอนโดมือหนึ่ง

ข้อดีของคอนโดมือสอง

เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ?

หากคุณต้องการความสะดวกสบายทันสมัย และไม่อยากยุ่งยากกับการซ่อมแซม คอนโดมือหนึ่งอาจเป็นคำตอบ แต่ถ้าหากคุณมองหาทำเลที่ดีในราคาย่อมเยา และสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ปรับปรุงซ่อมแซมได้ คอนโดมือสองก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ควรพิจารณาความต้องการส่วนตัวและงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วย เพื่อให้คุณได้คอนโดที่เหมาะสมกับชีวิตและการเงินมากที่สุด

 

สรุปส่งท้าย ซื้อคอนโด 5 ล้าน ควรมีเงินเดือนอย่างน้อย 85,000 บาทขึ้นไป และมีประวัติการเงินดี ไม่มีหนี้สินอื่นที่หนักจนเกินไป หากคุณมีเป้าหมายนี้ในใจ ลองวางแผนการเงินล่วงหน้า และเริ่มเก็บเงินดาวน์ไว้ตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้การมีบ้านในฝันเป็นจริงได้เร็วขึ้น 

ข้อมูลอ้างอิง : เงินเดือน 30,000 บาท กู้ซื้อบ้านได้ไหม กู้ได้เท่าไร คำนวณได้อย่างไร?. จากเว็บไซต์ของ K-Property

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย

ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

 

เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/

 

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

 

กำลังจะซื้อบ้านหรือคอนโด แล้วสงสัยว่า… ควร ไปดูบ้านช่วงไหนดี เวลาใด ถึงจะเห็นข้อดีข้อเสียครบ!! เวลาที่ไปดูโครงการจริง มีผลมากกับการตัดสินใจ เพราะบางสิ่งบางอย่างจะ “เห็นชัด” เฉพาะในบางช่วงเวลาเท่านั้น!

บทความนี้ Amber จะพาคุณวิเคราะห์ว่า… ควรไปดูบ้าน-คอนโดช่วงไหนถึงจะ “ดีที่สุด”
ทั้งในแง่แสง เสียง บรรยากาศ และความคึกคักของทำเล

 

  1. ช่วงเวลา ไปดูบ้าน-คอนโด ตอน เช้า vs บ่าย vs เย็น

เช้า (08:00–11:00) – บรรยากาศเงียบสงบ

บ่าย (13:00–16:00) – รู้เลยว่า “แดดจัด” แค่ไหน

เย็น (17:00–19:00) – เช็กสภาพการจราจร-เสียงรบกวน

 

  1. วันในสัปดาห์ ไปดูบ้าน-คอนโด วันธรรมดา vs เสาร์อาทิตย์

วันธรรมดา

วันเสาร์–อาทิตย์

 

  1. ช่วงฤดูกาล หน้าฝนก็ดูบ้าน-คอนโดได้ แถมดีด้วยซ้ำ!

หลายคนคิดว่าหน้าฝนไม่ควรดูบ้าน-คอนโดช่วงนี้ แต่จริงๆ แล้ว… เป็นโอกาสดีมาก! เพราะจะได้เห็น พื้นที่น้ำท่วมไหม?, รางระบายน้ำทำงานดีหรือเปล่า, เพื่อนบ้านมีปัญหาน้ำรั่ว น้ำขังหรือไม่?

ในทางกลับกัน หน้าร้อนจะช่วยให้รู้ว่าห้องอับไหม ระบายอากาศดีหรือเปล่า

หน้าหนาวก็เหมาะกับดูแสงเงาและบรรยากาศโดยรวมของพื้นที่

 

เคล็ดลับเพิ่มเติม : ถ้าสนใจโครงการไหนจริงๆ ให้ลองไปดู 2–3 ช่วงเวลา เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และอย่าลืมสังเกตเสียงรบกวน เช่น เสียงจากถนน, โรงงาน, ร้านค้า ถ่ายรูปและจดบันทึกไว้ทุกครั้งที่ไปดูบ้าน-คอนโด จะได้ไม่สับสนเวลาเปรียบเทียบหลายๆ โครงการ

 

สรุปส่งท้าย ควร ไปดูบ้านช่วงไหนดี การตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยถาวร ควรไปดูบ้าน-คอนโดหลายๆช่วงเวลา จะดีที่สุด เพื่อสังเกตปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่าง แสงแดด เสียงรบกวน การจราจร สภาพแวดล้อมโดยรอบ อีกทั้งการไปดูให้วันธรรมดา และวันเสาร์อาทิตย์อาจจะได้ราคาโปรโมชั่นที่แตกต่างกันก็ได้ ถ้าชอบจริงๆ แนะนำไปดูหลายๆ รอบได้เลยค่ะ และการเลือกช่วงเวลาให้เหมาะ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น อย่าตัดสินบ้าน-คอนโดจากแค่ภาพรวมช่วงเดียว เพราะบ้าน-คอนโด คือ การอยู่จริงในทุกช่วงเวลา…

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย

ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

 

เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/

 

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

สำหรับมนุษย์เงินเดือนมือใหม่ หรือ First Jobber ที่กำลังอยู่ในช่วงมองหาคอนโดห้องแรก ในราคาหลักล้านต้นๆ คงมีคำถามว่า First Jobber อยู่คอนโด ทำเลไหนดี ที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า เดินทางง่าย ไปทำงานสะดวก และรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน

“ทำเลใกล้รถไฟฟ้า” ถือเป็นทำเลที่ตอบโจทย์อย่างรอบด้าน บทความนี้ Amber จะพาไปดูถึง 5 ทำเลคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ สำหรับวัยสร้างตัว

เริ่มต้นชีวิตการทำงาน ก็ต้องเลือกที่อยู่ให้ตอบโจทย์! เมื่อต้องก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานเต็มตัว หนึ่งในคำถามที่ First Jobber หลายคนสงสัยก็คือ “จะอยู่คอนโดโซนไหนดี?” โดยเฉพาะถ้าทำงานในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งข้อดีเรื่องโอกาสงาน และข้อเสียอย่างปัญหาการจราจร ถ้าเลือกทำเลผิด ชีวิตอาจจะหมดแรงตั้งแต่ยังไม่ถึงที่ทำงานเลยก็ได้

