วิกฤตหรือโอกาส ? กับอัตราการเกิดที่ลดลงกับวงการอสังหาฯ

04

เม.ย. 25

วิกฤตหรือโอกาส ? กับอัตราการเกิดที่ลดลงกับวงการอสังหาฯ

ในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง อาจเป็น วิกฤตหรือโอกาส ที่มีผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มองว่า… การมีลูกเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีความพร้อมรอบด้าน โดยเฉพาะด้านการเงิน หลายๆ คู่ ที่แต่งงานจึงตัดสินใจ “ไม่มีลูก” หรือเลื่อนแผนการมีลูกออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหลายภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ในการปรับตัว เพื่อตอบสนองตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

แม้ว่าอัตราการเกิดที่ลดลงจะเป็นวิกฤตที่หลายๆ ฝ่ายวิตกกังวล แต่อีกมุมหนึ่งภาวะนี้อาจจะเป็น “โอกาสใหม่” ให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ลุกขึ้นมาปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะเมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป ความต้องการที่อยู่อาศัยก็ย่อมเปลี่ยนตาม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโครงการเพื่อกลุ่มคนโสด คู่รักไม่มีบุตร หรือผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบทความนี้ Amber จะพาไปสำรวจว่า… วิกฤตอัตราการเกิดที่ลดลงนั้นส่งผลต่อวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?

 

  1. สถานการณ์อัตราการเกิดที่ลดลง

อัตราการเกิดทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราการเกิดของไทยลดลงเหลือประมาณ 500,000 คนต่อปีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (เด็กไทยที่เกิดในปี 2567 มีจำนวน 461,421 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่ประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดไม่ถึง 5 แสนคนต่อปี และมีแนวโน้มจำนวนเด็กเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง สถิติพวกนี้แสดงให้เห็นว่า… ในอนาคตโครงสร้างประชากรจะเปลี่ยนไป โดยมีประชากรสูงวัยมากขึ้น และแรงงานวัยหนุ่มสาวลดลง

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดลดลง ได้แก่

  • ภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้หลายครอบครัวชะลอการมีลูก
  • ค่านิยมการใช้ชีวิต คนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับอิสรภาพทางการเงินและการงานมากกว่าการสร้างครอบครัว
  • ปัจจัยทางสังคมและการศึกษา ผู้หญิงมีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้น ส่งผลให้มีลูกน้อยลงและช้าลง
  • นโยบายภาครัฐ มาตรการจูงใจให้มีลูกยังไม่เพียงพอหรือไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
  1. ผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

การลดลงของอัตราการเกิดส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น…

2.1 ตลาดบ้านเดี่ยว และบ้านจัดสรร ความต้องการบ้านขนาดใหญ่ลดลง เนื่องจากครอบครัวมีขนาดเล็กลงหรือเลือกอยู่แบบคนเดียวมากขึ้น บ้านที่มีพื้นที่กว้าง อาจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้รองรับการใช้สอยที่หลากหลาย เช่น พื้นที่ทำงานที่บ้าน (Home Office) หรือพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ

2.2 ตลาดคอนโดมิเนียม คอนโดขนาดเล็กได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์คนโสดและคู่รักที่ไม่มีบุตร ทำเลที่ใกล้แหล่งทำงานและระบบขนส่งมวลชนเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ผู้พัฒนาโครงการอาจจะต้องเพิ่มและใส่ใจรายละเอียดในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางมากยิ่งขึ้น เช่น Co-working Space & Meeting Room, EV Charger, Live & Photo Studio หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

2.3 ตลาดอสังหาฯ เพื่อการเช่า แนวโน้มการเช่าแทนการซื้อเพิ่มขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหยุ่นไม่ต้องการภาระผูกพันระยะยาว และราคาอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นและเข้าถึงได้ยากขึ้น อสังหาฯ ประเภทหอพักอพาร์ทเม้นท์ และคอนโดให้เช่าอาจมีโอกาสเติบโตมากขึ้น

2.4 ตลาดอสังหาฯ สำหรับผู้สูงวัย เนื่องด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับวัยสูงอายุเติบโตขึ้น โครงการที่มีบริการดูแลผู้สูงอายุ เช่น Senior Living หรือ Nursing Home จะเป็นตลาดที่น่าสนใจ

วิกฤตหรือโอกาส ? กับอัตราการเกิดที่ลดลงกับวงการอสังหาฯ

  1. แนวทางการปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์

พัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์คนโสดและครอบครัวขนาดเล็ก เช่น คอนโดขนาดเล็กที่มีฟังก์ชันครบครัน หรือบ้านแนวใหม่ที่ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นบ้านขนาดใหญ่เสมอไป

การพัฒนาโครงการสำหรับผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ โดยอาจจะเพิ่มบริการสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม เช่น ระบบสัญญาณฉุกเฉินและบริการดูแลสุขภาพ ใกล้แหล่งโรงพยาบาล เป็นต้น

ขยายโอกาสสู่ตลาดอสังหาฯ เพื่อการเช่า เนื่องจากคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัยมากกว่าการเป็นเจ้าของเอง ที่มักจะต้องมีภาระหนี้สินผูกพันระยะยาว

ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาโครงการ เช่น Smart Home หรือระบบบริหารจัดการอสังหาฯ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

พัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับแนวคิด Sustainable Living มากขึ้น

 

สรุปส่งท้าย อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยกำหนด วิกฤตหรือโอกาส  ที่สร้างความท้าทายให้กับหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากธุรกิจอสังหาฯ มองเห็นและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างลึกซึ้ง ก็อาจจะต่อยอดสู่ “โอกาสใหม่” ที่พร้อมจะสร้างมูลค่าและตอบโจทย์ความต้องการผู้คนได้อย่างตรงจุด

ดังนั้นวิกฤตด้านประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง คงจะเป็นสัญญาณเตือนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งปรับตัว และถ้าหากสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ และเข้าใจทิศทางของสังคมที่เปลี่ยนไป วิกฤตในครั้งนี้ก็คงจะเปลี่ยนเป็น โอกาสครั้งใหญ่ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

บทความน่าสนใจ

ฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ 2568 (ต้นปี) เสริมสร้างความเฮง ความปัง ให้กับผู้อยู่อาศัย

ย้ายเข้าคอนโดใหม่ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ การเลือก ฤกษ์ดี เพื่อย้ายเข้าจึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ เพื่อความเป็นสิริมงคลและความราบรื่นในชีวิตประจำวัน ในปี 2568 นี้ มีหลายฤกษ์ดีที่เหมาะสำหรับการย้ายเข้าคอนโดใหม่ มาดูกันว่ามีฤกษ์ไหนบ้างที่น่าสนใจ และมีเคล็ดลับอะไรบ้างในการเตรียมตัวก่อนย้ายเข้า ทำไมต้องเลือกฤกษ์ดีในการย้ายเข้าคอนโด? การเลือกฤกษ์ดีในการย้ายเข้าคอนโด เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยมีความเชื่อว่าการเลือกวันและเวลาที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล ความเจริญก้าวหน้า และโชคลาภแก่ผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ การเลือกฤกษ์ดียังช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ 2568 การเลือกฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ในปี 2568 สามารถทำได้โดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ หรือดูจากปฏิทินฤกษ์ ซึ่งจะมีการระบุวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ โดยทั่วไปแล้ว ฤกษ์ดีจะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น วันเกิดของเจ้าของบ้าน: แต่ละวันเกิดจะมีฤกษ์ที่แตกต่างกันออกไป ทิศของบ้าน: ทิศที่หันหน้าของบ้านก็มีผลต่อการเลือกฤกษ์ ราศีของเจ้าของบ้าน: ราศีของเจ้าของบ้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ   ฤกษ์ดีสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เดือนมกราคม 2568   วันที่ 2 มกราคม ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ภูมิปาโลฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์   วันที่ 7 มกราคม ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง ฤกษ์บน : สมโณฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพุธ วันที่ 8 มกราคม ตรงกับวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ทลิทโทฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันเสาร์ วันที่ 15 มกราคม ตรงกับวันพุธ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันเสาร์   วันที่ 16 มกราคม ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 3ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง ฤกษ์บน : สมโณฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์       วันที่ 18 มกราคม ตรงกับวันเสาร์ แรม 5 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง ฤกษ์บน : มหัทธโนฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์ ฤกษ์ดีสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 1. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง ฤกษ์บน : เทวีฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพฤหัสบดี   วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ภูมิปาโลฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอาทิตย์   วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพุธ   วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันจันทร์ แรม 5 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ภูมิปาโลฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร   วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ทลิทโทฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์   วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตรงกับวันจันทร์ แรม 12 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง ฤกษ์บน : มหัทธโนฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร ฤกษ์ดีสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เดือนมีนาคม 2568 วันที่ 3 มีนาคม ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง ฤกษ์บน : สมโณฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร   วันที่ 9 มีนาคม ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง ฤกษ์บน : เทวีฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์   วันที่ 11 มีนาคม ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 13 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพุธ   วันที่ 14 มีนาคม ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง ฤกษ์บน : มหัทธโนฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอาทิตย์   วันที่ 20 มีนาคม ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 7 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์   วันที่ 31 มีนาคม ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนห้า (5) ปีมะเส็ง ฤกษ์บน : ทลิทโทฤกษ์ ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร     เคล็ดลับในการเลือกฤกษ์ดี ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์จะช่วยให้คุณได้ฤกษ์ที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด ดูจากปฏิทินฤกษ์: ปฏิทินฤกษ์จะระบุวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เลือกฤกษ์ที่สะดวก: นอกจากฤกษ์ที่ดีแล้ว ควรเลือกวันที่สะดวกสำหรับคุณและครอบครัวด้วย ไม่เครียดเกินไป: การเลือกฤกษ์ดีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการย้ายเข้าคอนโดใหม่ ไม่ควรเครียดจนเกินไป เตรียมตัวก่อนย้ายเข้าคอนโด นอกจากการเลือกฤกษ์ดีแล้ว การเตรียมตัวก่อนย้ายเข้าคอนโดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้การย้ายเข้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย ทำความสะอาดคอนโด: ก่อนย้ายเข้าควรทำความสะอาดคอนโดให้สะอาดหมดจด เพื่อเป็นการต้อนรับสิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน เตรียมของใช้ที่จำเป็น: เตรียมของใช้ที่จำเป็น เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทำความสะอาด ให้พร้อมก่อนย้ายเข้า นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์: การนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เป็นการเสริมสิริมงคลให้กับบ้าน ไหว้เจ้าที่: การไหว้เจ้าที่เป็นการขออนุญาตและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้รับรู้ว่ามีผู้อยู่อาศัยใหม่ สิ่งที่ควรทำหลังจากย้ายเข้าคอนโด จุดธูปเทียน: การจุดธูปเทียนเป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพรให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน ปลูกต้นไม้: การปลูกต้นไม้มงคล เช่น ต้นไผ่ ต้นวาสนา หรือต้นเงินต้นทอง ช่วยเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง จัดบ้านให้เป็นระเบียบ: การจัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ   การย้ายเข้าคอนโดใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ การเลือกฤกษ์ดีและการเตรียมตัวที่ดี จะช่วยให้การย้ายเข้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย มีฤกษ์ดีแล้วมีคอนโดดีๆแล้วหรือยัง  เรามีห้องที่ทำเลดี ราคาโดน แต่งครบพร้อมอยู่ รอให้คุณมาเป็นเจ้าของ สนใจอยากอยากปรึกษาสามารถติดต่อเราได้ที่ ลงทะเบียน : https://shorturl.at/hwxIN LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty Instagram :https://www.instagram.com/amber_inter_realty Website : www.amber-international.com/  

