Loft กับ Duplex ต่างกันอย่างไร แบบไหนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

18 ก.ค. 2023

Loft กับ Duplex ต่างกันอย่างไร แบบไหนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยคอนโดติดรถไฟฟ้าที่มีข้อดีเรื่องความสะดวกในการเดินทางอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้เพียงพออีกต่อไปรูปแบบของห้องเองก็มีส่วนในการตัดสินใจของผู้พักอาศัยมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะห้องแบบ Loft กับ Duplex
ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นห้อง 2 ชั้น
ให้ความรู้สึกไม่อึดอัด และดีไซน์ที่สวยถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่
และคนวัยทำงาน แต่หลายคนยังคงสับสนว่า
ห้อง Loft กับ Duplex นั้นต่างกันอย่างไร?
เป็นห้อง 2 ชั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
จริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะถึงจะเป็นห้อง 2 ชั้นเหมือนกัน
แต่มีข้อแตกต่างกันอยู่นะคะ
วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนหายงงกันเองค่ะ มาเริ่มกันเลย
.
ห้องสไตล์ Loft
- ชั้นล่างและชั้นบนจะอยู่บนโครงสร้างเดียวกัน
เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงและในทางกฎหมาย
ไม่มีการกำหนดความสูงขั้นต่ำของชั้นลอย
- พื้นที่ใช้สอยถูกนับเพียงชั้นล่าง
เนื่องจากในทางกฎหมายระบุไว้ว่าพื้นที่ใช้สอยส่วนชั้นลอย
เป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ จะไม่ถูกนับรวมอยู่ในโฉนด
- ชั้นลอยถูกนับเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่มีประตูกั้นห้อง
- มีประตูเข้าออกทางเดียวคือ ทางชั้นล่าง
- ชั้นลอยจะไม่มีห้องน้ำ
ข้อดีของห้องสไตล์ Loft
- การเสียค่าส่วนกลางจะเสียแค่พื้นที่ใช้สอยที่ออกตามโฉนด
ดังนั้นถ้าห้องขนาด 35 ตร.ม.
และมีพื้นที่ใช้สอยชั้นลอย 22 ตร.ม.
จะเสียค่าส่วนกลางแค่ 35 ตร.ม.
- การที่มีฝ้าเพดานสูง ทำให้ห้องดูโปร่งและโล่งกว่าเดิม
ข้อเสียของห้องสไตล์ Loft
- มีความปลอดภัยค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีทางเข้า - ออก ทางเดียว
หากเกิดเหตุฉุกเฉินอาจจะหนีลำบาก
- ปัญหาเรื่องความสูงของชั้นลอย
เนื่องจากทางกฎหมายไม่ได้กำหนดขั้นต่ำไว้
จึงทำให้บางโครงการมีความสูงของเพดานเตี้ยกว่า 2.40 เมตร
ทำให้ห้องดูอึดอัด
.
ห้องสไตล์ Duplex
- ชั้นล่างและชั้นบนอยู่บนโครงสร้างคนละชั้น
ในทางกฏหมายกำหนดให้ชั้นบนมีความสูงไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร
- พื้นที่ใช้สอยชั้นบนถูกนับเป็นสิ่งก่อสร้าง
ดังนั้นพื้นที่ใช้สอยทั้งชั้นบนและล่างจะถูกนับรวมกันอยู่ในโฉนด
- ชั้นบนสามารถแบ่งเป็นห้องต่างๆ มีประตูเปิด - ปิดได้
- ตามกฎหมายกำหนดให้มีประตูเข้า – ออก ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
- ชั้นบนมักจะมีห้องน้ำด้วย โดยจะอยู่ตำแหน่งเดียวกับชั้นล่าง
ข้อดีของห้องสไตล์ Duplex
- เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- ความสูงของเพดาน ที่มีความสูงมาก
จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น
- หากเลือกแบบห้องที่มีการปิดกั้น ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นไปอีก
ข้อเสียของห้องสไตล์ Duplex
- ค่าไฟ ยิ่งห้องที่สูงและกว้างมากขึ้นเท่าไหร่
ภาระค่าไฟยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
- เสียค่าส่วนกลางที่มากขึ้นตามขนาดของห้องอีกด้วย
.
แล้วห้องแบบไหนที่จะตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของเรากันล่ะ?
ห้องสไตล์ Loft
เหมาะกับผู้อยู่อาศัยที่ต้องการห้องที่โล่ง โปร่งสบาย
เพราะมีเพดานสูง ให้ความรู้สึกทันสมัย
มีพื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยที่เพิ่มขึ้น
และยังมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
ห้องสไตล์ Duplex
เหมาะกับผู้อาศัยที่ต้องการให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง
มีความลักซ์ชัวรี่ และบรรยากาศการอาศัยอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
ให้ความสะดวกสบายและมีพื้นที่ส่วนตัวให้ใช้งานอย่างเต็มที่
อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงเข้าใจความแตกต่าง
ของห้องสไตล์ Loft และ Duplex กันมากขึ้นแล้ว
และคงมีคำตอบกันแล้วใช่ไหมคะว่าห้องแบบไหน
ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ แต่ในการตัดสินใจเลือกซื้อ
ก็อย่าลืมคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ กันด้วยนะคะ
Loft กับ Duplex ต่างกันอย่างไรแบบไหนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ
-----------------------------------------------------------------------------
✨ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
✨ ให้บริการแบบครบจร One Stop Service
📍บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด
📍บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด
📍บริการบริหารและจัดการคอนโด
📍Tel : 089-986-0202
📍Youtube : @amberrealty
แชร์ :
จำนวนผู้อ่าน 171