 

และ 5 โซนแนะนำสำหรับ First Jobber ที่กำลังมองหาคอนโด มีดังนี้

  1. อารีย์ – สะพานควาย (สายสีเขียวเข้ม)
  1. พระราม 9 – ห้วยขวาง (MRT สายสีน้ำเงิน)
  1. บางนา – แบริ่ง – สำโรง (สายสีเขียวต่อ BTS)
  1. จตุจักร – ลาดพร้าว (MRT + BTS สายสีเหลือง/น้ำเงิน)
  1. สุขุมวิทตอนต้น – พระโขนง – อ่อนนุช (BTS สายสุขุมวิท)

 

เทคนิคการเลือกคอนโดสำหรับ First Jobber

  1. ใกล้ที่ทำงานหรือใกล้รถไฟฟ้า – ลดเวลาเดินทาง เพิ่มเวลาพักผ่อน
  2. มีร้านค้าและร้านอาหารใกล้ๆ – จะได้ไม่เหนื่อยหลังเลิกงาน
  3. คอนโดไม่ต้องใหม่มาก แต่ปลอดภัย – คุมงบประมาณไว้ เผื่ออนาคตเปลี่ยนงาน
  4. มีพื้นที่ส่วนกลางน่าใช้งาน – ฟิตเนส สระว่ายน้ำ หรือ Co-working Space
  5. เช็คค่าส่วนกลางและค่าใช้จ่ายแฝง – เผื่อไว้ในรายจ่ายประจำ

 

สรุปส่งท้าย เลือกคอนโดในโซนที่ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ = เริ่มต้นชีวิตการทำงานอย่างมีคุณภาพ

การเลือกคอนโดไม่ใช่แค่เรื่องของที่อยู่อาศัย แต่เป็นการลงทุนกับ “คุณภาพชีวิต” โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นทำงาน ถ้า First Jobber อยู่คอนโด ก็ควรเลือกทำเลที่ตอบโจทย์ ก็จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และอาจช่วยให้คุณก้าวหน้าในสายงานได้ไวขึ้นอีกด้วย

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย

ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

 

เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/

 

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

เมื่อผ่อนบ้านไปได้สักพัก หลายคนเริ่มมองหาวิธีลดดอกเบี้ย เพื่อให้ภาระการผ่อนเบาลง และ ประหยัดดอกเบี้ย ในระยะยาว และมีสองทางเลือกยอดฮิต นั่นก็คือ ” รีเทนชั่น (Retention) และ รีไฟแนนซ์ (Refinance)” แต่หลายคนยังสับสนว่า… แบบไหนดีกว่ากัน? ต่างกันตรงไหน? วันนี้ Amber มีคำตอบชัดๆ มาให้ค่ะ!

รีเทนชั่น (Retention) คืออะไร?

รีเทนชั่น คือ การต่อรองอัตราดอกเบี้ย กับธนาคารเดิมที่คุณผ่อนอยู่ เปรียบเหมือนการเจรจาขอลดดอกเบี้ยโดยไม่ต้องย้ายธนาคาร ไม่เสียค่าธรรมเนียม ไม่เสียเวลายื่นเอกสารใหม่เยอะ

ข้อดี

ข้อเสีย

 

รีไฟแนนซ์ (Refinance) คืออะไร?

รีไฟแนนซ์คือ การย้ายภาระหนี้บ้านจากธนาคารเดิม ไปยัง ธนาคารใหม่ ที่ให้ดอกเบี้ยดีกว่า เพื่อประหยัดเงินในระยะยาว

ข้อดี

ข้อเสีย

 

เปรียบเทียบ รีเทนชั่น VSรีไฟแนนซ์

รีเทนชั่น

 

รีไฟแนนซ์

 

แล้วควรเลือกรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์?

 

ก่อนตัดสินใจ ลองเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายธนาคาร และลองยื่น “รีเทนชั่น” กับธนาคารเดิมก่อนก็ได้ ถ้าได้ดอกเบี้ยไม่ดีค่อย “รีไฟแนนซ์” ก็ยังทัน!

สรุปส่งท้าย เลือกให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ การเลือก รีเทนชั่น vs รีไฟแนนซ์ ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของคุณ งบประมาณ ความพร้อมในการจัดการเอกสาร ภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงวิธีที่จะ ประหยัดดอกเบี้ย มากที่สุดด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ดอกเบี้ยบ้านแพงอยู่ตลอดไป ทั้งสองวิธีนี้ช่วยให้คุณประหยัดเงินหลักแสนได้ในระยะยาว…

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ทำเลอโศก ถือเป็นหนึ่งใน ทำเลศักยภาพสูงสุดของกรุงเทพฯ ที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์และผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองต่างให้ความสนใจอยู่เสมอ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ “อโศก” ก็ยังคงเป็นชื่อที่สะท้อนถึงความสะดวก สบาย คุ้มค่า และมีอนาคตในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง วันนี้ Amber จะพาคุณมาส่อง 4 จุดแข็งที่ทำให้ แยกอโศก เป็น ทำเลทองตลอดกาล ที่ไม่ควรมองข้าม

 

  1. ศูนย์กลางคมนาคมครบทุกระบบ

อโศก คือ จุดตัดของระบบคมนาคมขนาดใหญ่ ทั้ง

การเดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลายทั้ง เข้าเมือง ออกเมือง หรือไปสนามบิน ส่งผลให้พื้นที่นี้เหมาะกับทั้งผู้อยู่อาศัยและสำนักงานธุรกิจ

 

  1. แหล่งรวมอาคารสำนักงาน และศูนย์กลางธุรกิจ (CBD)

อโศก ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ CBD กรุงเทพ (Central Business District) เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานชั้นนำ เช่น Exchange Tower, GMM Grammy Place, Interchange 21 ทำให้มีดีมานด์จากกลุ่มพนักงาน นักธุรกิจ และบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก ส่งผลต่อค่าเช่าและราคาทรัพย์สินที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

