
รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน เดือนมีนาคม 2568 จากธนาคารในประเทศไทย
รีไฟแนนซ์บ้าน(Refinance) คือ การทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับอีกธนาคารหนึ่ง เมื่อเกิดการ สิ้นสุดสัญญาสินเชื่อที่มีอยู่กับธนาคารหนึ่งไปแล้ว โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกธนาคารได้เองตามแต่ว่า ธนาคารใดจะให้ข้อเสนอที่น่าจูงใจมากกว่ากัน โดยส่วนใหญ่จะมีการรีไฟแนนซ์ หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านก็ต่อเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไปหรือตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญากู้บ้าน ดังนั้น การรีไฟแนนซ์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน และภาระในการผ่อนได้ นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดภาระในการแบกรับอัตราดอกเบี้ยได้ คือ รีเทนชั่น (Retention) หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม โดยการพิจารณานั้น ทางธนาคารจะตรวจสอบประวัติ การผ่อนชำระของผู้กู้ที่ผ่านมา ข้อดี คือ ผู้กู้สินเชื่อบ้านสามารถดำเนินธุรกรรมกับธนาคารเดิมได้โดยไม่ต้องมีภาระในการจัดเตรียมเอกสารใหม่ เพื่อขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ทำให้การรีเทนชั่นใช้ระยะเวลาไม่นานใน การพิจารณาอนุมัติการขอลดดอกเบี้ยบ้าน รีเทนชั่น (Retention) หรือ รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน เมื่อผู้กู้ผ่อนบ้านมาเป็นเวลา 3 ปี ผู้กู้มักจะมีการขอลดอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านกับธนาคารเก่า หรือธนาคารใหม่ ที่เรียกว่าการ Retention กับ Refinance นั่นเอง และในบทความนี้ Amber ได้รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 อัปเดตประจำเดือนมีนาคม จากหลากหลายธนาคาร มาเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยว่า… รีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี ธนาคารไหนให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านต่ำที่สุด ถูกที่สุด และขอลดดอกเบี้ยบ้าน มี เงื่อนไขอะไรบ้าง?… เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้กู้สินเชื่อบ้าน คอนโด ที่กำลังจะรีไฟแนนซ์ หรือรีเทนชั่น พร้อมเครื่องมือคำนวณอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่จะช่วยให้การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่ของคุณง่ายขึ้น อัปเดต! อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 ประจำเดือน มีนาคม ธนาคารส่วนใหญ่ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อบ้าน MRR เป็นเกณฑ์ในการลดอัตราสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน คอนโด ซึ่งเราได้นำอัตรา ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีที่ต่ำที่สุดมาจัดอันดับ โดยมีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ของธนาคารที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ดังนี้ ตารางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 ประจำเดือน มีนาคม *** อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี คำนวณแบบค่าเฉลี่ยทางคณิตศาสตร์เท่านั้น*** และตามหัวข้อของเรากับ 9 อันดับธนาคารที่น่าสนใจ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำ ที่สุด ประจำเดือน มีนาคม 2568 1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (G H Bank) อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบ้าน GHB Precious Plus ปี 2568 สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป หรือ ลูกค้าสวัสดิการไม่มีเงินฝาก ผู้กู้มี รายได้ (Gross) ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.70% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.79% อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 2 = 2.80% และอัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 = 3.50% โดยให้วงเงินกู้ตามเกณฑ์หลักประกันให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี คือ โครงการสินเชื่อ Senior Home 4U ปี 2568 สำหรับผู้กู้ต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.47% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = 2.00% ปีที่ 2 = 2.50% และปีที่ 3 = 2.90% และให้วงเงินกู้ตาม เกณฑ์รายได้ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.545% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568) 2. ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารทหารไทยชาต แบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกัน คือ สินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (ลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TTB Payroll) ที่มีอัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.89% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี โดยผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวผู้กู้สินเชื่อต้องสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท ส่วนสินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (สำหรับลูกค้าทั่วไป ที่ไม่ได้รับบัญชีเงินเดือนผ่าน ทีทีบี) จะมี อัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 3.09% ในกรณีของการสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปีเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.605% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568) 3. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% แบ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก = 1.59% ปีที่ 2-3= 3.63% สำหรับลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA แบบไม่ฟรีค่า จดจำนอง ส่วนลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA และต้องการให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ มีอัตราดอกเบี้ย เฉลี่ย 3 ปีต่ำสุดอยู่ที่ 3.15% นอกจากนั้น การขอลดดอกเบี้ยบ้านกับ ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ยังมีสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกัน MRTA/MLTA และไม่ต้องการให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ ซึ่งมีอัตรา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.05% และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกัน MRTA/MLTA ในรูปแบบ ฟรีค่า จำนอง มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.25% โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินกู้ 100% ของภาระหนี้ คงเหลือจากสถาบันการเงินเดิม แต่ไม่เกินราคาประเมินหลักประกัน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 8.580% (ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม 2568) 4. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ โปรโมชั่นพิเศษ รีไฟแนนซ์ KKP x Refinn มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด 3.02% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = 0.99% ปีที่ 2 = MLR-4.36% และ ปีที่ 3 = MLR-3.46% โดยมีเงื่อนไขหลักในการทำประกันคุ้มครองวงเงินกู้กับบริษัทประกัน ที่ผ่านธนาคาร (MRTA) ทุนประกันภัย 100% และระยะเวลำเอาประกันขั้นต่ำ 10 ปี ในกรณีลูกค้ำมีระยะเวลา กู้ ไม่ถึง 10 ปี ให้ทำประกันโดยระยะเวลาเอาประกันขั้นต่ำเท่ากับระยะเวลากู้ ฟรีประเมิน, ฟรีอากร, ฟรี อัคคีภัย, ฟรีค่าจดจำนอง เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด นอกจากนั้น สำหรับผลิตภัณฑ์รีไฟแนนซ์บ้านปกติของธนาคารในกรณีที่ผู้กู้ประสงค์ทำประกันอยู่ที่ 3.15%ประกอบด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.99% และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวปีที่ 2 = MLR-4.475% และ ปีที่ 3 = MLR-3.965% และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกันมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.417% โดยธนาคารออกค่าประเมิน ค่าอากร ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปี และฟรีค่าจดจำนอง โดยทั้ง 2 รูปแบบให้วงเงินกู้ สูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ ต้องการอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.60% สำหรับกรณีที่ผู้กู้ประสงค์ ทำประกัน และ 3.85% สำหรับผู้กู้ที่ไม่ประสงค์ทำประกัน โดยทั้ง 2 รูปแบบให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคา ประเมินหรือวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาทเช่นกัน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MLR = 7.950% (ประกาศ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2568) 5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) สำหรับการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย ต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 3.083% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี คือ ปีที่ 1 = 1.88% ปีที่ 2 = MRR-4.40% และปีที่ 3 = MRR-2.58% โดยมีเงื่อนไขสำหรับหลักประกันประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์ โฮม ห้องชุดพักอาศัย ราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี) โดยให้วงเงินกู้สูงสุดที่ 95% ของราคาประเมิน นอกจากนั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังมีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์สำหรับหลักประกันประเภท อาคารพาณิชย์วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 5.05% และ อาคารพาณิชย์วงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 4.80% โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมิน อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.175% (ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม 2568) 6. ธนาคารกสิกรไทย (Kbank) ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกสิกรไทย มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุด อยู่ที่ 3.10% แบ่งเป็นรูปแบบที่ 1 อัตราดอกเบี้ยปีแรก = 1.99% ปีที่ 2 = 3.16% และ ปีที่ 3 = 4.16% และ รูปแบบที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-3 = 3.10% โดยทั้ง 2 รูปแบบเป็นผลิตภัณฑ์ดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าที่ทำประกันเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้านตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด วงเงินกู้ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนั้น ธนาคารกสิกรไทย ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่ไม่ประสงค์ทำประกันเพื่อคุ้มครอง สินเชื่อ มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุด = 3.27% แบ่งเป็นปีที่ 1 = 2.49% ปีที่ 2 = 3.16% และปีที่ 3 = 4.16% สำหรับวงเงินกู้ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์จาก ธนาคารกสิกรไทย ให้วงเงินกู้ไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หลักประกัน และมีระยะเวลาให้กู้ สูงสุดไม่เกิน 30 ปี (อายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี) อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.080% (ประกาศ ณ วันที่ 4 มีนาคม 2568) 7. ธนาคารกรุงไทย (KTB) สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงไทย มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 3.29% สำหรับ กรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป และสามารถเลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 บาท/เดือนในปีที่ 1 ได้ และต้องทำประกัน แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.99% ปีที่ 2 = 3.39% และปี ที่ 3 = 4.49% นอกจากนั้น ธนาคารกรุงไทย (KTB) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แบบไม่ทำประกัน ที่มีอัตรา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด 3.39% สำหรับกรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป และสามารถ เลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 ได้เช่นกัน แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 2.29% ปีที่ 2= 3.39% และปีที่ 3 = 4.49% โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 100% และมีระยะเวลาผ่อน นานสูงสุด 40 ปี อ้างอิงตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินให้ MLR = 6.825% (ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2568) 8. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) สำหรับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงเทพ เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปี มีอัตรา ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.48% แบ่งเป็น ปีที่ 1 = 2.75% และ ปีที่ 2-3 = MRR-3.10% เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป กรณีหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป หรือ หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มโครงการที่มี ข้อตกลงกับธนาคาร และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อบ้านบัวหลวงพร้อม ประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง) หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ และไม่เกินอัตราส่วนวงเงินสินเชื่อสูงสุดตามประกาศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนกรณี หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 2-3.99 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.63% และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อ บ้านบัวหลวงพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง) หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ สำหรับหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป เฉพาะวงเงินอนุมัติต่ำกว่า 2 ล้านบาท […]

อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 มีเรื่องไหนที่ต้องรู้บ้าง?
ซื้อบ้าน หรือคอนโดสักห้อง อาจเป็นปัญหาน่าปวดหัวของใครหลายคน แต่หากคุณรู้และได้ อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 แล้ว… ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากอีกต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่พึ่งเริ่มต้นลงทุนอสังหาฯ เพราะต่างกังวลเรื่องการขอสินเชื่อ นอกจากจะกลัวเรื่องวงเงินกู้แล้ว ยังกลัวไม่ได้รับอนุมัติ เหตุนี้จึงต้องศึกษาข้อกำหนด เงื่อนไขของธนาคาร ตาม มาตรการ LTV รวมทั้งเคล็ดลับของนักลงทุนที่นิยมลงทุนอสังหาด้วย วันนี้ Amber เลยได้รวบรวมข้อสรุป การปลดล็อกมาตรการ LTV กู้ยังไงให้ได้ 100% หมายความว่าเราไม่ต้องวางเงินดาวน์ในการซื้อบ้านทั้งหลังแรก หลังที่ 2,3,4,… และจะราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือสูงกว่า 10 ล้านบาท ก็กู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์ จริงหรือไม่? ต้องบอกว่า… จริงค่ะ!! นี่เป็นมาตรการชั่วคราวประมาณ 1 ปีเท่านั้น โดยต้องทำสัญญาเงินกู้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2569 นี้ค่ะ หากเราย้อนกลับไปดูข้อบังคับเดิมของปี 2567 จะเห็นว่า… มีกฎเกณฑ์ให้เราต้องวางเงินดาวน์ หากต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านที่มีราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนเงินดาวน์อยู่ที่ 10-30% แต่ด้วยสัญญาณของตลาดอสังหาฯ ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว ทำให้แบงค์ชาติออกมาตรการนี้มากระตุ้น เพื่อให้คนที่อยากมีบ้านหลังที่ 2,3,4,.. หรือคนที่อยากซื้อบ้านราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท กู้ 100% ไม่ต้องวางดาวน์เลย ทำให้กู้ธนาคารได้ง่ายขึ้น ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเข้าอยู่อาศัย อ้างอิง : ตามข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศล่าสุด 20 มีนาคม 2568 Amber ทำตารางสรุปมาให้เห็นภาพง่ายๆ ว่ามาตรการ LTV 2568 นี้กำหนดให้ทุกราคา และทุกสัญญาบ้านสามารถกู้ได้ 100% ไปเลย และยังคงมีเฉพาะสัญญาบ้านหลังที่ 1 ที่สามารถกู้ 110% เพื่อใช้ตกแต่งได้ค่ะ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารแล้วว่าจะให้กู้หรือไม่? ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโปรไฟล์-เครดิตทางการเงินของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ มาตรการ LTV คืออะไร? “มาตรการ LTV” เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ เนื่องจากโดยปกติแล้วในการซื้อบ้าน คนส่วนใหญ่มักจะซื้อด้วยเงินกู้และทยอยผ่อนจ่าย แต่ในการกู้เงินซื้อบ้านนั้น ธนาคารอาจไม่ได้ปล่อยเงินกู้ให้เต็ม 100% ของราคาบ้านเสมอไป ผู้ซื้อจึงอาจต้องวาง “เงินดาวน์” (เงินส่วนแรกที่จะต้องจ่ายเวลากู้ซื้อบ้าน) ก่อน ซึ่งมาตรการ LTV นี้เอง… ที่เป็นเป็นมาตรการที่กำหนดวงเงินที่ผู้กู้จะกู้ซื้อบ้านได้ (หรืออีกนัยหนึ่งก็ คือ กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำที่ผู้กู้จะต้องจ่าย) โดยพิจารณาจากราคาบ้านและจำนวนสัญญาที่กู้เป็นหลัก ทำไมต้องออก LTV? เหตุผลสำคัญที่ต้องออกมาตรการ LTV ก็เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อบ้านให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่กระตุ้นให้ประชาชนก่อหนี้เกินตัว รวมถึงการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกินควร อันจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป LTV นั้นย่อมาจากคำเต็มว่า loan-to-value ratio หมายถึง อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน ตัวอย่างเช่น หากบ้านราคา 2 ล้านบาท และกำหนดให้ LTV = 90% หมายความว่าเราจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้านได้เพียง 1.8 ล้านบาท (90% x 2 ล้าน) และต้องวางเงินดาวน์อีก 2 แสนบาท สำหรับส่วนที่เหลืออีก 10% ของราคาบ้านนั่นเอง สำหรับมาตรการ LTV หรือในชื่อที่เป็นทางการว่า “หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย” มีหลักการสำคัญคือการกำหนด LTV (อีกนัยหนึ่งคือกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำ ตามตัวอย่างข้างต้น) ของการกู้สินเชื่อใหม่และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ให้เข้มขึ้นเพื่อที่จะสะท้อนความเสี่ยงได้ดีขึ้น สำหรับการผ่อนบ้านพร้อมกัน 2 หลังขึ้นไป หรือบ้านมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นมาตรการ LTV จึงส่งผลเฉพาะกับคนที่ผ่อนบ้าน 2 หลังพร้อมๆ กันหรือกู้ซื้อบ้านที่ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น! มาตรการ LTV 2567 ก่อนเข้าสู่มาตรการ LTV (ชั่วคราว)ในปี 2568 มาตรการ LTV หลักๆ ในปีที่แล้วจะมีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกัน คือ กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็นร้อยละ 100 สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป การผ่อนคลายนี้ให้เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 สรุปส่งท้าย หวังว่าบทความ อัพเดท! มาตรการ LTV 2568 มีเรื่องไหนที่ต้องรู้บ้าง? นี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านทุกคนที่กำลังเตรียมตัวหาข้อมูลกู้ซื้อบ้าน-คอนโด-ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ให้ทุกคนได้วางแผน และผ่อนบ้านได้อย่างสบายใจ สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ฤดูร้อนนี้ เปิดแอร์ยังไงให้ค่าไฟไม่พุ่ง เคล็ดลับลดค่าไฟที่ได้ผลจริง!