บทความน่าสนใจ

ขั้นตอนการรับโอนคอนโด

ทำเรื่องโอนคอนโดให้เป็นเรื่องง่าย ต้องรู้จักขั้นตอนและรายการเอกสารทั้งหมดนี้

การจะเป็นเจ้าของคอนโดในแต่ละครั้งนั้น คุณต้องเจอ ขั้นตอนการรับโอนคอนโด ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย ไม่ว่าเราซื้อคอนโดมือหนึ่งจากโครงการโดยตรง หรือซื้อคอนโดมือสองต่อจากคนอื่น ล้วนต้องมาถึงขั้นตอนการโอนคอนโดทั้งสิ้น เพราะการโอนคอนโด คือการเปลี่ยนเจ้าของจากผู้ถือครองเดิมมาให้ผู้ซื้อล่าสุด เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ผู้ซื้อห้ามพลาด และควรศึกษาให้ดี เพราะขั้นตอนนี้จะมีทั้งเรื่องของเอกสารต่างๆ ที่ต้องเตรียม มีค่าใช้จ่ายต่างๆ และเป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องมีหนังสือ หรือลายลักษณ์อักษรในการโอนกรรมสิทธิ์อย่างชัดเจนว่า ผู้ซื้อได้มาอย่างถูกต้อง แล้ว ขั้นตอนการรับโอนคอนโด จะง่ายหรือยุ่งยากขนาดไหนเรามาดูกันเลย ขั้นตอนการ โอนคอนโด 1.เตรียมเงินให้พร้อม หากผู้ขาย หรือเจ้าของเดิม ยังมีค่าใช้จ่ายค้างชำระ เช่นค่าส่วนกลาง หรือยังมีภาระหนี้ที่ยังผ่อนกับธนาคารอยู่ ทำให้วันที่ทำเรื่องโอนคอนโดกัน ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าใช้จ่ายแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งให้กับเจ้าหนี้เดิม ไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรือบุคคล และนำยอดส่วนต่างที่เหลืออยู่ชำระให้กับเจ้าของคอนโด นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการโอนที่สำนักงานที่ดินอีกส่วน โดยปกติจะแล้วแต่ตกลงกันว่าผู้ซื้อ หรือผู้ขายจะเป็นผู้ชำระเงินในส่วนนี้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายค่าโอนคอนโดส่วนนี้เป็นเงินสด หรือจะกู้ธนาคารเพื่อขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยก็ได้ โดยธนาคารจะทำการออกเช็ค เป็นชื่อของผู้ขาย หรือแยกเป็นสองส่วนในกรณีที่ยังผู้ขายยังมีเจ้าหนี้เดิมอยู่ 2.เอกสารการรับ โอนคอนโด หากซื้อคอนโดจากทางโครงการ หรือซื้อคอนโดมือสองผ่านนายหน้า เจ้าหน้าที่ของทางโครงการหรือนายหน้า จะอำนวยความสะดวกนการเตรียมเอกสารให้ลูกค้า แต่หากเป็นการซื้อขาย ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเจ้าของคอนโดรายเดิมโดยไม่ผ่านนายหน้า เราก็สามารถจัดเตรียมเอกสารโอนคอนโดตามนี้ได้เลย กรณีผู้ซื้อชาวไทย กรณีโสด – สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ( หากเปลี่ยนชื่อ ต้องมีสำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ ) – สำเนาทะเบียนบ้านปัจจุบัน กรณีสมรส ทั้งแบบจดทะเบียนและไม่จดทะเบียน – สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทั้งของตนเองและคู่สมรส ( หากเปลี่ยนชื่อ ต้องมีสำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ ) – สำเนาทะเบียนบ้านปัจจุบัน – สำเนาทะเบียนสมรส – หนังสือยินยอมคู่สมรส (กรณีคู่สมรสไม่สะดวกมาด้วยตนเอง) กรณีผู้ซื้อชาวต่างชาติ กรณีโสด – สำเนาหนังสือเดินทาง – หนังสือรับรองการโอนเงินระหว่างประเทศซึ่งออกโดยธนาคารพาณิชย์ – กรณีที่ชาวต่างชาติมีบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในไทยและมีสกุลเงินเป็นบาท – ผู้ซื้อชาวต่างชาติต้องมีหลักฐานการขอใบรับรองบัญชีเงินฝากจากธนาคารนั้น ๆ ด้วย กรณีสมรส – สำเนาหนังสือเดินทาง ทั้งของตนเองและคู่สมรส – สำเนาทะเบียนสมรส – หนังสือยินยอมคู่สมรส (กรณีคู่สมรสไม่สะดวกมาด้วยตนเอง) – สำเนาใบหย่า (กรณีหย่าร้าง) – หนังสือรับรองการโอนเงินระหว่างประเทศซึ่งออกโดยธนาคารพาณิชย์ **กรณีที่ชาวต่างชาติมีบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในไทยและมีสกุลเงินเป็นบาท ผู้ซื้อชาวต่างชาติต้องมีหลักฐานการขอใบรับรองบัญชีเงินฝากจากธนาคารนั้น ๆ ด้วย ศึกษาเรื่องค่าธรรมเนียมการโอน ณ กรมที่ดิน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับการซื้อขายคอนโด นั้นมีอยู่หลายรายการ หากผู้ซื้อหลายคนมองข้ามไป อาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจากการเสียค่าใช้จ่ายมากเกินกำหนดอาจโดนผู้ขายหลอกได้ – ค่าธรรมเนียมการโอนคอนโด ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ คิดเป็น 2% ของราคาประเมินขายคอนโด แบ่งจ่ายคนละ 1% บางครั้งผู้ขายอาจรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้แทนผู้ซื้อแล้วแต่จะตกลงกัน – ค่าจดจำนอง คิดเป็น 1% ของมูลค่าที่จำนองหรือยอดเงินกู้ทั้งหมด กรณีที่กู้ขอสินเชื่อธนาคาร ค่าใช้ส่วนนี้ผู้ซื้อเป็นคนรับผิดชอบ – ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ คิดเป็น 3.3% ในกรณีขายคอนโดมือสองที่ผู้ขายเป็นเจ้าของเดิมถือครองไม่เกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านน้อยกว่า 1 ปี จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ผู้ขายต้องเป็นคนรับผิดชอบ – ค่าอากรแสตมป์ คิดเป็น 0.5% ของราคาซื้อขาย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ผู้ขายต้องเป็นคนรับผิดชอบ – ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (หัก ณ ที่จ่าย) ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ผู้ขาย จะเป็นคนออกเงินตรงนี้ เนื่องจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นรายได้ของผู้ขาย   โอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน ผู้ซื้อผู้ขายนัดหมายวันเวลาที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินสาขาที่ดูแลพื้นที่ที่โครงการคอนโดตั้งอยู่ สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทนได้ โดยผู้ซื้อจะได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ในภายหลัง ตรวจสอบเอกสารและเก็บหลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์คอนโด เอกสารที่จะได้รับจากการโอนกรรมสิทธิ์มีดังนี้ – โฉนด หรือใบแสดงกรรมสิทธิ์ในอาคารชุด (อช.2) – หนังสือสัญญาซื้อขาย – ใบเสร็จค่าธรรมเนียมการโอน – หนังสือสัญญาจำนองเป็นประกัน (ขอสินเชื่อกับธนาคาร) – ใบเสร็จค่าจดจำนอง (ขอสินเชื่อกับธนาคาร) การโอนกรรมสิทธิ์คอนโด จะเห็นได้ว่าสำคัญมาก ๆ หากก้าวพลาดไปก้าวเดียวอาจมีปัญหาบานปลาย เพราะเรื่องของกรรมสิทธิ์เป็นเรื่องที่มีข้อกฎหมายมาเกี่ยวข้อง หรือ หากยังมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาเราได้เลยนะคะ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