 

  1. ใกล้ศูนย์การค้า โรงแรม โรงเรียนอินเตอร์

ทำเลอโศกล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมลักชูรี่ เช่น Terminal 21, Robinson สุขุมวิท, โรงเรียน NIST, Wells International School, โรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง The Westin, Sheraton Grande เหมาะทั้งกับครอบครัว นักท่องเที่ยว และกลุ่ม Expat ที่มองหาความสะดวกครบจบในที่เดียว

 

  1. มีศักยภาพในการเติบโตของราคาที่ดิน

ราคาที่ดินย่านอโศก มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยพื้นที่ที่มีจำกัดและความต้องการสูง โดยข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า… ราคาต่อตารางวาในพื้นที่นี้สูงเกิน 1 ล้านบาท/ตร.ว. และยังมีแนวโน้มขึ้นอีก ด้วยโครงการพัฒนาใหม่ๆ ทั้งคอนโดมิเนียม สำนักงาน และโรงแรม

 

สรุปส่งท้าย ทำไม ทำเลอโศก ถึงเป็น “ทำเลดีตลอดกาล” ก็เพราะว่า… แยกอโศก เป็นมากกว่าทำเลกลางเมือง เพราะมันคือ ศูนย์กลางของการใช้ชีวิต การลงทุน และการเดินทาง หากคุณกำลังพิจารณาเลือกซื้อ-เช่าคอนโดมิเนียม หรือมองหาที่ดินลงทุนในระยะยาว “อโศก” คือ คำตอบที่ไม่เคยตกยุค

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

การ ปล่อยเช่า อสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด บ้าน หรืออาคารพาณิชย์ เป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยสูง แต่เมื่อจะเริ่มปล่อยเช่า หลายคนก็มักจะลังเลว่า… ควรจัดการเองดี หรือควรใช้บริการตัวแทน (Agent) ดีกว่ากัน?

 

ในบทความนี้เราจะพาไปเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองทางเลือก เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

ปล่อยเช่าเอง

ข้อดี:

ข้อเสีย:

เสี่ยงเจอผู้เช่าไม่ดี

 

แต่หาก ปล่อยเช่าผ่าน Agent

ข้อดี:

ข้อเสีย:

 

สรุปแล้ว… แบบไหนดีกว่ากันนะ Amber ทำภาพสรุปให้แล้ว เพื่อที่จะเข้าใจได้ง่าย

ปล่อยเช่า อสังหา เอง VS ผ่าน Agent แบบไหนดีกว่ากัน?

การผ่าน Agent เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและลดความยุ่งยากในทุกขั้นตอน แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ทั้งการ ปล่อยเช่า เองและการใช้บริการเอเจนต์ต่างมีข้อดีและข้อเสียในแบบของตัวเอง หากคุณมีเวลา ความรู้ และความพร้อมในการจัดการรายละเอียดต่าง ๆ การปล่อยเช่าเองอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและให้คุณควบคุมทุกอย่างได้ตามต้องการ แต่ถ้าคุณต้องการความสะดวก ลดภาระงาน และได้รับความช่วยเหลือจากมืออาชีพ การปล่อยเช่าอสังหาฯ ผ่านเอเจนต์ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์

ดังนั้น การเลือกวิธีใดจึงขึ้นอยู่กับความสะดวก ไลฟ์สไตล์ของคุณเองเป็นหลัก และสำหรับใครที่ตัดสินใจแล้วว่าจะลงประกาศ ปล่อยเช่า อสังหาฯ ด้วยตัวเอง คุณก็สามารถใช้บริการ Amber ประกาศขาย/เช่า อสังหาฯ ที่ใช้งานง่ายมากที่สุด มีทีมงานดูแลทุกขั้นตอน

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

คำถามที่หลายคนสงสัยตลอดเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ กรรมสิทธิ์ ของผู้ซื้อที่จะได้จากคอนโดหรือห้องชุดนั้น คืออะไร? มีโฉนดหรือไม่? แล้วการซื้อคอนโด จะแตกต่างจากซื้อบ้าน หรือไม่?

และหากเกิดวินาศภัยขึ้นมา คนที่ซื้อบ้านก็ยังเหลือที่ดินที่มีมูลค่าในตัวของมัน แต่หากเป็นห้องชุด เมื่อเกิดเหตุการณ์จากภัยพิบัติ อย่างแผ่นดินไหว อาจจะไม่เหลืออะไรให้จับต้องเลยใช่ไหม

ดังนั้น การจะซื้อห้องชุดหรือบ้าน ต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง และศึกษาเรื่องของกรรมสิทธิ์บ้านและห้องชุดให้ดีก่อนจะซื้อ

บทความนี้ Amber จะมาดูกันว่าแท้จริงแล้ว… ในแง่ของ “ความเป็นเจ้าของ” นั้น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? ระหว่างการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ 2 ประเภทนี้ รวมถึงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้องชุด เราจะได้มาตอนไหน และเมื่อเกิดความเสียหายของตัวอาคารแบบร้ายแรงในฐานะเจ้าของห้องชุด เราจะได้อะไรบ้าง

 

โฉนดที่ดินกับหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด

  1. โฉนดที่ดิน (น.ส.4)

ในการซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อโครงการที่สร้างใกล้เสร็จแล้วและสามารถย้ายเข้าอยู่ เพื่อทำการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ได้เลย สาเหตุที่ต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์เพราะเดิมเจ้าของยูนิตนั้นเป็นชื่อของบริษัทที่ทำโครงการนั้นๆ เมื่อเราซื้อความเป็นเจ้าของจะต้องเปลี่ยนมาเป็นของเรา แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนได้ทันทีเสมอโดยแยกเป็นกรณีดังนี้

แต่ก่อนจะโอนกรรมสิทธิ์ อย่าลืมตรวจสอบห้อง เพื่อการรับโอนกรรมสิทธิ์ด้วยนะคะ

มีทริคเช็กง่ายๆ ตั้งแต่การตรวจรับถึงโอนกรรมสิทธิ์มีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