ฤดูร้อนนี้ เปิดแอร์ยังไงให้ค่าไฟไม่พุ่ง Amber มาแชร์เคล็ดลับลดค่าไฟที่ได้ เห็นผลจริง! ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ หลายคนอาจกำลังกังวลเกี่ยวกับการปรับอุณหภูมิในบ้านให้เย็นสบาย โดยไม่ให้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงเกินเหตุ การใช้แอร์อย่างเหมาะสมไม่เพียงช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย และบทความนี้ เป็นเคล็ดลับที่เรารวบรวมมาไว้ให้ คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ตั้ง/กำหนดอุณหภูมิให้เหมาะสม การตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 25-26 องศาเซลเซียส สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้มาก เนื่องจากแต่ละองศาที่ลดลง แอร์จะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 6-8% จึงควรปรับให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและความรู้สึกสบายของคุณ รวมถึงใช้โหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode) โหมดนี้จะช่วยควบคุมการทำงานของแอร์ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิในห้อง ลดการทำงานหนักเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานและลดค่าไฟได้นั่นเองค่ะ ปิดประตู-หน้าต่างให้สนิท ป้องกันอากาศร้อนจากภายนอกเข้ามา และช่วยให้แอร์ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ใช้ผ้าม่านกันแดด หรือ ฟิล์มกันความร้อน เพื่อลดภาระของแอร์ ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดฟิลเตอร์และตรวจสอบระบบแอร์ให้ปลอดภัยจากฝุ่นละออง สามารถช่วยให้แอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง แนะนำให้ ล้างแอร์ทุก 3-6 เดือน หรือถ้าค่าไฟเริ่มพุ่ง ให้ลองเช็กว่าแอร์สะอาดหรือยัง… ใช้แอร์ให้ถูกช่วงเวลา เปิดแอร์เมื่อจำเป็น หรือลองใช้ พัดลมไอเย็น ช่วยในช่วงกลางวัน ตั้งเวลาปิดแอร์อัตโนมัติ ตอนใกล้เช้า เพื่อให้ประหยัดไฟขึ้น เลือกแอร์ประหยัดพลังงาน หากต้องซื้อใหม่ ควรเลือก แอร์ที่มีฉลากเบอร์ 5 และระบบ Inverter ช่วยลดการใช้พลังงาน แอร์ที่มี ฟังก์ชัน AI สามารถปรับอุณหภูมิอัตโนมัติให้เหมาะสมกับห้อง สรุปส่งท้าย และนี่คือเคล็ดลับการ เปิดแอร์ยังไงให้ค่าไฟไม่พุ่ง ที่คุณสามารถใช้แอร์ได้อย่างเย็นสบาย โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าไฟที่พุ่งสูงในฤดูร้อนนี้! ไม่ว่าจะเป็นการตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมหรือการเลือกใช้โหมดประหยัดพลังงาน การจัดการอย่างฉลาด สามารถช่วยคุณประหยัดได้แน่นอน อย่าลืม! ใช้เทคนิคเหล่านี้ เพื่อเปิดแอร์อย่างฉลาดในซัมเมอร์นี้นะคะ!… สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

อัพเดต 10 ร้านอาหาร และคาเฟ่น่านั่ง ฉบับปี 2025 #ชีวิตในย่านพร้อมพงษ์ – ทองหล่อ
ชาวพร้อมพงษ์-ทองหล่อห้ามพลาด บทความนี้ เพราะ Amber พาไปอัพเดต 10 ร้านอาหาร และคาเฟ่น่านั่ง ฉบับปี 2025 เหมาะมากๆ กับคนที่กำลังมองหาร้านอาหารอร่อย คาเฟ่บรรยากาศดีย์ ในย่านพร้อมพงษ์-ทองหล่อ เราได้รวบรวมลิสต์ร้านอาหาร และคาเฟ่ที่โดดเด่นในย่านนี้ ที่นี่ไม่เพียงแต่มีอาหารเลิศรสเท่านั้น แต่ยังมีบรรยากาศที่ดี เหมาะกับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อค่ำสุดโรแมนติก, นั่งชิลล์กับเพื่อน, หรือดินเนอร์พิเศษกับครอบครัว เราได้คัดสรรร้านเด็ดๆ ที่รับรองว่าต้องถูกใจสายชิม สายชิลล์ และแชะ📸 อย่างแน่นอน 10 ร้านอาหาร และคาเฟ่น่านั่ง ฉบับปี 2025 เริ่มต้นด้วยร้าน PAGA Microroastery เป็นร้านกาแฟดีดี๊ย์ ที่มีสีขาวสะอาดตา เสิร์ฟกาแฟเกรดพรีเมี่ยมจากทั่วทุกมุมโลก ทีเด็ดของที่นี่ คือ กาแฟที่คัดสรรมานั้น เป็นกาแฟรางวัลจากเกษตรกรเจ้าของไร่กาแฟในประเทศต่างๆ คั่วด้วยเครื่องคั่วกาแฟยี่ห้อดังอย่าง Loring พิกัดร้าน : 45/1 ซ. สุขุมวิท 31 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/r4kQHToNeKHudphA7 วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 8.00 – 17.00 น. โทรศัพท์ : 080 009 6292 Facebook : PAGA microroastery https://www.facebook.com/pagacoffeebkk?locale=th_TH 2. มาต่อกันที่ร้านที่ 2 นั่นคือ… Broccoli Revolution ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 49 ถ้ายิ่งใครที่ผ่านไปผ่านมาปากซอยนี้อยู่บ่อยๆ จะต้องเคยเห็น Broccoli Revolution ร้านอาหารฟิวชั่นที่เสิร์ฟอาหารจากพืชผักออร์แกนิก ปลอดเนื้อสัตว์ และผงชูรสให้ทุกคนได้กลับไปหาธรรมชาติ ไม่ว่าจะ Gazpacho ซุปมะเขือเทศเย็นรสดี ทานคู่กับขนมปังบาแก็ตหอมๆ หรือจะเป็น Broccoli Quinoa Charcoal Burger เบอร์เกอร์ขนมปังผสมผงชาร์โคลที่ใช้บรอกโคลีปั่นกับควินัวแทนเนื้อสัตว์ เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายจากมันหวาน ตัดรสชาติด้วย Tropical Hydrate เครื่องดื่มที่ผสมผสานสาหร่ายสไปรูลิน่าเข้ากับน้ำมะพร้าวหอมและน้ำมะนาว นอกจาก มีเมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ทีเด็ดของที่นี่ที่ทุกคนตกหลุมรัก คือ สถาปัตยกรรมแบบ Industrial Style ที่เปิดให้เห็นสัจจะวัสดุไปพร้อมๆ กับรับแสงแดด และสูดกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า พิกัด : 899 ถ. สุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/DxKLJzZxFTw2pB7v8 วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.00 – 21.00 น. โทรศัพท์ : 095 251 9799 Facebook : BROCCOLI REVOLUTION https://www.facebook.com/broccolirevolution 3. ไปต่อที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง อย่าง Kitaohji Ginza Thailand ที่ซ่อนตัวอยู่ย่านทองหล่อ เสริฟอาหารญี่ปุ่นสไตล์ไคเซกิ ให้ความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นจ๋าๆ ทั้งยังรายล้อมไปด้วยสวนไผ่ ชวนให้รู้สึกสงบใจไปพร้อมกับสบายท้อง นอกจากความสวยงามของร้านแล้ว รสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบไคเซกิแท้ๆ ที่เน้นใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลมาจัดจานเสิร์ฟอย่างประณีต ไม่ว่าจะเนื้อคุโระเกะวากิว ปูขน และปูทาราบะ ฯลฯ รับรองได้เลยว่า… จะไม่ผิดหวังกับรสชาติความเป็นญี่ปุ่นที่ส่งผ่านอาหารและบรรยากาศรอบข้างแน่นอนค่ะ พิกัด : 212 ซ.ทองหล่อ 8 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/aE1dyfhABGHJyhFS7 วัน-เวลาทำการ : 11.30 – 23.30 น. โทรศัพท์ : 02 086 9799 Facebook : Kitaohji Ginza Thailand https://www.facebook.com/Kitaohji.GinzaThailand 4. ใครจะไปเชื่อว่า… กลางเมืองอย่างทองหล่อจะมีร้านอาหารที่ร่มรื่นอย่าง El Tapeo ร้านอาหารสเปนและไวน์บาร์ที่มีเชฟชาวสเปนรังสรรค์อาหารดีๆ พร้อมเครื่องดื่มแสนอร่อยให้ทุกคน ทั้ง Croquetas แป้งก้อนกลมสอดไส้เบชาเมลซอสรสเข้มข้นและเซอราโน่แฮม Cazuelas ทาปาสที่เสิร์ฟในถ้วยดินเผา หรือจะเป็น Paella de marisco ข้าวผัดสไตล์สเปน ร้านมีที่นั่งทั้งด้านในร้านและโซนเอาต์ดอร์ เหมาะนักกับการแฮงก์เอาต์ในวันศุกร์เย็นหลังเลิกงาน และเหมาะกับทั้งกลุ่มเพื่อนที่ต้องการร้านอาหารสำหรับแลกเปลี่ยนเสียงหัวเราะ และลูกค้าครอบครัวที่ต้องการอาหารที่อบอุ่นใจ พิกัด : 24 ซ.สุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/7usUpUww3YpPtwcaA วัน-เวลาทำการ : อังคาร – ศุกร์ 11.30 – 15.00 น. และ 17.00 – 23.30 เสาร์ – อาทิตย์ 11.30 – 23.30 น. โทรศัพท์ : 083 263 6696 Facebook : El Tapeo https://www.facebook.com/eltapeobkk 5. ถ้าใครกำลังหาแหล่งแฮงก์เอาต์ดีๆ ขอแนะนำ THE COMMONS ทองหล่อ คอมมูนิตี้มอลแบบ open air ที่รวมสารพัดร้านอาหารและร้านค้าเก๋ๆ มาไว้ในที่เดียวกัน ชนิดที่ถ้าเทรนด์ไหนกำลังมา ร้านไหนกำลังดัง THE COMMONS ทองหล่อจะมีให้คุณ ไม่ว่าจะร้านกาแฟดีๆ อย่าง Roots ร้านคราฟต์เบียร์ดีๆ ที่เปิดให้เรามาแฮงก์เอาต์ได้จนถึงตี 1 อย่าง The Beer Cap ร้านไก่ทอดร้อนๆ อร่อยอิ่มท้องสไตล์แนชวิลล์ หรือจะเป็น Paws Club ร้านรวมสารพัดอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงแสนรัก นับว่าเป็นศูนย์รวม ‘ร้านย่านทองหล่อ’ เก๋ๆ เอาไว้ในที่เดียว พิกัด : 335 ซ.อรรคพัสดุ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/uiEe18MZKdrK2dSb7 วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 8.00 – 01.00 น. โทรศัพท์ : 089 152 2677 Facebook : The Commons Thonglor https://www.facebook.com/thecommonsthonglor?locale=th_TH 10 ร้านอาหาร และคาเฟ่น่านั่ง ฉบับปี 2025 6. ใครจะไปเชื่อว่า… ในอาคารทรงเก่าที่ใครๆ ก็เดินผ่านจะมีบาร์บรรยากาศดีๆ อย่าง Mutual Bar แฝงตัวอยู่บนชั้น 5 ที่นี่เป็นบาร์ชื่อดังโดยกลุ่มเพื่อนในวงการภาพยนตร์และโฆษณาที่อยากเปิดพื้นที่เล็กๆ ให้ทุกคนที่อยากพักใจมาจิบค็อกเทลพร้อมกับฟังเพลงแจ๊สดีๆ การตกแต่งของที่นี่จึงมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ด้วยโทนสีแดงและสีไม้ เพิ่มความลึกลับให้ร้านอย่างมาก เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของที่นี่มีหลากหลาย โดยเฉพาะซิกเนเจอร์ค็อกเทล 7 เมนู จากหุ้นส่วนทั้ง 7 คน เช่น Hendrix’s Garden เครื่องดื่มสำหรับสายแข็งที่ได้รับแรงบันดาลจากหุ้นส่วนและนักดนตรีของร้าน Vivid Midnight สุดสดชื่นที่เหมาะกับวันเหนื่อยๆ และ The S10 Shake ค็อกเทลที่จูนจูน พัชชา ได้รับแรงบันดาลใจจากฉากนางเอกสั่งมิลค์เชคที่บาร์ในหนังเรื่อง Pulp Fiction พิกัด : 3/7–9 ชั้น 5 ซ. สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/7og6cQFBSosW86mcA วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 17.00 – 00.00 น. โทรศัพท์ : 02 550 6820 Facebook : Mutual Bar https://www.facebook.com/MutualBar/ 7. และถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบงานอาร์ตและอยากดื่มด่ำกาแฟเคล้าบรรยากาศแสนโฮมมีที่ดีต่อใจ ต้องห้ามพลาดกับคาเฟ่สนุกๆ อย่าง Bask Project ที่เกิดขึ้นจากความชอบ ความหลงใหล ความฝัน บวกกับพลังแห่งแพสชันของกลุ่มเพื่อนนักศึกษาจบด้านกราฟิกดีไซน์ จึงได้ทำการชุบชีวิตตึกแถวเก่าอายุกว่า 40 ปี ให้กลายเป็นคอมมูนิตี้ที่รวบรวมทั้งพื้นที่สำหรับเหล่าสายอาร์ตและคอกาแฟไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านกาแฟ Slow Bar / ร้านขายของกระจุกกระจิก / ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง / แกลเลอรีแสดงงานศิลปะ ไปจนถึงสตูดิโอสุดเจ๋งไว้สำหรับ Workshop ตามความตั้งใจที่อยากสร้างพื้นที่แห่งนี้ไว้สำหรับเติมเต็มแรงบันดาลใจให้คนที่ชอบอะไรเหมือนกันได้มาเจอกันและใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน พิกัด : 883 3 ถ. สุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/Rj9dBPtawYJ41g79A วัน-เวลาทำการ : วันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ) โทรศัพท์ : 092 838 0232 Facebook : Bask Project https://www.facebook.com/baskproject 8. Sarnies คาเฟ่ ชื่อแบรนด์ดังจากประเทศสิงคโปร์ที่ขยับขยายมาสู่ย่านพร้อมพงษ์ บนโลเคชันดีๆ ในซอยสุขุมวิท 37 นอกจากจะเดินทางแสนสะดวกแล้ว บรรยากาศของทางร้านยังให้ความรู้สึกสบายๆ สุดโคซี่ ที่ตั้งใจให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น เพื่อล้อไปกับโลเคชันที่เต็มไปด้วยชุมชนชาวญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ พิกัด : 1, 39 ซอย สุขุมวิท 37 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/3Ai8UzNsBEFArvcj7 วัน-เวลาทำการ : วันทุกวัน เวลา 07.00-22.30 น. โทรศัพท์ : 093 814 1594 Facebook : Sarnies BKK https://www.facebook.com/sarnies.bkk 9. เดินทางมาต่อที่ซอยสุขุมวิท 39 คงเคยเห็นอาคาร Metropole Residence ที่ตั้งอยู่ในซอยพร้อมศรี 1 กันอย่างแน่นอน แต่หากลองสังเกตดีๆ จะพบว่า… พื้นที่แห่งนี้มีบาร์ลับสุดคลาสสิกที่ซ่อนอยู่หลังประตูฉุกเฉินของอาคาร พร้อมนำเสนอความเรียบง่ายผ่านค็อกเทลรสชาติเริ่ด! ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ทว่าแฝงกลิ่นอายของความคลาสสิกไว้ทั่วทุกมุม พิกัด : อาคาร Metropole Residence ซอยพร้อมศรี สุขุมวิท 39 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/Cf3ifHHHD8GMtpQD9 วัน-เวลาทำการ : วันทุกวัน เวลา 18.00-24.00 น. โทรศัพท์ : 098 280 2984 Facebook : BAR 335 https://www.facebook.com/profile.php?id=100063559931133 10. เล่ามาถึงร้านสุดท้าย… ของบทความนี้ นั่นคือ ร้าน SAAM บาร์น้องใหม่ที่พกพาความทันสมัยมาให้คุณได้อิ่มอร่อยกันในบรรยากาศสุดชิลล์ ดื่มด่ำไปกับลิสต์ไวน์บาร์ชั้นเลิศ พร้อมมอบกับประสบการณ์สุดพิเศษให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเอง ผ่านบรรยากาศสบายๆ ที่ Saam(สาม) ตั้งใจสะท้อนถึงพัฒนาการในครั้งที่ 3 ขั้นที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นการรวมสมดุลระหว่างประเพณีและวัฒนธรรม ภายในจึงถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น แบ่งสรรปันส่วนที่นั่งได้อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมให้คุณได้แวะมาเอนจอยกับแก๊งเพื่อนหรือคู่รักได้ตลอดค่ำคืน หัวใจของ Saam คือ การหลอมรวมรสชาติของอาหารไทยผ่านมุมมองของอาหารออสเตรเลีย ที่ได้ยกไวน์บาร์แบบออสเตรเลียมาไว้ที่กรุงเทพฯ คัดสรรลิสต์ไวน์อย่างพิถีพิถันจากโรงงานบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงและเข้ากันได้ดีกับรสชาติของจานอาหารแต่ละจาน เช่นเดียวกันกับการรังสรรค์รสชาติใหม่ๆ ของเมนูอาหารที่นี่ ซึ่งเชฟตั้งใจให้วัตถุดิบไทยเป็นพระเอกหลัก ก่อนจะนำไปผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ผสมผสานรสชาติและเทคนิคสะท้อนความเป็นออสซี่ออกมาอย่างคาดไม่ถึง… พิกัด : 235, 4 ซ. สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ปักหมุด : https://maps.app.goo.gl/QGS4b7f1JAP7rm7n6 วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวันพุธ – อาทิตย์ เวลา 18.00 – 00.00 น. โทรศัพท์ : 081 145 3856 Facebook : SAAM เป็นอย่างไรบ้าง กับ 10 ร้านอาหาร และคาเฟ่น่านั่ง ฉบับปี 2025 ที่เรานำมา เป็นไอเดียให้เพื่อนๆ ได้ไปเที่ยว ไปกินตามกัน หากมีร้านไหน เปิดใหม่ น่าสนใจ เดี๋ยวเราจะมาอัพเดตให้เพื่อนๆ ใหม่นะคะ สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

วางแผนการเงินอย่างไร? ให้รอบคอบในช่วง ภาวะเงินเฟ้อ
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อต้องอยู่ใน ภาวะเงินเฟ้อ ที่ข้าวของราคาแพง แล้วควรวางแผนการเงินอย่างไร มีผลกระทบอะไรกับเราบ้าง? หลายคนคงรู้สึกได้ถึงค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นราคาอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ที่กระทบกับกำลังซื้อ และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์นี้เรียกว่า “ภาวะเงินเฟ้อ” ซึ่งเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศ ดังนั้น การทำความเข้าใจ และเตรียมพร้อมรับมือ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราทุกคนบริหารจัดการการเงิน และดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์ สภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) คืออะไร? ภาวะเงินเฟ้อ คือ สภาวะที่ระดับราคาสินค้า และบริการโดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เงินจำนวนเท่าเดิมสามารถซื้อสินค้า และบริการได้น้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต โดยภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงหรือต่ำจะคำนวณจากดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า และบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ค่าสาธารณูปโภค และค่าเดินทาง โดย 2 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ การเกิดภาวะเงินเฟ้อ มักมาจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ในระบบเศรษฐกิจ สามารถแบ่งสาเหตุหลักได้เป็น 2 ประการสำคัญ คือ ความต้องการสินค้า และบริการที่เพิ่มขึ้น (Demand-Pull Inflation) เมื่อความต้องการซื้อสินค้า และบริการในตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกำลังการผลิตของผู้ประกอบการ สถานการณ์นี้มักเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ นอกจากนี้ หากประชาชนคาดการณ์ว่าราคาสินค้าจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ก็อาจเกิดพฤติกรรมการกักตุนสินค้า ซึ่งยิ่งเป็นการเร่งให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นไปอีก เนื่องจากอุปทานในตลาดยิ่งขาดแคลนมากขึ้นนั่นเอง ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น (Cost-Push Inflation) เป็นสถานการณ์ที่ราคาสินค้า และบริการปรับตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยผู้ผลิตจำเป็นต้องผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค เพื่อรักษาระดับกำไรให้ธุรกิจอยู่รอดได้ สาเหตุสำคัญมักเกิดจากการพุ่งสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ รวมถึงการปรับขึ้นของค่าแรง นอกจากนี้ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ภัยธรรมชาติ และการขาดแคลนปัจจัยการผลิต ก็เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในที่สุด ผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อต่อชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อต่อชีวิตประจำวัน และเตรียมพร้อมรับมือกับสภาวะเช่นนี้ ไม่เพียงช่วยให้คุณรักษาเสถียรภาพทางการเงินในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวอีกด้วย ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ในช่วงที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ คุณจะรู้สึกได้ถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นแทบทุกด้าน โดยเฉพาะค่าอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทาง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายสำคัญอย่างการดูแลสุขภาพ และการศึกษาก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กำลังซื้อที่ลดลง หนึ่งในผลกระทบที่ชัดเจน คือ กำลังซื้อลดลง แม้จะมีรายได้ มีเงินเดือนเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้า และบริการได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้หลายคนวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ยากขึ้น หลายครอบครัวอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หาอาชีพเสริมมนุษย์เงินเดือนทำหลังเลิกงาน หรือตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ในช่วงนี้ ส่งผลต่อเงินออม และการลงทุน การออมเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อาจไม่ใช่วิธีเก็บเงินที่คุ้มค่าในช่วงภาวะเงินเฟ้อ เพราะมูลค่าของเงินมักจะลดลงในช่วงที่เงินเฟ้อ ส่งผลให้เงินเก็บของคุณมีมูลค่าน้อยลงไปด้วย ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าเก็บเงินไว้ 1,000 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี เงิน 1,000 บาทนั้นอาจซื้อของได้น้อยลงเหลือแค่ 950 บาท ดังนั้น การฝากเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยน้อยๆ อาจไม่คุ้มค่า ควรมองหาวิธีบริหารเงินออมแบบอื่นๆ เช่น ฝากประจำที่ได้ดอกเบี้ยสูงกว่า หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ สรุปส่งท้าย วางแผนการเงินอย่างไร ให้รอบคอบในช่วง ภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของทุกคน การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ บริหารรายรับรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ ล้วนเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณผ่านสภาวะนี้ไปได้อย่างราบรื่น สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ปิดเทอมนี้ไปไหนดี? แนะนำ 10 สถานที่เที่ยวช่วงปิดเทอม 2568 เด็กเที่ยวได้ผู้ใหญ่เที่ยวดี
เด็กๆ ใกล้ปิดเทอมแล้ว ผู้ปกครองหลายท่าน อาจมีไอเดียว่าจะพาเด็กๆ แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี? บทความนี้ Amber จะมาแนะนำ 10 สถานที่เที่ยวช่วงปิดเทอม มีทั้งเที่ยวแบบสนุกสนาน แบบสบายๆ หรือแบบผจญภัย เด็กสนุก ผู้ใหญ่บันเทิง มีที่ไหน น่าสนใจลองไปดูกันได้เลยค่ะ… ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) กรุงเทพฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ หรือที่เรียกว่า ท้องฟ้าจำลอง สถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งความรู้ด้านดาราศาสตร์ของไทย ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ติดกับรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย นอกจากจะให้ความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์เป็นหลักแล้ว ยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อื่นๆ ด้วย โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ห้องฉายดาวสุดอลังการ มีการแสดงดวงดาวในท้องฟ้าของประเทศต่างๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : เฟซบุ๊ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ – Bangkok Planetarium Sea Life Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ ชวนสัมผัสกับโลกใต้ทะเลใจกลางกรุงเทพฯ ณ Sea Life Bangkok Ocean World ที่ทำให้เหมือนได้เข้าไปสัมผัสแนบชิดกับทะเลจริงๆ เพราะที่นี่เขาจะพาหนูๆ ดำดิ่งสู่โลกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยหมู่ปลาเล็กปลาน้อยไปจนถึงปลาใหญ่ปลายักษ์ที่แสนตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงสัตว์น้ำน่ารักอย่างเพนกวิน นากทะเล ปลาดาว และอื่นๆ อีกมากมาย Siam Amazing Park กรุงเทพฯ สวนสนุกและสวนน้ำที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ไกลจากศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ภายในแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เช่น