แนะนำคอนโด Penthouse รับวิวทุกมุมห้อง มาพร้อมกับความสไตล์ที่โดดเด่น

23

ม.ค. 24

675

แนะนำคอนโด Penthouse รับวิวทุกมุมห้อง มาพร้อมกับความสไตล์ที่โดดเด่น

ใครที่ชอบอยู่คอนโดห้องกว้างๆ
เหมือนอยู่บ้านเดี่ยวแต่ได้วิวสูง ต้อง คอนโด Penthouse เท่านั้น
เพราะห้องมีขนาดใหญ่มากกว่า 200 ตร.ม.
มีการออกแบบตั้งแต่ ชั้นเดียว หรือ 2 ชั้นขึ้นไป มีห้องนอนจำนวน 3 – 4 ห้อง
และมีห้องฟังก์ชั่นต่าง ๆ ครบ ไม่ต่างจากบ้านเดี่ยว แค่ย้ายมาอยู่บนตึกสูงเท่านั้น

.

ความพิเศษของ Penthouse ไม่ได้มีเพียงแค่ความใหญ่อลังการ
แต่ยูนิตพิเศษแบบนี้ยังมาพร้อมกับความสะดวกสบายที่หาในยูนิตทั่วไปไม่ได้
เช่น ลิฟต์ส่วนตัว, สระว่ายน้ำส่วนตัว, ห้องแม่บ้าน, ห้องเสริมสวย,
ห้องซักรีด และห้องเอนกประสงค์อื่น ๆ รวมถึงความสะดวกสบายพิเศษเพิ่มเติมจากโครงการ

.

วันนี้จะมาแนะนำคอนโดหรูระดับ Super Luxury
ที่มีห้องชุด Penthouse มาพร้อมกับความสไตล์ที่โดดเด่น
บอกเลยว่าใครที่ชอบใช้ชีวิตในคอนโด ชอบวิวสูงๆ และอยากได้บ้านในเมือง
ห้อง Penthouse ถือว่าตอบโจทย์สุดๆ

คอนโด Penthouse ที่แนะนำ

98 Wireless

คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury
Penthouses ขนาด 553.5 ตร.ม. สไตล์ทรงคลาสสิคโบซาร์
มีจุดเด่น คือครองกรรมสิทธิ์แบบ Freehold
ใครที่ชอบความคลาสสิคในสไตล์อเมริกาและยุโรป ต้องที่ 98 Wireless
คอนโดมิเนียม High Rise 25 ชั้น  1 อาคาร ระดับ Super Luxury มีห้องพักอาศัย 77 ยูนิต
ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใกล้ BTS เพลินจิต  รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ และสถานเทูตอเมริกา
ซึ่งห้องรูปแบบ Penthouse ของโครงการนี้ มีขนาด 553.5 ตร.ม.  มาสไตล์ทรงคลาสสิคโบซาร์
มีจุดเด่น คือการถือครองกรรมสิทธิ์แบบ Freehold พร้อมทั้งมีบริการรถลีมูซีนประจำโครงการ
ที่จอดรถ 240 %  และบริการ EV Charger ที่พิเศษกว่านั้นคือมีบริการผู้ช่วยส่วนตัวด้านไลฟ์สไตล์อีกด้วย

The ESSE Asoke

คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury
Penthouse 195.5 ตร.ม. สไตล์ Contemporary Luxury
โดดเด่นด้วยเพดานที่สูงถึง 3 ม. สัมผัสกับสวนขนาดใหญ่ภายในโครงการ

โครงการ The ESSE Asoke สำหรับใครที่ทำงานแถวอโศกน่าจะถูกใจมากๆ
คอนโดมิเนียม High Rise ระดับ Super Luxury 55 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 419 ยูนิต
ตั้งอยู่ถนนอโศกมนตรี ใกล้ MRT เพชรบุรี เยื้องๆ กับตึกแกรมมี่ รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า ธุรกิจและโรงแรมชั้นนำ
ซึ่งห้องรูปแบบ Penthouses ของโครงการนี้ มีขนาด  195.5 ตร.ม. มาในสไตล์ Contemporary Luxury
โดดเด่นด้วยเพดานที่สูงถึง 3 เมตร สัมผัสสวนขนาดใหญ่ภายในโครงการ
บอกเลยว่าใครที่ชอบห้องกว้างๆ เหมือนอยู่บ้านเดี๋ยวที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติ โครงการนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์สุดๆ

SalaDaeng One
คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury
4 Bedroom Penthouse ขนาด 420 ตร.ม สไตล์ Timeless Contemporary
จุดเด่นภายในห้องจะมองเห็นสวนเขียวขจีสุดกว้าง