  1. กรณีซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ โดยผ่านการกู้ธนาคาร หากเราต้องทำการกู้สถาบันการเงินในวันโอนกรรมสิทธิ์นั้น เราจะต้องไปสำนักงานเขตกับทางเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินผู้ที่ทำเรื่องกู้ให้เราด้วย ซึ่งกรรมสิทธิ์ในโฉนดจะเป็นชื่อของผู้ซื้อ แต่ติดภาระจำนองกับธนาคารที่กู้เงิน อย่างไรก็ตาม โฉนดตัวจริงทางสถาบันการเงินจะเป็นผู้เก็บโฉนดไว้ ส่วนเราจะได้เป็นตัวสำเนาแทน

รายละเอียดพื้นที่ดินที่ระบุไว้ในโฉนดทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของที่มีชื่อปรากฏในโฉนดที่ดินเท่านั้น! ซึ่งเราเรียกโฉนดนี้ว่า น.ส.4 นั่นเอง ซึ่งเป็นโฉนดที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หรือพูดง่ายๆ ว่าเจ้าของสามารถขายบ้านหลังนั้นให้กับผู้อื่นได้นั่นเอง

  1. หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2)

การซื้อห้องชุดนั้นจะแตกต่างกัน เพราะเราจะไม่ได้โฉนดเหมือนกับของบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ในข้างต้นแต่เราจะได้เป็น “หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือ อ.ช.2” แทน

อย่างไรก็ตาม ในสัญญาซื้อขายจะระบุไว้ว่าเราคือ เจ้าของร่วม ของโครงการนั้นๆ สาเหตุที่ใช้คำนี้ก็เพราะว่าในโครงการยังมีพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากพื้นที่อยู่อาศัยของลูกบ้านหรือที่เราคุ้นหูกับคำว่าส่วนกลางนั่นคือ พื้นที่ที่สามารถเข้าถึงโดยสิทธิ์ของลูกบ้านทุกคนที่อาศัยอยู่ในโครงการ และทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนกลางนี้ โดยผ่านการจ่ายค่าส่วนกลางในแต่ละเดือนนั่นเองค่ะ

และสำหรับสิทธิ์ในเรื่องความเป็นเจ้าของกรณีจ่ายเงินสดด้วยตัวเองหรือกู้ผ่านสถาบันการเงินจะคล้ายกับกรณีของบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ นั่นคือ จะเป็นชื่อเราก็ต่อเมื่อเราชำระค่าบ้านทั้งหมดด้วยเงินส่วนตัวของเราหรือเป็นชื่อสถาบันการเงินกรณีขอสินเชื่อ

 

เอกสารสิทธิ์ที่ดินมีอะไรบ้าง?

มาทำความรู้จักเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 6 ประเภท มีอะไรบ้าง แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร

โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้เมื่อไหร่

หากเป็นโครงการใหม่ยังไม่ได้ก่อสร้างหรือกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง (พรีเซล) เราจะยังไม่สามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดใดๆ ได้ แต่สิ่งที่เราทำในช่วงแรก คือ การจองและการทำสัญญา

โดยรายละเอียดของห้องชุด (ขนาดของห้อง, แปลนห้อง, วัสดุและสิ่งของที่จะได้รับ) ทั้งหมดนั้นตามกฎหมายจะต้องถูกระบุอยู่ในสัญญา และเราควรจะทำการอ่านสัญญาให้ดีเพราะเมื่อเราจรดปลายปากกาเซ็นชื่อเราไปแล้วจะเป็นหลักฐานที่ว่าเราได้อ่านสัญญาและเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาดีแล้ว

หลังจากผ่านขั้นตอนการจองและทำสัญญาก็จะเข้าสู่ช่วงผ่อนดาวน์ ซึ่งยอดผ่อนดาวน์นี้จะต้องเป็นเงินก้อนสะสมของเราเองเพราะสถาบันการเงินไม่มีประเภทสินเชื่อกรณีผ่อนดาวน์นั่นเองซึ่งยอดผ่อนดาวน์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 10-30% ของราคาห้องชุด (สำหรับการซื้อห้องชุด สัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือซื้อห้องชุด สัญญาแรกที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป)

หลังจากที่เราผ่อนดาวน์หมดแล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่ช่วงโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งจะสามารถทำการโอนได้ กรณีที่การก่อสร้างของโครงการนั้นแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ โดยตามกฎหมายกรณีที่การก่อสร้างของโครงการล่าช้าไม่เกินสองเดือน ผู้ซื้อไม่สามารถยกเลิกสัญญาแล้วขอเงินจองกับทำสัญญาคืนได้

อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายหากโครงการล่าช้าจากที่ระบุในสัญญาเป็นปีทางโครงการจะต้องคืนเงินมัดจำในจำนวนที่ได้ตกลงกันในสัญญาไว้ (จำไว้ว่าทุกอย่างต้องถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร) เมื่อโครงการแล้วเสร็จ เราจะต้องตรวจรับห้อง ซึ่งตามกฎหมายหากขนาดห้องคลาดเคลื่อนจะมากขึ้นหรือน้อยลงไม่เกิน 5% ของขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา

ทางโครงการจะต้องปรับลดราคาในระดับต่อตารางเมตร แต่จะเป็นตารางเมตรละกี่บาทนั้นก็ต้องตรงกับที่ปรากฏในสัญญาด้วยจะระบุปากเปล่าไม่ได้เป็นอันขาด เช่นเดียวกันหากขนาดของห้องมากกว่าที่ระบุไว้แต่ไม่เกิน 5% ทางผู้ซื้อจะต้องจ่ายส่วนต่างในอัตราเดียวกันที่ระบุไว้ในสัญญา