Water World, Adventure World, Family World, Xtreme World และ Small World ซึ่งแต่ละโซนก็จะเต็มไปด้วยความสนุกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็สามารถเดินทางมาเที่ยวตักตวงความสนุกที่นี่ได้ทั้งนั้น สนุกกับกิจกรรมทางน้ำ ณ ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน กรุงเทพฯ ชวนไปดับร้อนกันที่ ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน ตั้งอยู่ที่บึงหนองบอน ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ซอย 43) ใกล้กับสวนหลวง ร.9 เป็นสวนสาธารณะบึงกว้าง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มาเดินเล่น วิ่ง หรือจะถ่ายรูปเล่นก็ทำได้ตามอัธยาศัย แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบก็มีกิจกรรมกีฬาทางน้ำให้ทำมากมาย ทั้งพายเรือคายัก เรือใบ ซัพบอร์ด และวินด์เซิร์ฟ หากเล่นไม่เป็นก็มีครูคอยช่วยสอนและแนะนำ (แต่ต้องสมัครสมาชิกก่อนนะ) รวมถึงยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น จักรยาน เทเบิลเทนนิส ฯลฯ พิพิธภัณฑ์เด็กแห่งกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) กรุงเทพฯ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) ตั้งอยู่ในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ถนนกำแพงเพชร 4 ใกล้กับตลาดนัดสวนจตุจักร เป็นแหล่งเรียนรู้ตามแนวคิด Learning for Young Creative Minds ประกอบด้วยอาคารจำนวน 4 หลัง ได้แก่ อาคารสายรุ้ง อาคารทอตะวัน อาคารจักรวาล และอาคารยูนิลีเวอร์ ซึ่งแต่ละอาคารจะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซนลานสร้างสรรค์ โซนนักสืบไดโนเสาร์ โซนสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ โซนศิลปะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่การเรียนรู้กลางแจ้งและสวนน้ำคลายร้อน ซาฟารีเวิลด์ กรุงเทพฯ สวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ (Safari World) ตั้งอยู่บนถนนปัญญาอินทรา เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ อาณาจักรแห่งความสุขสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ เช่น โซนซาฟารีปาร์ค (สวนสัตว์เปิด) โซนมารีนปาร์ค การแสดงโชว์ของสัตว์น้ำและจังเกิลวอล์ก กิจกรรมล่องเรือ River Safari สัมผัสป่าลึกลับ เป็นต้น ปั่นจักรยานชมวิวศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนบางขุนเทียน แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนเกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน ถือเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีความสำคัญของกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ สร้างสมดุลของระบบนิเวศ โดยเปิดให้ทุกคนได้เข้ามาเที่ยวพักผ่อน รวมถึงศึกษาและชมความงดงามของธรรมชาติ ตลอดจนมีกิจกรรมปลูกป่าชายเลน หรือจะปั่นจักรยานเสพบรรยากาศสองข้างทางของป่าชายเลน ซึ่งจะเริ่มปั่นตั้งแต่สะพานรักษ์ทะเลบางขุนเทียน สยามอะเมซิ่งพาร์ค (สวนสยาม) สวนน้ำและสวนสนุกที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน เครื่องเล่นจะมีทั้งแนวหวาดเสียวเอาใจวัยรุ่น และเครื่องเล่นสำหรับครอบครับที่แนะนำอย่างม้าหมุนสองชั้น ผจญภัยแดนไดโนเสาร์ ล่องซุงมหาสนุก และสวนน้ำที่มีทะเลเทียมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สไลด์เดอร์สายรุ้งขนาดยักษ์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของสยามอะเมซิ่งพาร์คที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เร็ว ๆ นี้กำลังจะมีโซนใหม่ชื่อว่า แบงคอกเวิล์ด ซึ่งเป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปในบรรยากาศกรุงเทพฯสมัยก่อน 9.Dream World (สวนสนุกดรีมเวิลด์) Dream world แน่นอนว่า… คงเป็น สวนสนุกที่ครองใจเด็กเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสวนสนุกดรีมเวิลด์ก็เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะมีทั้งเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ซึ่งไม่น่าหวาดเสียวเท่าเครื่องเล่นของผู้ใหญ่ มีบ้านผีสิง บ้านหิมะ หรือเมืองหิมะ ที่สามารถเข้าไปสัมผัสความสนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นสถานที่ช่วงปิดเทอมที่ได้สนุกกันทั้งครอบครัวอย่างแน่นอน Workshop ต่างๆ กิจกรรม workshop เข้าค่าย เข้าคอร์ส ไม่ว่าจะเป็น ด้านศิลปะ, เดินป่า, แล่นเรือใบ หรือฝึกอาชีพต่างๆ รับรองว่าสนุกและได้ความรู้กันแบบจุกๆ ใครชอบแบบไหนก็ตามไปสมัครกันได้เลย หาที่เรียน ที่หาทำกันได้เลยค่ะ สรุปส่งท้าย เป็นอย่างไรบ้างกับ 10 สถานที่เที่ยวช่วงปิดเทอม หวังว่า… ที่เที่ยวปิดเทอม ปี 2568 ที่ Amber นำมาเสนอในบทความนี้ จะช่วยให้ผู้ปกครองได้ไอเดียในการพาบุตรหลานของท่านไปเที่ยว ขอให้มีช่วงเวลาที่ดี และสนุกสนานกับครอบครัว หรือเพื่อนๆ กันถ้วนหน้าโล้ดดด! สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ก่อนให้เช่าคอนโด อย่าลืม! คำนวณภาษี ด้วยนะ
ฝันถึงรายได้ก้อนโต แต่อย่าลืมว่า… ก่อนให้เช่าคอนโด บ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ใดๆ ต้องคำนวณ ภาษีให้เช่า โดยคำนึงถึงภาษี 2 ประเภท คือ ภาษีเงินได้ และภาษีที่ดิน นักลงทุนทั้งหลาย อย่าลืมว่า… รายได้ก้อนงามจากการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่า มีรายจ่ายระหว่างทางที่ต้องนำมาหักลบกับรายรับ โดยเฉพาะภาษีที่ต้องจ่ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าของคอนโดให้เช่าต้องเสียภาษีหลัก 2 ประเภท ได้แก่ ภาษีเงินได้ และภาษีโรงเรือน แม้เราจะไม่ได้ทำสัญญาเช่า หรือรับเงินแบบนอกระบบ โดยไม่มีหลักฐานหรือใบเสร็จใดๆ ที่เป็นหลักฐานให้ตรวจสอบได้ แต่เราก็ไม่อาจจะวางใจได้ว่าจะรอดปลอดภัยจากการตรวจสอบได้ เนื่องจากเคย มีกรณีที่กรมสรรพากรติดต่อสอบถามผู้เช่าจากเบอร์โทรที่แจ้งประกาศให้เช่าคอนโดไว้ ทำให้ผู้เช่าที่ตั้งใจหลบเลี่ยงภาษีต้องจ่ายเงินเสียภาษีย้อนหลังจำนวนมาก ดังนั้น ทางที่ดีเราจึงควรดำเนินการต่างๆ ให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรก ไม่ว่าจะเป็นการทำสัญญาเช่า การออกหลักฐาน หรือใบเสร็จรับเงิน การยื่นแจ้งอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า รวมถึงการเสียภาษีตามกฎหมาย เรามาทำความเข้าใจวิธีการคำนวณภาษีเงินได้และภาษีโรงเรือน เพื่อคาดการณ์รายได้สุทธิหลังหักภาษีในแต่ละปีด้วยตัวเอง ภาษีเงินได้ ภาษีเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน ถือเป็นภาษีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) เช่น (ก)การให้เช่าบ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นหรือแพ เป็นต้น เมื่อมีรายได้ดังที่กล่าวมาผู้มีเงินได้ต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่นๆ (ถ้ามี) และนำไปยื่นเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่ ภาษีช่วงกลางปี (มกราคม-มิถุนายน) ซึ่งเรียกว่า ภ.ง.ด.94 ชำระภายในเดือนกันยายน และยื่นภาษีสิ้นปีหรือแบบ ภ.ง.ด.90 ภายในเดือนมีนาคมของปีต่อไป วิธีการคำนวณแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ วิธีเงินได้สุทธิ และวิธีเงินได้พึงประเมิน วิธีเงินได้สุทธิ วิธีการคำนวณเงินได้สุทธิจะคำนวณจากเงินทั้งหมดที่ได้รับ ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่า และค่าเฟอร์นิเจอร์รวมกัน โดยนำมาหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ตามสูตรดังนี้ (รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี สำหรับการปล่อยเช่าคอนโด ในปัจจุบันสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี โดยสามารถเลือกวิธีการหักที่ต่างกันได้ในแต่ละปี วิธีหักค่าใช้จ่าย หักค่าใช้จ่าย หักค่าใช้จ่ายเหมาในอัตรา 30% สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของคอนโดให้เช่าสามารถหักค่าใช้จ่าย 30% ของยอดรายได้ หักค่าใช้จ่ายจริงตามความจำเป็นและสมควร สำหรับผู้ที่เตรียมเอกสารไว้เรียบร้อยและประเมินค่าใช้จ่ายของตัวเองไว้ว่าน่าจะสูงกว่า 30% ของรายได้ โดยวิธีนี้สามารถนำภาษีโรงเรือนมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ วิธีเงินได้พึงประเมิน ในกรณีที่รายได้จากการให้เช่าคอนโด และรายได้อื่นที่ไม่ใช่เงินเดือนรวมกันมีรายได้มากกว่า 1 ล้านบาทต่อปี เราสามารถใช้วิธีเงินได้พึงประเมิน ตามสูตรดังนี้ รายได้ค่าเช่าทั้งหมด x 0.5% หลังจากนั้น ลองเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณทั้ง 2 แบบ โดยสามารถใช้วิธีการคำนวณผ่านโปรแกรมการคำนวณภาษีต่างๆ ได้ก่อนยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา หรือผ่านอินเทอร์เน็ต ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เจ้าของคอนโดไม่ว่า จะครอบครองเพื่ออยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า มีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วยเช่นกัน โดยแต่ละปีจะต้องเสียตามอัตราดังต่อไปนี้ >>>กรณีคอนโดมิเนียมแห่งที่ 2 เป็นต้นไป ราคาประเมินไม่เกิน 50 ล้านบาท เสียภาษี 0.02% หรือจ่ายล้านละ 200 บาท ราคาประเมิน 50-75 ล้านบาท เสียภาษี 0.03% หรือจ่ายล้านละ 300 บาท ราคาประเมิน 75-100 ล้านบาท เสียภาษี 0.05% หรือจ่ายล้านละ 500 บาท ราคาประเมินเกิน 100 ล้านบาท เสียภาษี 0.10% หรือจ่ายล้านละ 1,000 บาท >>>กรณีเชิงพาณิชย์ หากนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เช่น ออฟฟิศ, สำนักงาน, โรงแรม หรือธุรกิจร้านอาหาร ราคาประเมินไม่เกิน 50 ล้านบาท เสียภาษี 0.3% หรือจ่ายล้านละ 1,000 บาท ราคาประเมิน 50-200 ล้านบาท เสียภาษี 0.4% หรือจ่ายล้านละ 4,000 บาท ราคาประเมิน 200-1,000 ล้านบาท เสียภาษี 0.5% หรือจ่ายล้านละ 5,000 บาท ราคาประเมิน 1,000-5,000 ล้านบาท เสียภาษี 0.6% หรือจ่ายล้านละ 6,000 บาท ราคาประเมินเกิน 5,000 ล้านบาท เสียภาษี 0.7% หรือจ่ายล้านละ 7,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ให้เช่ายังสามารถขอผ่อนชำระค่าภาษีแบ่งเป็น 3 งวดได้ โดยสามารถยื่นหนังสือแจ้งความจำนงขอผ่อนชำระค่าภาษีต่อพนักงานเก็บภาษีภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับแจ้งการประเมิน ในกรณีที่วงเงินค่าภาษีที่จะขอผ่อนชำระมีจำนวนเงินค่าภาษีตั้งแต่ 9,000 บาทขึ้นไป สรุปส่งท้าย ก่อนที่จะให้เช่าทรัพย์สิน การคำนวณ ภาษีให้เช่า ทั้งสองประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงภาระภาษีที่ต้องจ่ายทั้งในแง่ของรายได้จากการเช่าและการถือครองทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ถูกต้อง เพื่อการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องนั่นเองค่ะ… สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ผลสำรวจ คนหาบ้าน ในปี 2568 มีแนวโน้มเช่ามากกว่าซื้อจริงหรือไม่?