19 ธันวาคม 2024

เงินเดือน 30,000 ซื้อบ้าน 3-5 ล้านได้ไหม ต้องผ่อนเท่าไหร่?

ฮัลโหล มนุษย์เงินเดือนทุกคน วันนี้ Amber International Realty มาตอบคำถามว่า… เงินเดือน 30,000 ซื้อบ้าน 3-5 ล้านได้ไหม และต้องผ่อนเท่าไหร่? ไม่แปลกที่มนุษย์เงินเดือนจะใฝ่ฝันได้ครอบครองบ้านหลังแรก เพื่อคู่รักหรือครอบครัว แล้วถ้าบ้านราคาเริ่มต้นที่ 3-5 ล้าน จะกู้ได้ไหม กู้บ้านได้อย่างไร และจะผ่อนบ้านไหวจริงๆ ใช่หรือป่าว กลัวจะประสบปัญหาทางการเงิน รวมไปถึงธนาคารอาจมองว่า… มนุษย์เงินเดือนแค่ 30,000 จะมีความสามารถไม่พอต่อการผ่อนบ้านหรือเปล่า หากคุณยังกังวลอยู่ Amber จะมายกตัวอย่าง การซื้อบ้านราคา 3-5 ล้าน ในมนุษย์เงินเดือน 30,000 บาท ให้ดูกันค่ะ… ก่อนจะซื้อบ้าน ก็ต้องเตรียมความพร้อมก่อนซื้อบ้าน แบบฉบับมนุษย์เงินเดือนกันนะ การเตรียมตัวซื้อบ้าน ประกอบไปด้วย 5 สิ่งจำเป็น ดังนี้ การปลดหนี้ สำรวจหนี้ทั้งหมด แล้วทำการปลดหนี้จากหนี้ก้อนเล็กไปก้อนใหญ่ตามลำดับ ออมเงินซื้อบ้าน โดยเริ่มจากลิสต์โครงการบ้านในราคาที่เอื้อมถึง และออมเงิน 20% ของราคาบ้าน เพื่อลดภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้น เช็กความพร้อมด้านรายได้ โดยพิจารณารายได้ของตนเอง ว่าจะกู้เงินซื้อบ้านได้เท่าไหร่ คุณสามารถเช็คดูได้จาก “โปรแกรมคำนวณเงินกู้ คำนวณสินเชื่อเบื้องต้น” จัดระเบียบรายการเดินบัญชี เพื่อทำให้ยื่นกู้กับธนาคารได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเพื่อกู้ซื้อบ้านหรือกู้ซื้อคอนโด ควรนำเงินเข้าบัญชีต่อเนื่อง อย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนยื่นกู้ การเตรียมเอกสารให้พร้อม เอกสารหลักประกันต่างๆ เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารส่วนตัวอื่นๆ เช่นบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อ เป็นต้น   ตัวอย่างสูตรการคำนวณเงินกู้ซื้อบ้านและเงินผ่อนบ้าน ส่วนใหญ่แล้วธนาคาร จะพิจารณาการอนุมัติการขอสินเชื่อโดยพิจารณาจากรายได้ ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารจะประเมินความสามารถในการแบกรับภาระหนี้ของผู้กู้ไม่เกิน 70% ของรายได้ และทั่วไปจะประมาณ 40% – 80% อัตราขั้นต่ำของเงินผ่อนชำระต่องวดที่ธนาคารใช้คำนวณประมาณการผ่อนต่อเดือนของผู้กู้ คือ เริ่มต้นประมาณล้านละ 7,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร เช่น พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง อายุ 30 ปี ทำงานมาได้ 1 ปี ได้รับเงินเดือน 30,000 บาท