หากสเปคของห้องชุดคลาดเคลื่อนอย่างมีนัยยะสำคัญหรือเกิน 5% จากขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา ทางผู้ซื้อมีสิทธิที่จะขอเรียกเงินมัดจำคืนได้ แต่จะในอัตราเท่าไรนั้น ก็ต้องตรงตามที่ระบุในสัญญาด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อเราตรวจเพื่อรับโอนเรียบร้อย คราวนี้เราจะต้องไปที่สำนักงานเขตที่โครงการนั้นตั้งอยู่เช่นเดียวกัน หากเป็นเงินเราเองทั้งหมดก็จดกรรมสิทธิ์ห้องชุดเป็นชื่อของเราได้เลย แต่หากเป็นการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินในหนังสือกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของสถาบันการเงินนั้นเช่นเดียวกับกรณีของบ้านและทาวน์เฮ้าส์ในข้างต้น

อย่างไรก็ตามทางสถาบันการเงินจะเก็บหนังสือกรรมสิทธิ์ฉบับจริงไว้ ส่วนเราจะได้เป็นตัวสำเนาแทน

 

กรณีที่คอนโดถูกทุบทิ้งหรือพังถล่ม ผู้ซื้อจะไม่เหลืออะไรจริงหรือไม่?

ส่วนใหญ่แล้วราคาต่อตารางเมตร ที่โครงการขายจะถูกผูกมากับจำนวนเงินที่โครงการนั้นจะต้องจ่ายในเรื่องของการทำประกันตัวอาคารกรณีเกิดวินาศภัย เช่น ไฟไหม้หรือแผ่นดินไหว

ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าโครงการไหนไม่มีการทำประกันตัวอาคารทางสถาบันการเงินจะไม่ปล่อยกู้ให้ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ให้ดีเวลลอปเปอร์ก่อสร้างโครงการหรือปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อที่สนใจในโครงการนั้นๆ

เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้นมาจริงๆ จนส่งผลไปยังความเสียหายของตัวอาคาร ทางนิติบุคคลจะได้เงินประกันมาหนึ่งก้อนซึ่งจะถูกจัดสรรให้แก่ลูกบ้านตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จาก

จำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ

สมมติว่า พื้นที่ทั้งหมดของโครงการ คือ 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ของห้องคุณคือ 40 ตารางเมตร จะเท่ากับ (40 x 100) ÷ 20,000 = 0.2% นั่นคือสมมติว่าค่าเสียหายที่โครงการเรียกร้องได้จากบริษัทประกันคือ 1,000 ล้านบาท คุณจะได้เงินคืนประมาณ 2 ล้านบาทนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ทางนิติบุคคลสามารถเรียกประชุมลูกบ้าน เพื่อลงมติต่างๆ ได้ตั้งแต่ลงเสียง เพื่อกระจายเงินก้อนนี้ คืนหรือจะนำเงินก้อนที่ได้ไปซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่ โดยอาจจะลงมติกันว่าจะเพิ่มส่วนต่างเท่าไร

นอกจากนี้ในส่วนของที่ดินโครงการหากมีการขายต่อก็จะได้เงินจากการขายที่ดินมาแบ่งกันตามสัดส่วนการถือครองด้วยเช่นกัน

 

ประกันอัคคีภัยบ้าน

ประกันอัคคีภัยบ้าน 4 ข้อควรรู้ ทั้งเรื่องทุนประกัน เงื่อนไข ความคุ้มครอง และระยะเวลา

จะเห็นได้ว่า… ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย คุณควรจะต้องอ่านสัญญาให้รอบคอบก่อนจรดปลายปากกายินยอมเงื่อนไขต่างๆ ที่ปรากฏในสัญญา รวมถึงสัญญาประเภทอื่นก็เช่นกัน เพราะเมื่อคุณเซ็นไปแล้วนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งสามารถอ้างได้เลยว่า คุณยินยอมและเข้าใจข้อต่างๆ ในสัญญาเป็นอย่างดีแล้วจึงทำการเซ็น

หากมีการฟ้องร้องกันขึ้นมาจริงๆ คุณจะเสียแต้มจากจุดนี้ หรือเพื่อเป็นการ play safe อาจจะพาผู้รู้ทางกฎหมายหรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์การซื้อบ้านหรือห้องชุดมาก่อนไปด้วย เพื่อช่วยตีความสัญญานั่นเองค่ะ

สรุปส่งท้าย ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) กรรมสิทธิ์ ห้องชุด(คอนโด) คือ ส่วนหนึ่งของอาคารที่สามารถแยกการถือครองกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด พร้อมกับมี กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง ด้วย เช่น ทางเดิน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ ฯลฯ หากเกิดวินาศภัยขึ้นมาจริงๆ แล้วตัวอาคารได้รับความเสียหาย ลูกบ้านจะได้รับการจัดสรร ชดเชยเยียว คืนเงินตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จากจำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยและเงื่อนไขอื่นๆ ด้วยนะคะ

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ในปัจจุบัน การ ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูง สำหรับคนที่ต้องการบ้านหลังแรก หรือแม้กระทั่งคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ในเมืองที่สะดวกสบาย การเลือกซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ หรือคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว มีข้อดีมากมายที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดพร้อมอยู่แทนการซื้อคอนโดที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในบทความนี้ Amber จะพาคุณไปทำความรู้จักกับข้อดีของการซื้อคอนโดพร้อมอยู่ว่ามีอะไรบ้าง?…

 

  1. ประหยัดเวลาและสะดวกสบาย

หนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดของการซื้อคอนโดพร้อมอยู่ คือ ความสะดวกสบาย เนื่องจากคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถเข้าอยู่ได้ทันที หลังจากการทำสัญญาซื้อขายเสร็จสิ้น คุณไม่ต้องรอระยะเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีเหมือนกับการซื้อคอนโดที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและทำให้คุณสามารถเริ่มต้นการใช้ชีวิตในบ้านใหม่ได้ทันที

การเข้าอยู่ทันที ยังช่วยให้คุณสามารถตกแต่งและปรับปรุงบ้านตามความต้องการได้ในทันที ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้ว่า… อุปกรณ์และระบบต่างๆ ภายในคอนโด เช่น ระบบไฟฟ้า, น้ำประปา, เครื่องปรับอากาศ และอื่นๆ ทำงานได้ตามปกติหรือไม่