02 ตุลาคม 2023
คอนโดloft_vs_duplex

ห้องคอนโด Loft กับ Duplex ต่างกันยังไง ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือเช่า

ห้องคอนโด Loft กับ Duplex ต่างกันยังไง ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือเช่า . แน่นอนว่าคอนโด Loft และ คอนโด Duplex คือคอนโด 2 ชั้น ที่คนรุ่นใหม่หลายคนกำลังมองหาซื้อหรือเช่าสักห้อง เพราะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ พักในคอนโดแต่ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน . สำหรับคนที่มีแพลนจะซื้อหรือเช่าคอนโด 2 ชั้น เคยสับสนกันไหมว่าคอนโดแบบ Loft กับ Duplex ต่างกันยังไง ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบ 2 ชั้นเหมือนกัน ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านคล้ายกัน ทำให้ตัดสินใจซื้อหรือเช่าไม่ถูก หรือลังเลว่าจะเลือกอย่างไรดี? ให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากที่สุด . สำหรับคอนโด Loft เป็นรูปแบบห้องที่มีเพดานสูงกว่าห้องปกติเล็กน้อยและเพิ่มเติมมาด้วยชั้นลอย ซึ่งห้องแบบนี้จะเรียกว่าห้อง Double Space ในส่วนของชั้นลอยมักมีพื้นที่จำกัดจึงนิยมทำเป็นห้องนอน ไม่มีห้องน้ำ และไม่มีผนังกั้นห้องในชั้นนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องพื้นที่ใช้สอยในคอนโดเพิ่มมากขึ้นแบบ Duo Space ซึ่งให้ความโปร่งโล่ง สบาย แต่มีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ . ส่วนคอนโด Duplex เป็นคอนโด 2 ชั้น ที่มีความสูงเพดานรวมชั้น 1-2 อย่างน้อย 5 เมตรขึ้นไป โดยชั้นบนของห้องส่วนใหญ่จะเป็นส่วนที่มีผนังกั้นจึงมีความเป็นส่วนตัวกว่า ชั้นบนมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้ มีประตูทั้งชั้นล่างและชั้นบน มักมีห้องน้ำอยู่ชั้น 2 ด้วย เหมาะสำหรับคนต้องการพื้นที่ใหญ่ โปร่งโล่งสบายจาก Duo Space และได้พื้นที่ใช้สอยชั้นบนกว้างกว่า . ถึงยังไงทั้งห้อง 2 แบบ ก็มีข้อที่แตกต่างกันไป ถ้าใครชอบรูปแบบห้องไหนหรือสนใจคอนโดที่ตอบโจทย์สักห้อง Amber International Realty ช่วยคุณได้ ลงทะเบียนได้ที่ : https://shorturl.at/hwxIN Amber International Realty บริษัทเอเจ้นท์คอนโดให้บริการโดยทีมงาน ที่เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การันตีด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี เราให้บริการแบบ One Stop Service เกี่ยวกับคอนโดมิเนียม แก่ลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นต้น ได้รับการยอมรับ และทำงานร่วมกันกับ บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าใหญ่ของไทย  เช่น MQDC, Sansiri, AP Thai, Origin ฯลฯ ✨ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ✨ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ✨ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service 📍บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด 📍บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด 📍บริการบริหารและจัดการคอนโด 📍ลงทะเบียน : https://shorturl.at/hwxIN 📍LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs 📍Tel : 089-986-0202 📍Youtube : @amberrealty 📍Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty #Amber #AmberRealty #AmberInternationalRealty #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent  