และไม่มีภาระหนี้สินใดๆ ต้องการขออนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านในโครงการบ้านชานเมือง ในราคา 3 ล้านบาท คำถาม คือ ธนาคารจะให้วงเงินกู้ 100% หรือไม่? และผ่อนขั้นต่ำเท่าไหร่? เราได้นำสูตรคำนวณ ยอดผ่อนชำระสูงสุดของผู้กู้ สูตรคำนวณ ยอดวงเงินกู้  มาให้ดังนี้   สูตรคำนวณ ยอดผ่อนชำระสูงสุดของผู้กู้   รายได้ทั้งหมด(เงินเดือน) x 70%(รายได้) – หนี้สินทั้งหมด = ยอดผ่อนชำระต่อเดือน ตัวอย่าง กรณีที่ไม่มีหนี้สิน 30,000 x 70% = 21,000 บาท   สูตรคำนวณ ยอดวงเงินกู้   ยอดผ่อนชำระต่อเดือน x 1,000,000 หาร 7,000 = ยอดวงเงินกู้ ตัวอย่างเช่น 21,000 x 1,000,000 / 7,000 = 3,000,000   ***ทั้งนี้จากสูตรคำนวณเป็นการประมาณเท่านั้น ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและการพิจารณาของแต่ละธนาคารด้วย   มนุษย์เงินเดือนพนักงานเอกชนที่เงินเดือน 30,000 บาท คนนี้ต้องการซื้อบ้าน 3-5 ล้านบาท แม้ไม่มีภาระหนี้สินใดๆ แต่มีจำนวนเงินผ่อนที่แบกรับได้ประมาณ 21,000 บาท หากต้องการกู้ซื้อบ้าน จะได้วงเงินกู้ประมาณ 3 ล้านบาท แต่ถ้าผู้กู้อยากได้วงเงินกู้เพิ่ม สามารถใช้วิธีกู้ร่วม หรือรวมรายได้ทั้งหมด ก็ช่วยให้อนุมัติสินเชื่อได้ง่ายและตามวงเงินที่ต้องการกู้ ทั้งนี้จากข้างต้นเป็นการประมาณเท่านั้น หากผู้กู้ต้องการข้อมูลแบบชัดเจนแนะนำให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคาร ประเมินความสามารถการกู้ จากฐานเงินเดือน ดังนี้   ตารางเปรียบเทียบเงินเดือนและวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ เงินเดือน (บาท) ยอดผ่อนชำระต่อเดือน วงเงินกู้สูงสุด (บาท) 30,000 21,000 3,000,000 35,000 24,500 3,500,000 40,000 28,000 4,000,000 45,000 31,500 4,500,000 50,000 35,000 5,000,000 55,000 38,500 5,500,000 60,000 42,000 6,000,000 65,000 45,500 6,500,000 70,000 49,000 7,000,000 80,000 56,000 8,000,000 90,000 63,000 9,000,000 100,000 70,000 10,000,000 ***จากตารางข้างต้น เป็นเพียงการเปรียบเทียบเงินเดือนกับการคาดคะเนวงเงินที่สามารถกู้ได้ โดยคิดจากการประเมินความสามารถในการแบกรับภาระหนี้ของผู้กู้ ในสัดส่วนไม่เกิน 70% ของรายได้ แต่หากผู้กู้มีภาระหนี้สินอื่นๆ ก็จะลดลงไปจากตารางตัวอย่าง ตามหนี้สินของผู้กู้นั่นเองค่ะ สรุปส่งท้าย มนุษย์เงินเดือน 30,000 บาท สามารถกู้ ซื้อบ้าน ได้วงเงิน 3,000,000 บาท กรณีที่ไม่มีหนี้สินนั่นเองค่ะ สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ  