โครงการคอนโด SalaDaeng One
ใครที่ชอบมองวิวธรรมชาติ มองวิวสวนได้ตลอดเวลา ต้องที่ SalaDaeng One
คอนโดมิเนียม High Rise ระดับ Super Luxury 33 ชั้น 1 อาคาร 187 ยูนิต
ตั้งอยู่บนซอยศาลาแดง 1 บนถนนพระราม 4 ใกล้กับสวนลุมพินี และสวนป่าเบญจกิติ
ซึ่งห้องรูปแบบ 4 Bedroom Penthouses ของโครงการนี้ มีขนาด 420 ตร.ม. มาในสไตล์ Timeless Contemporary
มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่สามารถมองเห็นสวนเขียวขจีสุดกว้างและยิ่งใหญ่ตระการตาได้
เน้นความหรูหราและความสงบอยู่ในยูนิตเดียวกัน

Q Sukhumvit

คอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury
Penthouse ขนาด 343-353 ตร. ม. สไตล์ Modern Classic
โดดเด่นด้วยห้องกว้างขนาดใหญ่ รับวิวครบ 4 ทิศ
เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้เหมือนบ้าน

โครงการคอนโด Q Sukhumvit

สำหรับใครที่ชอบใช้พื้นที่ภายในห้องเยอะ ที่ Q Sukhumvit ก็น่าจะตอบโจทย์ที่สุด
คอนโด High Rise ระดับ Super Luxury สูง 40 ชั้น 1 อาคาร 273 ยูนิต
ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ใกล้ถนนเพลินจิต ติดรถไฟฟ้า BTS นานา พร้อม Skywalk เชื่อมเข้าโครงการ
รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และสวนสาธารณะ
ซึ่งห้องรูปแบบ Penthouses ของโครงการนี้ มีขนาด 343-353 ตร.ม. มาในสไตล์ Modern Classic
โดดเด่นด้วยห้องกว้างขนาดใหญ่ รับวิวครบ 4 ทิศ ดูเรียบหรูไม่หวือหวามากนัก
และเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้เหมือนบ้าน

The River
Penthouse 588.78 – 637.46 ตร.ม. สไตล์ Modern Contemporary
จุดเด่นที่มีครัวฝรั่งและครัวไทยอยู่ในยูนิตเดียวกัน
มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกมุมห้อง

โครงการ The River
หากใครชอบทำอาหารและชอบจัดกิจกรรมกับครอบครัว ที่ The River ก็น่าจะเหมาะที่สุด
โครงการนี้เป็นคอนโดริมแม่น้ำที่อยู่ในทำเลทอง Luxury ตึก South Tower 71 ชั้น 519 ยูนิต
ตั้งอยู่บนถนนเจริญนคร ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเชิงสะพานตากสิน มาในสไตล์ Modern Contemporary
ซึ่งห้องรูปแบบ Penthouses ของโครงการ มีขนาด 588.78 – 637.46 ตร.ม.
มีจุดเด่นที่มีครัวฝรั่งและครัวไทยอยู่ในยูนิตเดียวกัน มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกมุมห้อง
และมีระเบียงกว้างใหญ่ เหมาะที่จัดกิจกรรมต่างๆ ได้มากเลยค่ะ

แนะนำ คอนโด Penthouse รับวิวทุกมุมห้อง มาพร้อมกับความสไตล์ที่โดดเด่น

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่
Amber International Realty ช่วยคุณได้

ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย

ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service
บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด
บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด
บริการบริหารและจัดการคอนโด
Tel : 089-986-0202
Youtube : @amberrealty
เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