ผู้บริโภคในตลาดอสังหาฯ ปี 2568 มีความ ต้องการเช่า มากกว่าซื้อ จริงหรือไม่? ปัจจุบัน ความท้าทายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากรายงานของ DDproperty ในช่วงต้นปี 2567 พบว่า… กลุ่มที่อยู่อาศัยระดับล่างที่มีราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งครองสัดส่วนถึง 30% ของตลาดทั้งหมด กำลังส่งสัญญาณอันตราย จากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่พุ่งสูงถึง 40-50% สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของกำลังซื้อที่แท้จริงในตลาดที่อยู่อาศัยระดับล่าง และยิ่งไปกว่านั้น… ข้อมูลจากเครดิตบูโรยิ่งตอกย้ำความน่ากังวลของสถานการณ์ เมื่อพบว่าหนี้เสียจากสินเชื่อบ้านกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อระดับล่างที่เริ่มผ่อนบ้านไม่ไหว อันเนื่องมาจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น โดยประมาณ 60-70% ของหนี้ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นหนี้เสีย หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1.2 แสนล้านบาท มาจากกลุ่มผู้กู้ที่ซื้อบ้านในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจลุกลามเป็นปัญหาเชิงระบบได้หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยยังคง เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญในชีวิตของผู้บริโภคหลายคน นอกจากจะสะท้อนถึงความมั่นคงและความพร้อมทางการเงินของผู้บริโภคแล้ว ยังสะท้อนภาพรวมให้เห็นถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศอีกด้วย ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจไทยชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูงย่อมส่งผลกระทบต่อการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคโดยตรงเช่นกัน ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยว่า… เศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัว 1.9% ชะลอตัวจากการขยายตัว 2.5% ในปี 2565 และคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวในช่วง 2.2–3.2% (โดยไม่รวมผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต) ซึ่งปรับลดลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้า ที่คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.7-3.7% ถือเป็นการส่งสัญญานให้ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ต้องเตรียมวางแผนทางการเงินอย่างรัดกุมอีกครั้ง ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย พบว่า… ภาพรวมความเชื่อมั่นด้านอสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคชาวไทยมีทิศทางลดลงในทุกด้าน โดยดัชนีความเชื่อมั่นด้านอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 48% จากเดิม 50% ในรอบก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความท้าทายต่างๆ ยังคงส่งผลกระทบต่อการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความท้าทายทางการเงินที่เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคปรับลดลงตามไปด้วย โดยลดลงมาอยู่ที่ 59% (จากเดิม 63% ในรอบก่อน) หลังจากผู้บริโภคต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงินทั้งจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่า… อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ในระดับสูง (48%) และสูงมาก (29%) มีเพียง 16% ที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว ขณะเดียวกันมีผู้บริโภคเพียง 13% เท่านั้นที่มองว่ารัฐบาลมีความพยายามเพียงพอที่จะช่วยให้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ (ลดลงจาก 15% ในรอบก่อน) เนื่องจากภาครัฐยังคงไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม (นอกจากมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง ที่ต่ออายุมาตรการจนถึงสิ้นปี 2567) เมื่อพิจารณาความพึงพอใจในสภาพตลาดที่อยู่อาศัยมีการปรับลดลงเช่นกัน โดยลดลงมาอยู่ที่ 63% จากเดิม 65% ในรอบก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับในกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงพึงพอใจอยู่ ส่วนใหญ่ 39% เผยว่าพึงพอใจเนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ รองลงมามองว่าตลาดที่อยู่อาศัยมีเสถียรภาพและยืดหยุ่น 37% และเห็นโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 31% ขณะที่มุมมองของผู้ที่ไม่พึงพอใจ เกือบ 2 ใน 3 (65%) มองว่า เศรษฐกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร ตามมาด้วยอัตราดอกเบี้ยยังไม่ลดลงมาถึงระดับที่คาดหวัง 32% และมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่มีเสถียรภาพ 30% คนอยากซื้อบ้านน้อยลงในยุคดอกเบี้ยสูง ผู้บริโภคกว่า 2 ใน 5 (44%) วางแผนซื้อที่อยู่อาศัยในอีก 1 ปีข้างหน้า ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 53% ในรอบก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงไม่ฟื้นตัว สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางและล่างยังคงมีความเปราะบางทางการเงินจึงจำเป็นต้องลดการก่อหนี้ใหม่ ในทางกลับกันสัดส่วนของผู้เลือกเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นถึง 14% (จากเดิม 9%) ส่วนอีก 34% ยังไม่มีการวางแผนซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยใดๆ ขณะที่อีก 8% จะรับมรดกที่อยู่อาศัยต่อจากพ่อแม่และผ่อนชำระต่อไปแทน 1 ใน 3 ของคนหาบ้านมีเงินพร้อมซื้อ หวังเพิ่มพื้นที่ส่วนตัว เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (44%) ตัดสินใจซื้อที่อาศัยในเวลานี้เนื่องจากต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากที่สุด รองลงมา คือ เลือกซื้อเพื่อการลงทุน 29% และซื้อเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับพ่อแม่/บุตรหลานให้มากขึ้น 27% อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาความพร้อมทางการเงินของผู้บริโภคพบว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ โดย 1 ใน 3 ของผู้ที่วางแผนซื้อที่อยู่อาศัย (33%) เผยว่ามีเงินออมเพียงพอที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองแล้ว สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 24% ในรอบก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่า… คนหาบ้านยุคนี้ให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น หลังจากเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจมาเป็นเวลานาน ขณะที่ผู้บริโภคเกือบครึ่ง (47%) เผยว่า… เก็บเงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น ส่วน 19% ของผู้วางแผนซื้อที่อยู่อาศัยยังไม่ได้เริ่มแผนเก็บเงินใดๆ เลย เงินเก็บไม่พอ ทำให้คนหันเช่า เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกเช่าที่อยู่อาศัยนั้น กว่า 3 ใน 5 (61%) เผยว่ายังไม่มีเงินเก็บเพียงพอในการซื้อที่อยู่อาศัยในเวลานี้ ขณะที่เกือบ 2 ใน 5 (38%) มองว่าที่อยู่อาศัยมีราคาแพงเกินไปจึงเลือกเก็บออมเงินแทน และ 27% มองไม่เห็นความจำเป็นหรือความเร่งด่วนที่ต้องซื้อที่อยู่อาศัยตอนนี้ สะท้อนให้เห็นว่าสภาพคล่องทางการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่พร้อมเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย จึงหันมาเลือกเช่าแทน เทรนด์ Generation Rent ที่ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องด้วยความท้าทายจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทำให้คนรุ่นใหม่และวัยทำงาน ไม่ต้องการเพิ่มภาระผูกพันทางการเงินในระยะยาวจากการซื้อที่อยู่อาศัย การเช่าจึงตอบโจทย์เรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่า และยังได้เปรียบในด้านความยืดหยุ่นและคล่องตัวหากต้องการย้ายที่อยู่อาศัยในอนาคต โดยผู้เช่าส่วนใหญ่ 31% เผยว่า… ได้วางแผนเช่า 2 ปี ก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในภายหลัง ขณะที่ 1 ใน 3 (33%) ยังไม่แน่ใจว่าจะเช่าต่อไปอีกนานแค่ไหน เนื่องจากต้องพิจารณาความพร้อมหลายๆ ด้านประกอบกัน โดยค่าเช่าที่ได้รับความสนใจมากที่สุดอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาท/เดือน สัดส่วน 48% และมีสัดส่วนที่สูงขึ้นในกลุ่มผู้เช่าปัจจุบันและผู้มีรายได้น้อย สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อและความสามารถในการใช้จ่ายของผู้เช่าในปัจจุบันที่ยังคงต้องรัดเข็มขัดต่อเนื่อง รองลงมาคือ 5,001-10,000 บาท/เดือน และ 10,001-15,000 บาท/เดือน (สัดส่วน 39% และ 6% ตามลำดับ) สรุปส่งท้าย ปี 2568 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่จะเห็นการปรับตัวครั้งใหญ่ทั้งจากฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยผู้บริโภคมีความ ต้องการเช่า มากกว่าซื้อ เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ภายใต้บริบทของตลาดที่ต้องพึ่งพากลไกการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น โดยเฉพาะการออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ให้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ควบคู่ไปกับการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องจักรสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย สามารถกลับมาขับเคลื่อนได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง และด้วยการเพิ่มจำนวนของวัยรุ่น Gen Z ที่มองหาการเช่า มากกว่าการซื้อ ด้วยเหตุผลที่ว่า… ไม่มีภาระผูกมัดย่อมดีกว่า เพราะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ก็เป็นผลต่อการตัดสินใจซื้อนั้นเองค่ะ… สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ให้เช่าคอนโดรายวัน ผิดกฎหมายหรือไม่?
จากข่าวนักท่องเที่ยวคลุ้มคลั่ง ทำให้หลายคนตั้งคนถามว่า ให้เช่า คอนโดรายวัน ผิดกฏหมายหรือไม่? ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า… ในปัจจุบันเทรนด์ Sharing Economy เป็นกระแสที่กำลังเกิดขึ้นในทุกวงการ ที่โด่งดังและเป็นประเด็นร้อนในสังคมทุกวันนี้ก็เช่น บริการเรียกรถ และบริการห้องพัก ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่มีรถ หรือมีห้องพักได้นำออกมาให้บริการหรือให้เช่า เพื่อสร้างรายได้ โดยผ่านตัวกลางต่างๆ เช่น ในกรณีของรถ คือ Grab Haupcar(Car Sharing) หรือ อย่างห้องพักก็เช่น Airbnb และบทความนี้ Amber กำลังจะพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ คือ การนำคอนโดออกให้เช่าในลักษณะรายวันผ่านตัวกลางหรือผู้ให้บริการรายอื่นๆ ว่ามีแง่มุมทางกฎหมายอย่างไรบ้าง? ทำความรู้จัก กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการห้องพักรายวัน การให้เช่าห้องพัก เป็นรายวัน มีกฎหมายที่ควบคุม คือ พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ซึ่งในมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดว่า “โรงแรม หมายความว่า สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราว สำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน…” นอกจากตัวพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว ยังมีกฎกระทรวงกําหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551 ออกมา ซึ่งถ้าดูเผินๆ อาจเข้าใจว่า… การให้เช่าคอนโด รายวันสามารถทำได้! เพราะข้อ 1 ของกฎกระทรวงฉบับนี้ กำหนดให้สถานที่พักที่มีจํานวนห้องพักในอาคารเดียวกันหรือหลายอาคารรวมกันไม่เกินสี่ห้องและมีจํานวนผู้พักรวมกันทั้งหมดไม่เกินยี่สิบคน ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสําหรับ คนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน อันมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการเพื่อหารายได้เสริมและได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบตามแบบที่รัฐมนตรีกําหนดไม่เป็นโรงแรม ตามกฎกระทรวงนี้ ดูเหมือนกับว่า… การให้เช่าคอนโดรายวันอาจจะทำได้ ถ้าเป็นการให้เช่ารายย่อยๆ แต่ที่จริงแล้วทำไม่ได้นะคะ เพราะคอนโดโครงการหนึ่ง หรือ ตึกหนึ่งต้องมีห้องพักเกินกว่า 4 ห้องอยู่แล้ว จึงไม่เข้าข่ายที่ได้รับยกเว้นให้ไม่ต้องขอใบอนุญาตโรงแรมตามกฎกระทรวงฉบับนี้ เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับนี้มีเจตนา เพื่อส่งเสริมที่พักในลักษณะโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้ให้ท้องถิ่นในชนบท ที่เจ้าของมีห้องพักไม่มาก มีอาชีพหลักอื่นอยู่แล้วเสียมากกว่า ถ้ามีการปล่อยห้องพักให้เช่ารายวันในคอนโดจะทำอย่างไร? ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแลการให้เช่าห้องพักรายวันในคอนโดนั้นๆ คือ นิติบุคคลอาคารชุดที่จะต้องทำหน้าที่แทนเจ้าของห้องทุกราย การกำกับดูแลทำได้ตั้งแต่การออกข้อบังคับอาคารชุดเพื่อสร้างอุปสรรคให้การเช่ารายวัน (เพราะการออกข้อบังคับห้ามเจ้าของห้องไม่ให้ใช้ห้องอย่างใดอย่างหนึ่งโดยตรงๆ นั้นทำไม่ได้ เนื่องจากขัดกับกรรมสิทธิ์ของเจ้าของห้อง) เช่น ออกบัตรสำหรับใช้ลิฟต์ที่เข้าออกได้เฉพาะชั้น และมีบัตรจำนวนจำกัด ห้ามไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของร่วมหรือไม่ได้มากับเจ้าของร่วมใช้ทรัพย์ส่วนกลาง ถัดจากการออกข้อบังคับแล้ว นิติบุคคลยังสามารถร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาตามพระราชบัญญัติโรงแรมฯ มาตรา 59 ฐานประกอบกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโทษปรับรายวันตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทด้วย นิติบุคคลอาคารชุดยังสามารถดำเนินการเพิ่มเติมในกรณีที่ผู้เช่าห้องรายวันเป็นคนต่างด้าว คือ ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 38 กำหนดให้เจ้าของสถานที่ต้องแจ้งต่อพนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อมีคนต่างด้าวเข้าพัก โดยนิติบุคคลอาคารชุดสามารถกวดขันเรื่องนี้ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการนำห้องพักออกให้เช่ารายวันได้ เพราะหากต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงทุกครั้ง หรือมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอยู่เสมอก็จะทำให้เจ้าของห้องรายนั้นไม่สะดวก และหยุดนำห้องออกให้เช่ารายวันในที่สุด และหากเจ้าของห้องไม่ได้แจ้งก็จะมีโทษตามพระราชบัญญัตินี้มาตรา 77 คือ ปรับ 2,000-10,000 บาท ในปีที่ผ่านมีคดีตัวอย่างที่เจ้าของห้องปล่อยห้องให้เช่ารายวัน ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำตัดสินแล้ว ทั้งที่ศาลจังหวัดหัวหินคดีอาญาหมายเลขดำที่ 50/2561 หมายเลขแดงที่ 59/2561 (พื้นที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) และศาลจังหวัดเพชรบุรีคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2561 หมายเลขแดงที่ 900/2561 (พื้นที่ชะอำ) โดยศาลชั้นต้นทั้งสองศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่รอลงอาญา ปรับ และปรับรายวันกับเจ้าของห้อง ซึ่งเป็นบรรทัดฐานให้เจ้าของร่วมที่คิดจะปล่อยห้องให้เช่ารายวันว่าไม่สามารถทำได้อีกต่อไป… สรุปส่งท้าย ให้เช่า คอนโดรายวัน ผิดกฎหมายหรือไม่? คำตอบคือ ทำไม่ได้นะคะ เพราะคอนโดโครงการหนึ่ง หรือ ตึกหนึ่งต้องมีห้องพักเกินกว่า 4 ห้องอยู่แล้ว จึงไม่เข้าข่ายที่ได้รับยกเว้นให้ไม่ต้องขอใบอนุญาตโรงแรมตามกฎกระทรวงข้างต้น นั่นเองค่ะ และสำหรับใครที่ต้องการซื้อ ขาย เช่าคอนโด Amber International Realty บริษัทเอเจ้นท์คอนโดให้บริการโดยทีมงาน ที่เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 📑การันตีด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี เราให้บริการแบบ One Stop Service เกี่ยวกับคอนโดมิเนียม แก่ลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นต้น ได้รับการยอมรับ และทำงานร่วมกันกับ บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าใหญ่ของไทย เช่น MQDC, Sansiri, AP Thai, Origin ฯลฯ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโดบริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโดบริการบริหารและจัดการคอนโด สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

ปักหมุดโครงการคอนโด ใกล้ห้าง The Emsphere ระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร
ใครที่มองหา คอนโดใกล้ห้าง The Emsphere จะซื้ออยู่เองหรือจะซื้อปล่อยเช่า บทความนี้เรารวมมาให้แล้วค่ะ… หลังจากรอคอยกันมานาน The Emsphere ห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ล่าสุดบนย่านพร้อมพงษ์ ได้เปิดบริการเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมาแล้วค่ะ ซึ่ง The Emsphere อยู่ภายใต้ The Em District ของ The Mall Group ที่ประกอบด้วยห้างระดับ Hi-End อย่าง The Emporium และ The Emquartier โดยตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท สามารถเดินเชื่อมจาก BTS สถานีพร้อมพงษ์มาทั้ง 3 ห้างนี้ได้เลย ถึงแม้ว่าย่านพร้อมพงษ์ จะขึ้นชื่อว่า… เป็นอีกย่านนึงที่เต็มไปด้วยความหรูหรา กินดี ดื่มได้ อยู่อาศัยสบายแล้ว แต่การเปิดตัวของ The Emsphere จะช่วยเพิ่มสีสันและความน่าอยู่อาศัยให้กับย่านได้มากขึ้น วันนี้ Amber จึงได้รวบรวม 5 คอนโดมิเนียมให้เช่า ซื้อขาย และที่อยู่ในช่วงกำลังก่อสร้างและสร้างเสร็จไม่เกิน 5 ปี ที่มีระยะห่าง 2 กิโลเมตร จาก The Emsphere ซึ่งมีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน มาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีคอนโดอะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลยค่ะ… พร้อมพงษ์ เป็นทำเลใจกลางเมืองย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพ ที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น เป็นย่าน Shopping District ที่รู้จักกันในชื่อ The Em District ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าหรูอย่าง The Emporium, The Emquartier และ The Emsphere ห้างใหม่ล่าสุด นอกจากThe Em District แล้ว ตามซอยต่างๆ เช่น ซอยสุขุมวิท 26, ซอยสุขุมวิท 24 หรือซอยสุขุมวิท 39 ก็เรียกได้ว่า… มีร้านอาหาร ร้านกาแฟต่างๆ อยู่เยอะพอสมควรเลย อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆทั้งสวนเบญจสิริและสวนเบญจกิติ ที่สามารถไปนั่งพักผ่อนและออกกำลังกายกันได้ด้วย ส่วนของโรงพยาบาลก็เป็นโรงพยาบาลชั้นนำที่มีชื่อเสียงอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวช และมีสถานที่ออกกำลังกายอย่างสตูดิโอ กับ Fitness Center เปิดให้บริการหนาแน่นที่สุดในกรุงเทพเลยก็ว่าได้ ถือว่าความอุดมสมบูรณ์ของย่านพร้อมพงษ์ก็ไม่เป็นรองย่านข้างเคียงอย่าง ทองหล่อ แหล่งรวมศูนย์การค้า ร้านค้าหลายสัญชาติ สถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนและที่พักอาศัยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น อีกย่านนึงที่ติดกันก็เป็นย่านอโศก แหล่งธุรกิจหลักหรือ CDB ที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีอาคารสำนักงาน, โรงแรมระดับ 5 ดาว, แหล่ง Shopping สำคัญๆ เช่น Terminal 21 และบริเวณแยกอโศกยังเป็นจุด Interchange สำคัญระหว่าง BTS (สถานีอโศก) กับ MRT (สถานีสุขุมวิท) อีกด้วย ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่า… ทำไมย่านพร้อมพงษ์ จึงเป็นทำเลยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติที่อยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น และทางผู้พัฒนาอสังหาฯ ก็หาซื้อที่ดินพัฒนาโครงการอยู่อาศัย เพื่อรองรับความต้องการอยู่อาศัยสูงบนทำเลนี้ ด้วยมูลค่าที่ดินของทำเลนี้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และที่ดินเปล่าสำหรับพัฒนาโครงการอยู่อาศัยก็เหลือน้อยเต็มที ประกอบกับ Landlord ก็ถือครองที่ดินไว้ ไม่ปล่อยขายง่ายๆ ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบันที่เกิดขึ้นใหม่ในย่านนี้จึงเป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมซะเป็นส่วนใหญ่ และอยู่ในซอยย่อยที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอย่างซอยพร้อมมิตร ซอยพร้อมศรี ซอยสวัสดี รวมถึงซอยประชัญคดี ที่จะมีเส้นทางลัดเลาะไปเส้นถนนอื่นๆได้ง่ายนั่นเอง **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 ดังนั้นราคาต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ โครงการแรก คือ 1. Quintara Phume Sukhumvit 39 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 102,000 บาท/ตร.ม. | เริ่ม 2.89 ล้าน Quintara Phume Sukhumvit 39 โครงการนี้ก็เป็นอีกโครงการจาก Eastern Star เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่ในซอยประชัญคดี เยื้องกับโครงการ Quintara MHy’ZEN Phrom Phong โดยห่างจาก The Emsphere ประมาณ 2.0 กิโลเมตร ราคาเริ่ม 2.89 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 4 ทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง สามารถเดินเชื่อมกันทั้ง 2 อาคารทำให้ใช้งานได้สะดวกและต่อเนื่อง รวมถึงส่วนกลางก็มีค่อนข้างหลากหลาย เมื่อเทียบกับระดับราคา การวางผังห้องพักอาศัยชั้น 2 – 3 เป็นแบบ Single Corridor ได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนชั้นอื่นๆ ก็ออกแบบมองเห็นวิวพื้นที่ส่วนกลางได้ มีทั้งแบบห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom ทำให้ใครที่มีงบต่ำกว่า 3 ล้านบาท ก็มีห้อง 1 Bedroom พื้นที่เยอะ ให้เลือกหลาย Layout เลยค่ะ และห้อง 1 Bedroom ส่วนใหญ่สามารถจัดพื้นที่ Bay Window ได้ด้วย นอกจากนั้นยังมีห้องแบบ Garden Access ด้วย Cloud Sukhumvit 23 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 172,000 บาท/ตร.ม. | เริ่ม 5 ล้าน Cloud Sukhumvit 23 คอนโด High Rise สูง 43 ชั้น โครงการจะลึกเข้าไปจากปากซอยสุขุมวิท 23 ประมาณ 650 เมตรค่ะ อยู่ใกล้กับ Intercahnge Station ของ BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท อยู่ห่างจาก The Emsphere ประมาณ 1.3 กิโลเมตร ราคาเริ่ม 5 ล้านบาท ตัวโครงการยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง คาดเสร็จปี 2567 พื้นที่ส่วนกลางและสวนหย่อมออกแบบแทรกอยู่บนชั้น 5, 28-30 และ Rooftop ทำให้ได้เห็นวิวเมืองโดยรอบ 270 องศา ที่ดึงจุดเด่นของอาคารที่สูงถึง 200 เมตร ขนาดห้องพักก็มีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 29-99 ตร.ม. โดยจะเน้นเป็นห้อง 1-Bedroom ขนาด 29-30 ตร.ม. ส่วนห้อง Lot และ Penthouse จะอยู่ชั้น 26 ขึ้นไป จุดที่น่าสนใจคือเรื่องของวัสดุที่โดดเด่นกว่าเพื่อนๆ ให้ของมาดีเมื่อเทียบกับราคา และเป็นโครงการที่มีห้อง Loft และ Penthouse ขนาดไม่เกิน 100 ตร.ม. ให้เลือก จึงถือเป็นทางเลือกที่แตกต่างออกมาจากโครงการอื่นๆค่ะ Walden Sukhumvit 39 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม. | เริ่ม 5.9 ล้าน Walden Sukhumvit 39 โครงการคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น อยู่เข้าไปในซอยพร้อมมิตร ที่เชื่อมต่อระหว่างซอยสุขุมวิท 39 กับซอยสุขุมวิท 49 ถือเป็นซอยลัดเลี่ยงรถติดได้ง่าย ห่างจาก The Emsphere ประมาณ 1.3 กิโลเมตร ราคาเริ่ม 5.9 ล้านบาท ตัวโครงการก็สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ออกแบบเน้นความเป็นส่วนตัว หลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอก โดยการลดระดับพื้นชั้น 1 ให้ต่ำจากพื้นถนนและ Take View น้ำตกและ Green Wall ที่ทางโครงการสร้างขึ้นมาแทน นอกจากนั้นพื้นที่ส่วนกลางเกือบทั้งหมดจะถูกยกขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า มีออกแบบแทรกต้นไม้ตามชั้นต่างๆบนอาคาร ส่วนภายในโครงการก็มีการเจาะช่อง Void เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ เกิดความโปร่งโล่ง ทำให้เกิดโถงทางเดินแบบ Single corridor ที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แบบห้องหลากหลาย รวมถึงมีห้อง Loft ให้เลือกด้วย บริเวณหน้าต่างมีระแนงบานเฟี้ยมที่เป็น Facade โครงการที่ช่วยพรางตา เพิ่มความเป็นส่วนตัว ส่วนห้องน้ำจะมีอ่างอาบน้ำในทุกแบบห้องเลย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นนั่นเอง Noble State 39 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 240,000 บาท/ตร.ม. | เริ่ม 6.29 ล้าน Noble State 39 โครงการมีทั้งหมด 2 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร Commercial ด้านหน้าที่เป็น Low Rise สูง 2 ชั้น ส่วนอาคาร Residencial เป็นคอนโด High Rise 38 ชั้น โครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น ที่ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมอยู่ โดยตัวโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมพงษ์ ) ใกล้กับปากซอยฝั่งสุขุมวิทเพียง 450 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ BTS พร้อมพงษ์ และห่างจาก The Emsphere ประมาณ 950 เมตร ออกแบบในสไตล์ Art Deco กระจายพื้นที่ส่วนกลางออกเป็นหลายๆชั้น เพื่อลดความแออัดและเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน โดยชั้นล่างเป็นสวน มีพื้นที่กลางแจ้ง และ Lobby ต้อนรับแขก ส่วนชั้น 11 จะมีทั้งห้องพักอาศัยและ Facilities แบบ Private Zone ที่มีความเงียบสงบ และมีสวนให้พักผ่อนชมวิวได้ สำหรับชั้น 37 จะเป็น Active Zone เน้นการทำกิจกรรมและออกกำลังกาย ส่วนชั้นดาดฟ้าจะเป็นพื้นที่ Outdoor แบบกลางแจ้งและชมวิวได้ด้วย โถงทางเดินชั้นพักอาศัยเป็น Single Corridor ราคาเริ่ม 6.29 ล้านบาท ตัวโครงการก็สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนห้องพักจะเป็นห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom ที่มีหลากหลาย Layout และหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 29.81-105.8 ตร.