 

  1. สภาพแวดล้อมและพื้นที่พร้อมใช้งาน

คอนโดที่พร้อมอยู่นั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยที่พร้อมใช้งานได้ทันที เช่น ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, สวนหย่อม, หรือพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ซึ่งบางโครงการอาจมีการออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนที่ต้องการความสะดวกสบายในการพักอาศัย

นอกจากนี้การเลือกคอนโดพร้อมอยู่ ยังช่วยให้คุณสามารถเห็นสภาพแวดล้อมจริงของโครงการ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ, การจราจรในพื้นที่ และการเดินทางสู่จุดหมายต่างๆ ที่สะดวกสบาย คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าคอนโดนั้นเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่

 

  1. ไม่มีความเสี่ยงจากการล่าช้าในการก่อสร้าง

การซื้อคอนโดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรืออยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อาจมีความเสี่ยงจากการล่าช้าในการส่งมอบโครงการ ซึ่งอาจทำให้คุณต้องรอนานกว่ากำหนด หรืออาจเกิดปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดระหว่างการก่อสร้าง เช่น ปัญหาผู้รับเหมาหรือปัญหาด้านวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพ

แต่การซื้อคอนโดพร้อมอยู่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ เพราะคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้วสามารถเข้าอยู่ได้ทันที โดยไม่มีความเสี่ยงจากการล่าช้าในการก่อสร้าง ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้บ้านใหม่ตามที่คาดหวัง

ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ ดียังไง? คำตอบที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ

  1. สามารถตรวจสอบคุณภาพของคอนโดได้จริง

เมื่อคุณซื้อคอนโดที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณสามารถตรวจสอบคุณภาพของคอนโดได้จริง ซึ่งแตกต่างจากการซื้อคอนโดที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ที่อาจมีแค่แผนผังและภาพจำลองให้ดู คุณสามารถเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น วัสดุการก่อสร้าง, ความกว้างของห้อง, ความสะดวกในการใช้งาน และความสวยงามของพื้นที่

หากพบข้อบกพร่องหรือสิ่งที่ไม่ตรงตามที่คุณคาดหวัง คุณสามารถแจ้งให้กับผู้ขายหรือผู้พัฒนาโครงการ เพื่อให้มีการแก้ไขก่อนที่คุณจะย้ายเข้าอยู่

  1. การซื้อคอนโดพร้อมอยู่ช่วยลดความกังวล

การซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างที่อาจล่าช้า หรือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของแผนก่อสร้างหรือวัสดุที่ใช้ในโครงการ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าคอนโดที่คุณเลือกซื้อมีคุณภาพตามที่ต้องการ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งาน

อีกทั้ง ยังช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการรอคอยวันโอนกรรมสิทธิ์ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง

 

  1. มีความสามารถในการกำหนดงบประมาณได้ง่ายขึ้น

เมื่อคุณซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ คุณสามารถคำนวณงบประมาณที่ชัดเจนได้มากขึ้น เนื่องจากคุณสามารถทราบราคาขายที่แน่นอน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง และค่าดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่างจากการซื้อคอนโดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ที่คุณอาจต้องคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงหรือความล่าช้าในการก่อสร้าง

สรุปส่งท้าย การ ซื้อคอนโดพร้อมอยู่ มีข้อดีหลายประการ ทั้งในแง่ของความสะดวกสบาย การประหยัดเวลา ความมั่นคงในด้านคุณภาพ และการลดความเสี่ยงจากปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้า นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังการทำสัญญาซื้อขายเสร็จสิ้น หากคุณกำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน การซื้อคอนโดพร้อมอยู่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสมกับความต้องการของคุณ

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ชวนเช็คระดับความพร้อม ก่อนก้าวสู่ วัยเกษียณ อย่างมั่งคั่ง การวางแผนชีวิตในช่วงวัยเกษียณเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามหรือเลื่อนออกไป จนกระทั่งถึงช่วงเวลาใกล้เกษียณจริงๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดและความไม่มั่นคงทางการเงินในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถก้าวเข้าสู่วัยเกษียณด้วยความมั่งคั่งและมีความสุขในชีวิตที่ไร้กังวล บทความนี้ Amber จะพาคุณไปเช็คระดับความพร้อมก่อนการก้าวเข้าสู่ชีวิตหลังเกษียณ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเตรียมตัว เพื่อความมั่งคั่งในอนาคต

 

  1. การประเมินสถานะทางการเงินปัจจุบัน

ก่อนที่จะเริ่มวางแผนสำหรับการเกษียณ คุณควรเริ่มต้นด้วยการประเมินสถานะทางการเงินของตัวเองในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องทำคือการตรวจสอบรายได้, รายจ่าย, และหนี้สินที่มีอยู่ เช่น

การรู้จักสถานะการเงินของตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายทางการเงินในอนาคตได้อย่างชัดเจนและมีความเป็นจริงมากขึ้น

 

  1. การวางแผนการออมและการลงทุนเพื่อการเกษียณ

การวางแผนการออมและการลงทุนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวให้กับตัวเอง การออมเงินในกองทุนบำเหน็จบำนาญหรือกองทุนการเกษียณ (Provident Fund, Retirement Mutual Fund) จะช่วยให้คุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ

ในส่วนของการลงทุน ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร เช่น

ควรเริ่มลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เงินลงทุนเติบโตอย่างคุ้มค่าและเพียงพอต่อการเกษียณ

เช็คระดับความพร้อม"ก่อนก้าวสู้ วัยเกษียณ อย่างมั่งคั่ง"

  1. คำนวณค่าใช้จ่ายในช่วงวัยเกษียณ

ในช่วงวัยเกษียณ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะไม่เหมือนกับตอนที่คุณยังทำงาน เช่น ไม่มีค่าเดินทางไปทำงาน หรือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันคุณอาจต้องการใช้เงินในกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูแลสุขภาพ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในด้านการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพ, ท่องเที่ยว บางคนอาจอยากเดินทางท่องเที่ยวหรือลงทุนในกิจกรรมใหม่ๆ หรือจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว แม้ในช่วงวัยเกษียณ บางคนอาจยังคงให้การสนับสนุนทางการเงินกับครอบครัว