บทความน่าสนใจ

คอนโดเงินเหลือ คืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจกู้ซื้อ

คอนโดเงินเหลือคืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจกู้ซื้อ

คอนโดเงินเหลือ หรือ คอนโดเงินทอน เป็นคำที่คุ้นหูกันมากขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า คอนโดเงินเหลือคืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และเหมาะสมกับใครบ้าง คอนโดเงินเหลือ คืออะไร? คอนโดเงินเหลือ หมายถึง การขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในวงเงินที่สูงกว่าราคาขายจริงของคอนโดนั้น ๆ ทำให้ผู้กู้ได้รับเงินส่วนต่างที่เหลือมาใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากการซื้อคอนโด เช่น นำไปปิดหนี้บัตรเครดิต ชำระค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ตัวอย่าง: คุณต้องการซื้อคอนโดราคา 2 ล้านบาท แต่คุณยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารในวงเงิน 2.5 ล้านบาท เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อ คุณจะได้รับเงิน 2.5 ล้านบาทเข้าบัญชี แต่จะนำเงิน 2 ล้านบาทไปชำระค่าคอนโด ทำให้คุณเหลือเงินอีก 5 แสนบาท ทำไมถึงมีคอนโดเงินเหลือ? ธนาคารประเมินราคาทรัพย์สินสูงกว่าราคาขายจริง: บางครั้งธนาคารอาจประเมินมูลค่าของคอนโดสูงกว่าราคาที่ผู้ขายตั้งไว้ ทำให้คุณสามารถกู้เงินได้มากกว่าราคาขายจริง ผู้ขายต้องการกระตุ้นยอดขาย: ผู้ขายอาจเสนอโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การยื่นขอสินเชื่อผ่านธนาคารที่กำหนด เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ ข้อดีของคอนโดเงินเหลือ มีเงินเหลือใช้: ได้เงินก้อนมาใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ เช่น ปิดหนี้ หรือปรับปรุงบ้าน โอกาสเป็นเจ้าของทรัพย์สิน: ได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมในฝัน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน: มีเงินสำรองใช้ในยามฉุกเฉิน ข้อเสียของคอนโดเงินเหลือ ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น: ต้องผ่อนชำระหนี้สินจำนวนมากขึ้น ดอกเบี้ยสูง: อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนที่เกินจากราคาคอนโดมักจะสูงกว่าปกติ มีความเสี่ยง: หากเศรษฐกิจไม่ดี หรือราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ อาจทำให้เกิดปัญหาในการผ่อนชำระหนี้ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน คอนโดเงินเหลือเหมาะกับใคร? ผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินสูง: มีรายได้มั่นคงและสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะยาว ผู้ที่ต้องการปิดหนี้: ต้องการนำเงินส่วนต่างไปปิดหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินอื่น ๆ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงบ้าน: ต้องการนำเงินไปตกแต่งหรือปรับปรุงคอนโด สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ความสามารถในการผ่อนชำระ: ประเมินรายรับ รายจ่าย และหนี้สินที่มีอยู่ว่าสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่ อัตราดอกเบี้ย: เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ระยะเวลาในการผ่อนชำระ: เลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกับตัวเอง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: พิจารณาค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน คอนโดเงินเหลือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม แต่ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนทางการเงินให้เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

12 ธันวาคม 2024
MRR คืออะไร? หากคิดจะกู้บ้าน กู้คอนโด ห้ามพลาดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ย

MRR คืออะไร? หากคิดจะกู้บ้าน กู้คอนโด ห้ามพลาดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ย

MRR คืออะไร? และหากคิดจะกู้บ้าน กู้คอนโด ห้ามพลาดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ย การวางแผนกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และสิ่งหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม คือ MRR หรือ Minimum Retail Rate ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารใช้ในการคำนวณดอกเบี้ย สำหรับสินเชื่อบุคคลทั่วไป เช่น สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อคอนโด   MRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดขึ้นสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยจะถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อ เช่น การกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อคอนโด หรือสินเชื่อ เพื่อการอุปโภคบริโภคอื่นๆ ธนาคารแต่ละแห่งจะมีการกำหนด MRR ที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนการดำเนินงาน เศรษฐกิจ และนโยบายของแต่ละธนาคาร ดังนั้น ผู้กู้ควรเปรียบเทียบ MRR ของแต่ละธนาคารก่อนตัดสินใจกู้เงิน   MRR มีความสำคัญอย่างไรในการกู้บ้านหรือคอนโด? เป็นเกณฑ์ในการคำนวณดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระในแต่ละเดือนมักจะถูกคำนวณจาก MRR บวกหรือลบส่วนต่าง (Spread) ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกำหนดว่าอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านคือ MRR -1% และ MRR ของธนาคารนั้นคือ 5% ดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระจริงจะเท่ากับ 5.5% ต่อปี ช่วยเปรียบเทียบข้อเสนอของธนาคาร MRR เป็นตัวเลขที่ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหาดีลสินเชื่อบ้านที่ดีที่สุด ส่งผลต่อยอดชำระรายเดือน ยิ่ง MRR ต่ำ ดอกเบี้ยก็จะต่ำลง ซึ่งหมายความว่ายอดเงินที่ต้องชำระในแต่ละเดือนจะลดลงด้วย วิธีตรวจสอบ MRR ของธนาคาร เข้าไปที่เว็บไซต์ของธนาคารที่คุณสนใจ ธนาคารมักจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอัตรา MRR ไว้อย่างชัดเจน สอบถามเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลล่าสุดและเงื่อนไขต่างๆ เปรียบเทียบข้อมูล MRR จากหลายธนาคารเพื่อเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด   ข้อควรระวังเกี่ยวกับ MRR MRR ไม่ได้คงที่ อัตรา MRR อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของธนาคารหรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ อย่าดูเฉพาะ MRR อย่างเดียว บางครั้งธนาคารอาจให้ MRR ต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมแฝง หรือเงื่อนไขที่อาจไม่เหมาะสมกับคุณ ดังนั้นควรพิจารณาเงื่อนไขทั้งหมดก่อนตัดสินใจ สรุปส่งท้าย MRR คืออะไร? MRR ก็คือ ปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้และเข้าใจก่อนการซื้อกู้บ้านหรือคอนโด เพราะส่งผลต่อดอกเบี้ย และยอดชำระรายเดือนของคุณโดยตรง การศึกษาและเปรียบเทียบอัตรา MRR จากธนาคารต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุดได้   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property   ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/   #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