25 มกราคม 2024

10 คำศัพท์ที่ต้องรู้ก่อนยื่นกู้ซื้อคอนโด

ใครกำลังมีแผนอยากซื้อคอนโดอยู่บ้างคะ หลายคนที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับการขอ สินเชื่อบ้าน อาจจะเจอคำศัพท์ด้านการเงินมากมายจนปวดหัว และมึนงงไปตามๆ กัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคำศัพท์เหล่านั้น ถือเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากสำหรับคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีความรู้หรือประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เราสามารถทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้ โดยการเตรียมตัวที่ดี ยิ่งคุณเตรียมตัวมาก ปัญหายิ่งหาย และความผิดพลาดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็จะยิ่งน้อยลงเช่นกัน วันนี้เราเลยมี 10 คำศัพย์ที่ต้องรู้ก่อนกู้ สินเชื่อบ้าน มาฝากทุกคนกันค่ะ มาเริ่มกันเลยค่ะ เงินดาวน์ (Down Payment) หมายถึง เป็นเงินส่วนที่ต้องชำระหลังจากจองและทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว สัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 5 – 10% ของราคา ขึ้นอยู่กับทางโครงการเลยค่ะ กรณีที่โครงการยังไม่เริ่มต้นสร้างหรือกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างคุณสามารถผ่อนเงินดาวน์กับโครงการได้ (แต่ต้องทำความเข้าใจกับข้อกำหนดของแต่ละโครงการให้ชัดเจนก่อน) หรือในกรณีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน อาจจะกำหนดให้จ่ายเงินดาวน์เป็นก้อน เช่น 50,000 บาท โดยเงินดาวน์สามารถแบ่งจ่ายหรือผ่อนชำระได้ ส่วนใหญ่แล้วแต่ละโครงการจะกำหนดไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการก่อสร้างเป็นปัจจัยสำคัญค่ะ เงินกู้ (Loans) หมายถึง จำนวนเงินก้อนที่สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารให้กู้ไปใช้ในการซื้อบ้านได้ โดยทั่วไปธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ในช่วงระหว่าง 80-95% ซึ่งผู้กู้จะต้องชำระดอกเบี้ยตามจำนวนเงินกู้ ทำสัญญากำหนดระยะเวลาที่จะชำระหนี้ที่แน่นอน และผ่อนชำระเป็นงวด ค่างวด (Installment) หมายถึง ยอดเงินที่ต้องผ่อนชำระแต่ละเดือน โดยคำนวณจากยอดวงเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการกู้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่กำหนดเป็นตัวเลขเฉพาะตลอดอายุสัญญาเงินกู้ หรือในช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ขึ้นหรือลงตามสภาวะเศรษฐกิจ เช่น กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีเป็นเวลา 4 ปี เราก็จะเสียอัตราดอกเบี้ย 5% ตลอดระยะเวลา 4 ปี ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ข้อดีของอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่คือ ไม่ต้องกังวลว่ายอดชำระเงินกู้จะสูงขึ้นและช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการเงินของตนเองได้อย่างแม่นยำ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามประกาศของสถาบันการเงิน ซึ่งจะปรับขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ในปีที่อัตราดอกเบี้ยถูกลงเราก็จะจ่ายดอกเบี้ยถูก