ม. ที่ออกแบบเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน โดยประตูห้องจะเป็นบานเลื่อนทึบ ไม่เสียพื้นที่เปิด-ปิดประตู ทำให้พื้นที่ภายในเชื่อมต่อกันดี ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ส่วนห้องน้ำมีทางเข้า 2 ทาง ใช้งานสะดวก และห้องครัวเป็นแบบเปิด จึงเหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจัง หรือใครจะกั้นประตูเพิ่มก็ได้เหมือนกันค่ะ KRAAM Sukhumvit 26 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 260,000 บาท/ตร.ม. | เริ่ม 15.9 ล้าน KRAAM Sukhumvit 26 คอนโด High Rise สูง 29 ชั้น ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 26 หรือซอยอารีย์ ที่เชื่อมไปออกถนนพระราม 4 ที่ด้านหลังได้ ส่วนบรรยากาศในซอยก็ค่อนข้างแตกต่างกับซอยข้างเคียง เพราะว่ามีอุโมงค์ต้นไม้ดูร่มรื่น อีกทั้งยังไม่มีตึกสูงขึ้นหนาแน่นมาบังวิวกันเองมากนักค่ะ โครงการนี้อยู่ห่างจาก The Emsphere ประมาณ 950 เมตร ส่วนกลางชั้น 1 จะมีสวน Lobby และ Library ที่เป็นส่วนต้อนรับของโครงการ ส่วน Main Facilities หลักๆ จะอยู่ชั้น 26 ทำให้ออกแบบเป็นหน้าต่างกระจกเพื่อ Take View โดยรอบได้เต็มที่ ซึ่งหลักๆจะประกอบด้วย Fitness ขนาดใหญ่ และสระว่ายน้ำ ที่มีสระเด็กและ Jacuzzi อยู่อีกด้วย ในราคาเริ่ม 15.9 ล้านบาท เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ค่ะ โครงการนำความคิดการอาศัยอยู่ในบ้านมาไว้ในคอนโด ทำให้ขนาดพื้นที่แต่ละส่วนค่อนข้างใหญ่และยืดหยุ่นมาก มีขนาดห้องตั้งแต่ 61-228 ตร.ม. ทำให้ห้องเริ่มต้นก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่และกว้างขวางดีเลย นอกจากนั้นออกแบบหลายๆ ฟังก์ชันอยู่ติดกับผนังกระจก ทำให้ห้องโปร่งโล่งและได้รับวิวอยู่ตลอดเวลา รวมถึงห้องน้ำด้วย แต่สำหรับห้องครัวจะเป็นแบบเปิด จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้จริงจังกับการทำอาหารมากนักค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้าง?… กับ คอนโดใกล้ห้าง The Emsphere ที่เรารวมมาให้กัน คอนโดมิเนียมให้เช่า ใกล้ห้าง The Emsphere ในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร ที่มีงบ 3 ล้านบาทก็ซื้อได้ หรือใครอยากลองเช่าอยู่ก็ดี หวังว่า… บทความนี้จะมีประโยชน์ สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดเช่าอยู่ หรือซื้ออยู่ย่านพร้อม สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

อัปเดตเอกสารที่ต้องใช้กู้ซื้ออสังหา ปี 2568 แต่ละธนาคาร ต้องเตรียมอะไรบ้าง
ใครที่กำลังคิดจะกู้ซื้อบ้าน คอนโด ต้องรู้เรื่องเอกสารในการกู้ซื้ออสังหาด้วยนะ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนล่วงหน้า เราจึงมาอัปเดต เอกสารกู้ซื้ออสังหา ปี 2568 ใครว่า… การกู้ซื้อบ้านเป็นเรื่องยุ่งยาก หากคุณเตรียมเอกสารกู้ซื้อบ้านให้พร้อมก่อนยื่นกู้ก็ใช่เรื่องยากอะไร ซึ่งสถาบันการเงินแต่ละแห่งก็มีรายละเอียดการขอสินเชื่อบ้านระบุไว้ชัดเจนเช่นกัน วันนี้ Amber เลยได้รวบรวมเอกสารต่างๆ ที่ใช้ในการกู้ซื้อมาฝากกันค่ะ เอกสารกู้ซื้ออสังหา ปี 2568 เอกสารกู้สินเชื่อบ้านหลักๆ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ เอกสารส่วนตัวผู้กู้ เอกสารแสดงรายได้ เอกสารหลักประกัน เอกสารส่วนตัวผู้กู้ : เอกสารส่วนตัวในการกู้ซื้อบ้าน ที่ผู้ทำสินเชื่อควรเตรียมหลักฐานในการยืนยันตัวตนอยู่เสมอ The Best Property ขอแยกเอกสารกู้บ้าน หลักๆ ให้ผู้กู้ได้เตรียมข้อมูลกันดังนี้ สำหรับพนักงาน ผู้มีรายได้ประจำ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) สมรสจดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-4 สมรสไม่จดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-3 สำหรับผู้เป็นเจ้าของธุรกิจ (เจ้าของกิจการจดทะเบียน) สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) สมรสจดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-4 สมรสไม่จดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-3 สำเนาจดทะเบียนบริษัทฯ ครบชุด (อัพเดทไม่เกิน 60 วัน) บอจ.5 บอจ.2 รายนามผู้ถือหุ้น และ สัดส่วนผู้ถือหุ้น (เจ้าของกิจการไม่จดทะเบียน) สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) สมรสจดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-4 สมรสไม่จดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-3 สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) สมรสจดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-4 สมรสไม่จดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-3 สำหรับผู้ประกอบอาชีพค้าขาย สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) สมรสจดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-4 สมรสไม่จดทะเบียน คู่สมรสเตรียมเอกสารเหมือนผู้กู้ ตามข้อ 1-3 เอกสารแสดงรายได้ : เอกสารแสดงรายได้ขอสินเชื่อบ้าน เป็นหลักฐานที่แสดงถึงรายได้ของผู้กู้ ธนาคารจะพิจารณาจากเอกสารรายได้ว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ เอกสารแสดงรายได้ ที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง Amber รวบรวมข้อมูลของแต่ละอาชีพมาให้แล้วมีดังนี้ สำหรับพนักงาน ผู้มีรายได้ประจำ หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองสิทธิสวัสดิการ สลิปเงินเดือน 6 เดือนย้อนหลัง อัพเดทจากปัจจุบัน เอกสารรายได้อื่นๆ เช่น สลิปโบนัส, ค่าคอมมิชชั่น, Incentive (รายเดือน รายไตรมาส รายปี) สเตทเม้น 6 เดือนย้อนหลัง อัพเดทจากปัจจุบัน สเตทเม้น กรณียื่นในส่วนของเอกสารรายได้อื่นๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของธุรกิจ (เจ้าของกิจการจดทะเบียน) สเตทเม้น 6 เดือนย้อนหลัง บัญชีรายรับ-รายจ่าย 6 เดือนย้อนหลัง บิลซื้อ-บิลขาย 6 เดือนย้อนหลัง งบการเงิน 2 ปีย้อนหลัง เอกสารยื่นภาษีประจำปี ภงด.90 + ใบเสร็จ สำเนา ภพ.30 หรือ ภงด. 50/51 สัญญาเช่า หรือ เอกสารการเช่าอื่นๆ โฉนดที่ดินกรณีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พื้นที่นั้นๆ รูปถ่ายกิจการ (เจ้าของกิจการไม่จดทะเบียน) สเตทเม้น 1 ปีย้อนหลัง บัญชีรายรับ-รายจ่าย 1 ปีย้อนหลัง บิลซื้อ-บิลขาย 6 เดือนย้อนหลัง เอกสารยื่นภาษีประจำปี ภงด.90 + ใบเสร็จ สัญญาเช่า หรือ เอกสารการเช่าอื่นๆ โฉนดที่ดินกรณีเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พื้นที่นั้นๆ รูปถ่ายกิจการ แผนที่ตั้งกิจการ สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ อาชีพอิสระ ใช้ทักษะความสามารถในการประกอบอาชีพ เช่น นักร้อง นักแสดง ช่างภาพ สเตทเม้น ค่าจ้าง 6 เดือนย้อนหลัง 50 ทวิ 6 เดือนย้อนหลัง เอกสารยื่นภาษีประจำปี ภงด.90 + ใบเสร็จ สัญญาจ้างงาน หรือ หนังสือรับรองรายได้ สำหรับผู้ประกอบอาชีพค้าขาย สเตทเม้น 6 เดือนย้อนหลัง บัญชีรายรับ-รายจ่าย 6 เดือนย้อนหลัง บิลซื้อ-บิลขาย 6 เดือนย้อนหลัง สัญญาเช่าร้าน หรือ เอกสารเช่าอื่นๆ กรณี ขายของออนไลน์ ทะเบียนพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ รูปภาพหน้าเว็บ หรือ เพจเฟตบุ๊ค ที่เป็นหน้าร้านออนไลน์ เอกสารหลักประกัน : เอกสารหลักประกันยื่นกู้ซื้อบ้าน เป็นเอกสารที่แสดงให้ธนาคารเห็นว่าหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้คืออะไร มีมูลค่ามากน้อยเท่าไหร่ หลักประกันเหล่านี้จะทำให้ธนาคารอนุมัติวงเงินกู้บนพื้นฐานว่าหากลูกหนี้มีปัญหา หลักทรัพย์เหล่านี้คือหลักทรัพย์ที่ธนาคารจะยึดเพื่อขายนำเงินมาชำระหนี้แทนได้ สำเนาโฉนดที่ดิน หรือ สำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ แผนที่แสดงทำเลที่ตั้งของที่ดินหลักประกันแบบสังเขป ทำไม! เราถึงต้องเตรียมเรื่องเอกสารที่จะยื่นขอสินเชื่อกู้บ้านกันก่อนนะหร ?? ก็ถ้าหากเราเตรียมพร้อมครบถ้วน ธนาคารจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนในการตามเอกสารครั้งแล้วครั้งเล่านะสิ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการกู้บ้าน จากธนาคารควรสอบถามเจ้าหน้าที่ให้แน่นอนถึงเอกสารที่จะต้องใช้ เมื่อเตรียมครบแล้วก่อนส่งควรไล่เช็คอีกครั้งว่าครบถ้วนและไม่มีปัญหา นอกจากการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนแล้ว เอกสารที่เป็นสำเนาทุกฉบับจะต้องมีการเซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย รวมถึงกรณีขอกู้เงินแบบที่ต้องมีผู้กู้ร่วม ผู้กู้ร่วมก็จะต้องยื่นเอกสารเหมือนกับผู้กู้หลักด้วยทุกประการ แต่ถ้าใช้บริการผ่าน ตัวแทน นายหน้า ของ Amber International Realty รับลองได้เลยว่า… ผู้กู้ทุกรายจะได้รับคำแนะนำเรื่องเอกสารอย่างถูกต้องแน่นอน นอกจากนี้ Amber International Realty ได้รวบรวมข้อมูล เอกสารกู้ซื้อบ้านของแต่ละธนาคาร มาฝากกันด้วยนะ ธนาคารกรุงไทย : เอกสารการกู้บ้านธนาคารกรุงไทย มีรายละเอียดดังนี้ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรข้าราชการของผู้กู้ ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส 2. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส 3. สำเนาทะเบียนสมรส ของผู้กู้และผู้กู้ร่วม 4. สำเนารายการบัญชีเงินฝาก (Statement) ย้อนหลัง หรือหลักฐานแสดงรายได้ของผู้กู้ ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส 5. สำเนาภาพถ่ายโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ (กรณีซื้อห้องชุดจากโครงการคอนโด) ที่เสนอเป็นหลักประกัน 6. สำเนาสัญญาจะซื้อจะขายหลักทรัพย์ที่เสนอเป็นหลักประกัน 7. สำเนาสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและแบบแปลน (พิมพ์เขียว) ของอาคารที่จะปลูกสร้าง 8. ใบอนุญาตปลูกสร้างอาคาร (กรณีกู้เพื่อสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้าน) 9. รูปถ่ายบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุด หรืออาคารพาณิชย์ ที่ต้องการจะซื้อ ธนาคารกสิกรไทย : เอกสารการกู้บ้านธนาคารกสิกรไทย มีรายละเอียดดังนี้ เอกสารทั่วไป 1. แบบฟอร์มใบสมัครคำขอสินเชื่อและหนังสือให้ความยินยอมที่กรอกรายละเอียดครบถ้วนทั้งผู้กู้และผู้กู้ร่วม 2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ (ทั้งผู้กู้และคู่สมรสของผู้กู้หลัก / ร่วม) 3. สำเนาทะเบียนบ้าน (ทุกหน้า) 4. ใบเปลี่ยนชื่อ-ชื่อสกุล (ถ้ามี ทั้งผู้กู้และคู่สมรสของผู้กู้หลัก/ร่วม) 5. กรณีสมรสจดทะเบียน-สำเนาทะเบียนสมรส 6.กรณีสมรสไม่จดทะเบียน-หนังสือยืนยันสถานภาพสมรสจากลูกค้า หรือสำเนาทะเบียนบ้าน / สูติบัตรของบุตร 7. กรณีหม้าย-ใบสำคัญการหย่า หรือใบแจ้งความเลิกร้างกับคู่สมรส หรือใบมรณะบัตรสำเนาใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (ถ้าเปลี่ยน) เอกสารแสดงรายได้ 1. ผู้มีรายได้ประจำ สลิปเงินเดือน(อายุไม่เกิน 3 เดือน) หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน (อายุไม่เกิน 3 เดือน) และ/หรือเอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือนย้อนหลัง ข้าราชการบำนาญ บัตรรับเงินบำนาญ หรือ ใบแนบหนังสือสั่งจ่าย หรือ เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือนย้อนหลัง แสดงรายการเงินบำนาญเข้าบัญชีแต่ละเดือน ถ้าผู้สมัครมีรายได้ไม่สม่ำเสมออื่น ๆ กรุณาแนบเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้ เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลัง หรือ 50 ทวิ แสดงรายได้ในช่วง 6 เดือนย้อนหลังเป็นอย่างน้อย ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวหรือผู้ที่อ้างอิงรายได้จากกิจการ เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลัง ในนามส่วนบุคคลหรือกิจการ เอกสารแสดงรายรับทางการเงินอื่น ๆ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลัง หรือ 50 ทวิ แสดงรายได้ในช่วง 6 เดือนย้อนหลังเป็นอย่างน้อย เอกสารแสดงรายรับทางการเงินอื่น ๆ เอกสารหลักทรัพย์ 1. สำเนาโฉนดที่ดิน/นส.3/นส.3ก หรือหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ พร้อมสารบัญจดทะเบียนทุกหน้า 2. สำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน (ทด.13) ธนาคารกรุงเทพ : เอกสารการกู้ซื้อบ้านธนาคารกรุงเทพ มีรายละเอียดดังนี้ เอกสารทั่วไป 1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/บัตรข้าราชการ 2. สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (กรณีประกอบวิชาชีพเฉพาะ) 3. สำเนาทะเบียนบ้าน 4. สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบมรณะบัตรของคู่สมรส (ถ้ามี) 5. ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ทุกใบ) เอกสารแสดงรายได้ 1. กรณีผู้กู้/ผู้กู้ร่วมเป็นพนักงานหรือข้าราชการ ต้นฉบับหนังสือรับรองเงินเดือน (ไม่เกิน 3 เดือน) ต้นฉบับสลิปเงินเดือนล่าสุด และสำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารที่รับเงินเดือน สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี (กรณีรับเงินเดือนเป็นเงินสด) กรณีผู้กู้/ผู้กู้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการ สำเนาเอกสารการจดทะเบียนบริษัท (ทะเบียนพาณิชย์/การค้า/หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล/ทะเบียนผู้ถือหุ้น) (ไม่เกิน 3 เดือน) สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ไม่เกิน 3 เดือน) สำเนาบัญชีธนาคารที่แสดงกระแสการเงินของบริษัท เช่น บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน วงเงินเบิกเกินบัญชี เป็นต้น ย้อนหลัง 6 เดือน งบการเงินปีล่าสุด หรือสำเนารายการแสดงภาษีเงินได้ประจำปีปีล่าสุด เอกสารหลักประกัน 1. สำเนาโฉนดที่ดิน/สำเนาเอกสารกรรมสิทธิห้องชุด 2. สำเนาเอกสารสัญญาจะซื้อจะขาย 3. เอกสารหลักฐานการชำระเงินดาวน์ 4. แผนที่แสดงที่ตั้งหลักประกัน เอกสารหลักประกันในการขอสินเชื่อ (เพิ่มเติมกรณีปลูกสร้าง/ต่อเติม/ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย) สำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร/ปรับปรุงอาคาร สำเนาพิมพ์เขียว (แบบแปลนก่อสร้าง) สำเนาสัญญาว่าจ้างระหว่างผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ขอสินเชื่อ เอกสารหลักประกันในการขอสินเชื่อ (เพิ่มเติมกรณีรีไฟแนนซ์) สำเนาสัญญาจำนอง และข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนอง สำเนาสัญญากู้เงิน สำเนาใบเสร็จการผ่อนชำระหนี้ย้อนหลัง 3 เดือน เอกสารแสดงฐานะทางการเงินและภาระหนี้สิน สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารแสดงรายการย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาหลักฐานแสดงกรรมสิทธิในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น โฉนดที่ดิน ห้องชุด พันธบัตร ใบหุ้น เอกสารสัญญาแสดงสิทธิการเช่า ฯลฯ สำเนาสัญญากู้ยืมเงิน/สัญญาเช่าซื้อ/สัญญาจำนอง และเอกสารหลักฐานการชำระหนี้ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารทหารไทย : เอกสารการกู้บ้านธนาคารทหารไทย มีรายละเอียดดังนี้ เอกสารส่วนตัวผู้กู้/ผู้กู้ร่วม พนักงานประจำ สำเนาบัตรประชาชน สลิปเงินเดือน ต้นฉบับและพิมพ์ด้วยกระดาษคาร์บอนในตัว (กรณีไม่มีสลิปเงินเดือนดังกล่าว หรือใช้หนังสือรับรองเงินเดือน (อายุไม่เกิน 2 เดือน) ต้องเพิ่ม สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 1 เดือน) ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ/พนักงานธนาคาร/พนักงานเงินทุนหลักทรัพย์ สำเนาบัตรประชาชน (หรือสำเนาบัตรข้าราชการทหารและสำเนาทะเบียนบ้าน) สลิปเงินเดือน (กรณีใช้หนังสือรับรองเงินเดือน (อายุไม่เกิน 2 เดือน) ต้องเพิ่มสำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 1 เดือน) ประกอบธุรกิจส่วนตัว/เจ้าของกิจการ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาบัญชีธนาคารที่ใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ออกโดยหน่วยงานราชการ ได้แก่ กรณีบริษัท สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท (อายุไม่เกิน 3 เดือน) และสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (อายุไม่เกิน 3 เดือน) กรณีห้างหุ้นส่วนจำกั […]

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ซื้อ-ขายบ้าน คอนโด ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? และ ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ค่าธรรมเนียม ก็ถือเป็นหนึ่งค่าใช้จ่ายหลักที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายบ้าน คอนโด ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ แต่ผู้ซื้อหลายคนมักมองข้ามความสำคัญในส่วนนี้ไป จนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบจากการเสียค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น จนทำให้การซื้อขายอสังหาฯ บ้าน คอนโด ขาดทุนได้หลังเสียค่าธรรมเนียมและภาษีไปแล้ว เพื่อเป็นการเตรียมตัว Amber ขอพาทุกคนมารู้จักภาษีและวิธีคำนวณภาษีการขายอสังหาริมทรัพย์เบื้องต้นกันก่อนค่ะ… อสังหาริมทรัพย์ คืออะไร ? ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 139 บัญญัติ กล่าวว่า อสังหาริมทรัพย์ คือ ที่ดินกับทรัพย์อันติดกับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวร หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพย์สินอันเกี่ยวกับที่ดิน หรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย อสังหาริมทรัพย์ คือ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เช่น อาคาร บ้านเรือน สำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงสิ่งอื่นใดที่อยู่ติดกับที่ดินซึ่งเคลื่อนที่ไม่ได้ นอกจากนี้ทรัพย์ตามธรรมชาติที่ประกอบเป็นอันเดียวกับดิน เช่น แม่น้ำ บึง แร่ กรวด ทราย ที่อยู่ในอาณาบริเวณที่ดินนั้นก็จัดว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ด้วย รู้จักอสังหาริมทรัพย์แล้ว… ก็จะต้องมีความรู้เรื่องของราคา และราคาที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง? ตามไปอ่านกันเลยค่ะ! ราคาประเมิน คือ ราคาที่กรมธนารักษ์กำหนดให้เป็นราคากลางของอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการคิดค่าธรรมเนียมและภาษีจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีการปรับราคาประเมินใหม่ทั่วประเทศทุกๆ 4 ปี ซึ่งราคาประเมินอาจจะสูงหรือต่ำกว่าราคาซื้อขายจริงก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วราคาประเมินจะต่ำกว่า ราคาตลาด คือ ราคาที่ใช้ในการซื้อขายกันจริง ซึ่งจะสอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานของตลาดในแต่ละช่วงเวลา มีการปรับตัวตามภาวะค่าครองชีพอยู่ตลอดเวลา ราคาตลาดจึงมักสูงกว่าราคาประเมิน ในทางภาษี เราต้องทราบว่าได้อสังหาริมทรัพย์มาได้อย่างไร? กรมสรรพากร แบ่งการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 2 กรณี คือ การได้รับอสังหาริมทรัพย์โดยมุ่งค้าหรือหากำไร เช่น เราซื้อที่ดินมาเพื่อเก็งกำไรและขาย หรือซื้อที่ดินเพื่อจัดสรร ปลูกสร้างอาคาร คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารโรงงานเพื่อจำหน่าย เป็นต้น การได้รับอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มุ่งค้าหรือหากำไร แบ่งออกเป็น 2.1 อสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับมาโดยทางมรดก หรือได้รับจากการให้โดยเสน่หา (ได้มาฟรี มีคนยกให้) 2.2 อสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาโดยไม่มุ่งค้าหรือหากำไร เช่น ซื้อที่ดินมาเพื่อทำการเกษตรกรรม ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างมาเพื่ออยู่อาศัย เป็นต้น และค่าใช้จ่ายเมื่อมีการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ จะขายบ้าน ขายคอนโด ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายในการขายอสังหาริมทรัพย์ส่วนที่ผู้ขายต้องจ่าย ประกอบไปด้วย 4 รายการ ได้แก่ ค่าธรรมเนียม ค่าอากร ภาษีเงินได้ และภาษีธุรกิจเฉพาะ มาทำความรู้จักกันไปทีละส่วนกันเลยค่ะ… ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมทุกครั้งที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอัตรา 2% จากราคาประเมิน ซึ่งไม่มีข้อยกเว้นหรือการลดหย่อนใดๆ และเพื่อความยุติธรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมักนิยมแบ่งค่าธรรมเนียมส่วนนี้ให้แต่ละฝ่ายรับผิดชอบคนละครึ่งคือ ผู้ซื้อค่าธรรมเนียมชำระ 1% และผู้ขายชำระค่าธรรมเนียม 1% เท่าๆ กัน โดยให้ระบุในสัญญาจะซื้อจะขาย ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ค่าอากรแสตมป์ที่ผู้ขายต้องเสียในขั้นตอนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ พิจารณาจากราคาประเมินและราคาตลาดร่วมกันโดยเลือกใช้ราคาที่สูงกว่ามาคำนวณในอัตรา 0.5% เท่ากับว่า… ผู้ขายจะเสียค่าอากรแสตมป์ 1 บาท ทุกๆ 200 บาท โดยผู้ขายจะเป็นฝ่ายชำระฝ่ายเดียว และจะได้รับยกเว้นค่าอากรต่อเมื่อต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ผู้ขายที่ครอบครองอสังหาริมทรัพย์เป็นระยะเวลาน้อยกว่า 5 ปี จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ในอัตรา 3.3% จากราคาประเมินหรือราคาตลาดขึ้นอยู่กับว่าราคาใดสูงกว่า อย่างไรก็ตาม มีการยกเว้นเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในกรณีที่ผู้ขายครอบครองอสังหาริมทรัพย์ นานเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนานกว่า 1 ปี ถูกเวนคืนบ้านหรือที่ดิน หรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาโดยมรดก ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เมื่อเกิดการขายอสังหาริมทรัพย์ จะนับเป็นรายได้แก่ผู้ขาย จึงต้องนำมาคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินที่จะต้องคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ผู้ขายจึงต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทั้งหมด ภาษีเงินได้จะพิจารณาจากราคาประเมินและจำนวนปีที่ถือครอง จำนวนปีที่ถือครองนั้นจะนับตามปีบัญชี โดยหนึ่งปีจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมไปจนถึง 31 ธันวาคมของปีเดียวกัน การซื้อขายภายในปีเดียวกันนับเป็นการถือครอง 1 ปี หากครอบครองตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ถึงมีนาคมปีหน้าก็ให้นับเป็นถือครอง 2 ปี สามารถคำนวณเงินได้โดยนำราคาประเมินคูณกับร้อยละของเงินได้ที่นำมาคำนวณภาษีตามจำนวนปีที่ถือครองตามอัตราที่แสดงในตารางจะได้จำนวนเงินที่ต้องนำไปคำนวณภาษีเงินได้ทั้งหมด จากนั้นนำมาหารด้วยจำนวนปีที่ถือครองจะได้จำนวนเงินได้ที่ต้องนำไปคำนวณภาษีเงินได้ที่ต้องชำระต่อปี การคำนวณภาษีเงินได้ภาษีอสังหาริมทรัพย์ของนิติบุคคล สำหรับหลักการคำนวณภาษีอสังหาริมทรัพย์ของนิติบุคคล มีดังนี้ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ต้องเสียในอัตรา 1% เพราะถือว่ามีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้นิติบุคคลต้องนำรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไปรวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี ภ.ง.ด.50 อีกครั้ง ซึ่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่เคยถูกหักไว้ สามารถนำใช้เป็นเครดิตภาษีเพื่อลดยอดภาษีสิ้นปีที่ต้องชำระได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องเสียในอัตรา 3.3% กรณีผู้ขายเป็นผู้ค้าอสังหาริมทรัพย์ หรือเข้าเงื่อนไขมุ่งค้าหากำไร ซึ่งปกตินิติบุคคลจะเข้าเงื่อนไขมุ่งค้าหากำไร เพราะกรมสรรพากรกำหนดให้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่นิติบุคคลมีไว้ในการประกอบกิจการต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ทั้งนี้ถ้าเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว จะไม่ต้องเสียอากรแสตมป์อีก อากรแสตมป์ ต้องเสียในอัตรา 0.5% ซึ่งในทางปฏิบัติค่อนข้างยากที่นิติบุคคลจะเข้ากรณีที่ต้องเสียอากรแสตมป์ เพราะปกติจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะมาก่อนอย่างที่อธิบายข้างต้น ทั้งนี้ถ้าเสียอากรแสตมป์แล้ว จะไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีก สรุปส่งท้าย ใครที่กังวลว่า… ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดูจะเป็นการคำนวณภาษีที่ยุ่งยากยาก ซับซ้อน สบายใจได้เลยค่ะ เพราะภาษีทั้งหมดข้างต้น เมื่อเรามีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะเป็นคนคำนวณแทนเราเองค่ะ แต่ถ้าเราเข้าใจการคำนวณก็สามารถคำนวณตัวเลขเบื้องต้น เพื่อประมาณค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