31 มกราคม 2025
Yield คืออะไร? และกี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับการลงทุน

Yield คืออะไร? และกี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับการลงทุน

ยิลด์ ( Yield ) เป็นคำที่พบได้บ่อยในโลกของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น พันธบัตร กองทุนรวม และสินทรัพย์อื่นๆ ยิลด์เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่นักลงทุนใช้ในการประเมินผลตอบแทนของการลงทุนในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ต่อปี แล้วคำว่ายิลด์จริงๆ นั้น หมายถึงอะไร? และยิลด์กี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะเหมาะสมกับการลงทุน? วันนี้เรามาสรุปมาให้แล้วค่ะ…   ความหมายของคำว่า ยิลด์ ( Yield ) Yieldคือ อัตรา ผลตอบแทน จากการลงทุนที่แสดงในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ โดยคำนวณจากรายได้ เช่น ดอกเบี้ยหรือเงินปันผล ที่ได้รับจากสินทรัพย์นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของการลงทุน ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุนในพันธบัตรที่มีราคาหน้าตั๋ว 1,000 บาท และได้รับดอกเบี้ยปีละ 50 บาท ยิลด์จะเท่ากับ 5% (50 ÷ 1,000 x 100) สำหรับหุ้น ยิลด์อาจคำนวณจากเงินปันผลที่ได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับราคาหุ้นในตลาด ยิลด์มีหลายประเภท เช่น Dividend Yield (ยิลด์จากเงินปันผล) และ Bond Yield (ยิลด์จากพันธบัตร) ซึ่งนักลงทุนสามารถ เลือกใช้ตามประเภทของสินทรัพย์ที่สนใจ   ปัจจัยที่มีผลต่อยิลด์ ประเภทของสินทรัพย์ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล มักให้ยิลด์ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ สภาพเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต ยิลด์จากหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงสูงมักเพิ่มขึ้น ในขณะที่ช่วงเศรษฐกิจซบเซา ยิลด์จากพันธบัตรหรือสินทรัพย์ปลอดภัยจะเป็นที่นิยม อัตราดอกเบี้ย เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น ยิลด์จากก็มักปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม   ยิลด์กี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับการลงทุน? ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่า… ยิลด์กี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม เนื่องจากขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถพิจารณาแนวทางเบื้องต้นได้ดังนี้ สำหรับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย หากคุณต้องการความมั่นคงและไม่อยากเสี่ยง ยิลด์ที่เหมาะสมอาจอยู่ในช่วง 2-5% เช่น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนตราสารหนี้ สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง: การลงทุนในหุ้นที่มีปันผล อาจให้ยิลด์ในช่วง 4-7% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูงขึ้นแต่ยังต้องการความมั่นคงในระดับหนึ่ง สำหรับนักลงทุนที่เน้นผลตอบแทนสูง หากคุณพร้อมรับความเสี่ยง การลงทุนในหุ้นเติบโตหรือกองทุนรวมที่มุ่งเน้นผลตอบแทนสูง อาจให้ยิลด์ตั้งแต่ 7% ขึ้นไป แต่ควรระมัดระวัง เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เคล็ดลับในการเลือกยิลด์ที่เหมาะสม วิเคราะห์ความเสี่ยง อย่ามองแค่ยิลด์ที่สูง แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงที่มาพร้อมกับผลตอบแทน เปรียบเทียบกับตลาด ตรวจสอบว่ายิลด์ของสินทรัพย์ที่คุณสนใจสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของตลาดหรือไม่? กระจายการลงทุน ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ยิลด์สูงเพียงอย่างเดียว ควรกระจายการลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยง   สรุปส่งท้าย ยิลด์ เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึง ผลตอบแทน จากการลงทุน อย่างไรก็ตาม การเลือกยิลด์ที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิจารณาถึงเป้าหมาย ความเสี่ยง และสภาพตลาดในช่วงเวลานั้นด้วย การศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกยิลด์ที่ตอบโจทย์และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property   ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด   LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/   #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

28 มกราคม 2025