ในขณะเดียวกันปีใดที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเราก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยอัตราการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยจะขึ้นกับแต่ละธนาคาร ซึ่งในแต่ละปีมีการปรับมากน้อยแตกต่างกัน MLR (Minimum Lending Rate) หรือ (Minimum Loan Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลาเช่น มีประวัติการเงินที่ดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันพียงพอ ส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้จะใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน ตัวอย่าง สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย MRR (Minimum Retail Rate) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ ที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ไม่มีประวัติเสียทางด้านการเงิน อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นต้น MOR (Minimum Overdraft Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ ที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการเบิกเงินเกิน OD จึงทำให้ธนาคารจึงต้องเข้มงวดในการพิจารณาผู้กู้ ทั้งคุณสมบัติของผู้กู้ ประวัติทางการเงิน และหลักทรัพย์ประกัน เป็นต้น LTV (Loan to Value) หมายถึง อัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน ยกตัวอย่าง บ้านราคา 1 ล้านบาท ธนาคารปล่อยสินเชื่อเป็นเงินจำนวน 9 แสนบาท หมายความว่ามี LTV เท่ากับอัตราส่วนร้อยละ 90 ดังนั้นหากธนาคารปล่อยสินเชื่อโดยมีอัตราส่วน LTV ต่ำ ผู้ซื้อบ้านก็ต้องมีเงินออมจํานวนที่สูงขึ้นความสามารถในการซื้อบ้านก็จะลดลง DSCR (Debt Service Coverage Ratio) อัตราส่วนรายได้ต่อภาระจ่ายชำระหนี้สิน ซึ่งธนาคารจะเอาไว้พิจารณาปลอ่ยกู้ให้กับผู้ยื่นกู้ โดยจะเทียบสัดส่วนด้วยสูตร (รายได้ต่อเดือน ÷ ยอดผ่อนชำระต่องวด) ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมคือ 0 ขึ้นไป หรือมีรายได้เป็น 3 เท่าของภาระหนี้สิน หากได้ DSCR ต่ำกว่า 3.0 นั่นจะหมายความว่าคุณ มีหนี้ผ่อนชำระมากเกินไป หรือโอกาสในการขอกู้ผ่านจะน้อยลง เราแถมให้อีก 1 คำที่ทุกคนจะต้องรู้และทำความเข้าใจให้ดีนั่นก็คือ “ค่าจำนอง” การจำนอง คือ สัญญากู้เงินชนิดหนึ่งที่ “ผู้จำนอง” ใช้อสังหาริมทรัพย์ตามที่กฏหมายอนุญาตให้จำนอง เช่น โฉนด ที่ดิน บ้าน เป็นต้น จดทะเบียนกับ “ผู้รับจำนอง” เป็นหลักประกันในการชำระหนี้ ซึ่งการทำสัญญาจำนองจะต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเท่านั้น โดยระบุให้ชัดเจนว่าผู้จำนองกู้เงินเป็นวงเงินจำนวนเงินเท่าไร และทรัพย์ที่นำมาจำนองคืออะไร การจะเป็นเจ้าของคอนโดสักหนึ่งห้องต้องมีการวางแผนที่รอบคอบ ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละเรื่อง เริ่มต้นจากคำศัพท์พื้นฐาน ความรู้เบื้องต้นอย่าง 10 คำต้องรู้ก่อนกู้สินเชื่อบ้าน แล้วจึงต่อแต่ละชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ภาพสุดท้ายจะกลายเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับครอบครัวคุณอย่างแน่นอนค่ะ   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

10 พฤษภาคม 2024