การคำนวณค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการออมและการลงทุนให้ครอบคลุมความต้องการของชีวิตหลังเกษียณได้

 

  1. การตรวจสอบสถานะการประกันชีวิตและประกันสุขภาพ

ในช่วงชีวิตหลังเกษียณ การมีประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่ครอบคลุม สามารถช่วยลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้ เนื่องจากการดูแลสุขภาพในวัยเกษียณอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทั้งนี้คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ประกันสุขภาพของคุณครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ประกันชีวิตยังคงมีผลต่อการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด มีการอัปเดตกรมธรรม์ให้ตรงกับความต้องการในปัจจุบัน

การทำประกันที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคต

 

  1. วางแผนการจัดการทรัพย์สินและการสืบทอด

การวางแผน สำหรับการจัดการทรัพย์สินในวัยเกษียณ รวมถึงการวางแผนสืบทอดทรัพย์สินให้กับครอบครัวหรือผู้ที่คุณรักเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยอาจต้องมีการจัดทำพินัยกรรมหรือการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เหมาะสม เช่น การตั้งกองทุนมรดกหรือการตั้งองค์กรเพื่อดูแลทรัพย์สิน

สรุปส่งท้าย การเตรียมตัวก่อนก้าวเข้าสู่ วัยเกษียณ เป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญและเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ การวางแผนการเงินที่ดี การออมและการลงทุนที่มีความยั่งยืน รวมถึงการเตรียมตัวสำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคตจะช่วยให้คุณมีความมั่งคั่งในวัยเกษียณและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีความสุข จงเริ่มต้นวางแผนวันนี้ เพราะการเตรียมความพร้อมจะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างเต็มที่และมั่งคั่ง!

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

กฎหมายการออกแบบอาคาร ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์แผ่นดินไหวมีอะไรบ้าง หลายคนคงอยากรู้ เพราะเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา คงเป็นฝันร้ายของใครหลายๆคน ที่ต้องตกอยู่ในเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างแผ่นดินไหว ที่นั่งทำงานอยู่ก็ต้องวิ่งลงจากตึก เพื่อเอาชีวิตรอด หรือแม้แต่ผู้โชคร้ายที่ตกอยู่ในเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม เป็นเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจผู้คนในวงกว้าง และเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีอยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

และเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มีเรื่องอะไรบ้างที่เราควรรู้ หลายคนมุ่งประเด็นความสงสัยมาที่ตัวอาคาร แล้วอาคารที่ปลอดภัยต้องมีมาตราฐานอย่างไรบ้าง กฎหมายกำหนด ให้มีการใช้วัสดุแบบไหนบ้าง? วันนี้บทความนี้ Amber ได้รวบรวมกฎหมายการออกแบบอาคารเกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหวมาฝากเพื่อนๆ เพื่อเป็นความรู้กันค่ะ

 

นอกจากอาคารที่สูงตระง่าแล้ว ความสำคัญในการสร้างอาคารที่ปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบัน ความปลอดภัยของอาคารในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่บนเขตแผ่นดินไหว ซึ่งมีความเสี่ยงจากการเกิดแผ่นดินไหวในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ดังนั้น การออกแบบอาคารให้สามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นที่มาของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการออกแบบอาคารในสถานการณ์ฉุกเฉินทางภัยพิบัตินั่นเอง

 

กฎหมายและมาตรฐานการออกแบบอาคารสำหรับแผ่นดินไหว

ในประเทศไทย กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการออกแบบอาคารที่ต้องสามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ มีการกำหนดใน “มาตรฐานการออกแบบโครงสร้างอาคารและสิ่งก่อสร้าง พ.ศ. 2558” ซึ่งมีการกำหนดข้อกำหนดในการออกแบบอาคาร เพื่อความปลอดภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว โดยมีการระบุให้ทุกอาคารที่มีความสูงเกิน 6 ชั้น ต้องมีการออกแบบที่สามารถรับมือกับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้

 

การออกแบบโครงสร้างอาคาร ที่สามารถทนแรงแผ่นดินไหว

การออกแบบโครงสร้างอาคารที่ทนทานต่อแผ่นดินไหว จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เช่น

 

กระทรวงมหาดไทยออก “กฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. 2564″ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 เพื่อใช้บังคับแทนกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนักฯ ฉบับเดิม พ.ศ. 2550 โดยให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

กฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ได้ปรับปรุงบริเวณที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันที่พบว่า… มีพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในประเทศมากขึ้น จากเดิมมี บริเวณเฝ้าระวัง บริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 2 โดยแบ่งใหม่เป็น 3 บริเวณ ได้แก่

 

สำหรับประเภทอาคารที่ให้ใช้บังคับตามกฎกระทรวงฉบับนี้ ได้ปรับปรุงและเพิ่มเติมมากขึ้นในทั้งสามบริเวณ (ดูรายละเอียดในข้อ 4 ของกฎกระทรวง) ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคาร เพื่อต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ไม่ได้บรรจุไว้ในกฎกระทรวงฉบับนี้ แต่จะเป็นไปตามที่รัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคารประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือหลักเกณฑ์บางส่วนอาจเป็นไปตามที่มีการจัดทำขึ้น โดยส่วนราชการที่มีหน้าที่และอำนาจในเรื่องนั้น ซึ่งจะทำให้การปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัยเป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยคาดว่าจะมีการออกประกาศกำหนดรายละเอียดเพื่อใช้ในการออกแบบและคำนวณภายในระยะเวลาก่อนการใช้บังคับกฎกระทรวงฉบับนี้

กฎกระทรวง: https://download.asa.or.th/03media/04law/cba/mr/mr64-68b.pdf

ประกาศจากกฎกระทรวง: https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/275/T_0016.PDF

 

ผลกระทบของการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการออกแบบ

การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว สามารถส่งผลร้ายแรงได้ โดยเฉพาะหากเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ที่ไม่พร้อมรับมือกับแรงสั่นสะเทือน อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งในแง่ของทรัพย์สินและชีวิตมนุษย์

ดังนั้น การปฏิบัติตามกฎหมายการออกแบบอาคารจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้

บทสรุป

สรุปส่งท้าย กฎหมายการออกแบบอาคาร มีเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหว เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในกรอบกฎหมายการก่อสร้าง ซึ่งมีบทบาทในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานการออกแบบอาคารในสถานการณ์แผ่นดินไหวไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้พักอาศัยในอาคารนั้นๆ ว่าพวกเขาจะปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง อาจเป็น วิกฤตหรือโอกาส ที่มีผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มองว่า… การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีความพร้อมรอบด้าน โดยเฉพาะด้านการเงิน หลายๆ คู่ ที่แต่งงานจึงตัดสินใจ “ไม่มีลูก” หรือเลื่อนแผนการมีลูกออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหลายภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ในการปรับตัว เพื่อตอบสนองตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

แม้ว่าอัตราการเกิดที่ลดลงจะเป็นวิกฤตที่หลายๆ ฝ่ายวิตกกังวล แต่อีกมุมหนึ่งภาวะนี้อาจจะเป็น “โอกาสใหม่” ให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ลุกขึ้นมาปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะเมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป ความต้องการที่อยู่อาศัยก็ย่อมเปลี่ยนตาม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโครงการเพื่อกลุ่มคนโสด คู่รักไม่มีบุตร หรือผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบทความนี้ Amber จะพาไปสำรวจว่า… วิกฤตอัตราการเกิดที่ลดลงนั้นส่งผลต่อวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?

 

  1. สถานการณ์อัตราการเกิดที่ลดลง

อัตราการเกิดทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราการเกิดของไทยลดลงเหลือประมาณ 500,000 คนต่อปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (เด็กไทยที่เกิดในปี 2567 มีจำนวน 461,421 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่ประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดไม่ถึง 5 แสนคนต่อปี และมีแนวโน้มจำนวนเด็กเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง สถิติพวกนี้แสดงให้เห็นว่า… ในอนาคตโครงสร้างประชากรจะเปลี่ยนไป โดยมีประชากรสูงวัยมากขึ้น และแรงงานวัยหนุ่มสาวลดลง

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดลดลง ได้แก่

  1. ผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

การลดลงของอัตราการเกิดส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น…

2.1 ตลาดบ้านเดี่ยว และบ้านจัดสรร ความต้องการบ้านขนาดใหญ่ลดลง เนื่องจากครอบครัวมีขนาดเล็กลงหรือเลือกอยู่แบบคนเดียวมากขึ้น บ้านที่มีพื้นที่กว้าง อาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้รองรับการใช้สอยที่หลากหลาย เช่น พื้นที่ทำงานที่บ้าน (Home Office) หรือพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ

2.2 ตลาดคอนโดมิเนียม คอนโดขนาดเล็กได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์คนโสดและคู่รักที่ไม่มีบุตร ทำเลที่ใกล้แหล่งทำงานและระบบขนส่งมวลชนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ผู้พัฒนาโครงการอาจจะต้องเพิ่มและใส่ใจรายละเอียดในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางมากยิ่งขึ้น เช่น Co-working Space & Meeting Room, EV Charger, Live & Photo Studio หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

2.3 ตลาดอสังหาฯ เพื่อการเช่า แนวโน้มการเช่าแทนการซื้อเพิ่มขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหยุ่นไม่ต้องการภาระผูกพันระยะยาว และราคาอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นและเข้าถึงได้ยากขึ้น อสังหาฯ ประเภทหอพักอพาร์ทเม้นท์ และคอนโดให้เช่าอาจมีโอกาสเติบโตมากขึ้น

2.4 ตลาดอสังหาฯ สำหรับผู้สูงวัย เนื่องด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับวัยสูงอายุเติบโตขึ้น โครงการที่มีบริการดูแลผู้สูงอายุ เช่น Senior Living หรือ Nursing Home จะเป็นตลาดที่น่าสนใจ

วิกฤตหรือโอกาส ? กับอัตราการเกิดที่ลดลงกับวงการอสังหาฯ

  1. แนวทางการปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์

พัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์คนโสดและครอบครัวขนาดเล็ก เช่น คอนโดขนาดเล็กที่มีฟังก์ชันครบครัน หรือบ้านแนวใหม่ที่ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นบ้านขนาดใหญ่เสมอไป

การพัฒนาโครงการสำหรับผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ โดยอาจจะเพิ่มบริการสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม เช่น ระบบสัญญาณฉุกเฉินและบริการดูแลสุขภาพ ใกล้แหล่งโรงพยาบาล เป็นต้น

ขยายโอกาสสู่ตลาดอสังหาฯ เพื่อการเช่า เนื่องจากคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัยมากกว่าการเป็นเจ้าของเอง ที่มักจะต้องมีภาระหนี้สินผูกพันระยะยาว

ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาโครงการ เช่น Smart Home หรือระบบบริหารจัดการอสังหาฯ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

พัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับแนวคิด Sustainable Living มากขึ้น

 

สรุปส่งท้าย อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยกำหนด วิกฤตหรือโอกาส  ที่สร้างความท้าทายให้กับหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากธุรกิจอสังหาฯ มองเห็นและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างลึกซึ้ง ก็อาจจะต่อยอดสู่ “โอกาสใหม่” ที่พร้อมจะสร้างมูลค่าและตอบโจทย์ความต้องการผู้คนได้อย่างตรงจุด

ดังนั้นวิกฤตด้านประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง คงจะเป็นสัญญาณเตือนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งปรับตัว และถ้าหากสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ และเข้าใจทิศทางของสังคมที่เปลี่ยนไป วิกฤตในครั้งนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็น โอกาสครั้งใหญ่ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