07 กุมภาพันธ์ 2025
3 เหตุผล ซื้อบ้านใหม่ หรือ ซื้อบ้านมือสอง แบบไหนดีกว่ากัน

3 เหตุผล ซื้อบ้านใหม่ หรือ ซื้อบ้านมือสอง แบบไหนดีกว่ากัน

หลายคน พอใช้ชีวิตมาถึงวัยหนึ่ง ก็คงมีความพร้อมทางด้านการเงินพอสมควร และมีความคิดที่จะซื้อบ้าน แต่บ้านแบบไหนล่ะ ที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับเรา วันนี้ Amber รวบรวม 3 เหตุผล ซื้อบ้านใหม่ หรือ ซื้อบ้านมือสอง แบบไหนดีกว่ากัน มาไว้ เผื่อเป็นเหตุผลก่อนตัดสินใจซื้อ มีเหตุผลอะไรบ้าง?… ตามไปอ่านพร้อมกันเลยค่ะ   ราคาบ้านใหม่ และ บ้านมือสอง ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาก่อนที่จะซื้อบ้านใหม่หรือบ้านมือสอง คือ ราคา เนื่องจากบ้านใหม่มักจะมีราคาสูงกว่าบ้านมือสอง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจซื้อบ้านไม่ควรพิจารณาเพียงแต่ราคาเท่านั้น ควรพิจารณาผลตอบแทนจากการซื้อบ้านด้วย เช่น ราคาคุ้มค่ากับสภาพบ้านที่ได้รับ การซื้อบ้านมือสองอาจมีราคาถูกกว่า แต่บ้านอาจจะต้องมีการซ่อมแซมหรือปรับปรุงเพิ่มเติมที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน บ้านใหม่อาจมีราคาสูงกว่า แต่จะมีสภาพที่ดีและไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซ่อมแซมหรือปรับปรุง เพราะสภาพของบ้านเป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการตัดสินใจซื้อบ้าน สภาพบ้านใหม่มักจะมีความสะอาดและใช้งานได้ดีกว่าบ้านมือสอง แต่บ้านมือสองอาจมีความเป็นเอกลักษณ์มากกว่าบ้านใหม่ ในการเลือกซื้อบ้านควรตรวจสอบสภาพของบ้านอย่างละเอียด รวมถึงสภาพห้องน้ำ ห้องครัว และระบบไฟฟ้าและประปา   ทำเลที่ตั้ง และสภาพแวดล้อมรอบๆ ตำแหน่งของบ้านเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องพิจารณา เนื่องจากตำแหน่งของบ้านจะมีผลต่อคุณภาพชีวิตของเรา ความสะดวกสบายในการเดินทางไปทำงานหรือเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัว เช่น ร้านค้า โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น บ้านใหม่มักจะอยู่ในที่ตั้งที่ใหม่และมีความสะดวกสบายมากกว่าบ้านมือสอง ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้อยู่ในที่ตั้งที่สะดวกสบายตามที่ต้องการ ดังนั้นในการเลือกซื้อบ้านต้องพิจารณาตำแหน่งให้ถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้ผิดหวังในภายหลัง   สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมรอบๆ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน หากเลือกซื้อบ้านใหม่ สภาพแวดล้อมรอบๆ มักจะสะอาดและอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการวางแผนการพัฒนาอย่างเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อบ้านใหม่อาจมีการก่อสร้างที่กำลังดำเนินอยู่รอบๆ ซึ่งอาจทำให้มีความไม่สะดวกสบายชั่วคราว อีกทั้งยังควรพิจารณาเรื่องของโอกาสในการเติบโตของพื้นที่รอบๆ ด้วยสำหรับบ้านมือสอง ควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ เช่น สถานที่จัดเก็บขยะ การจราจร หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆที่อาจมีผลต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายในบ้านเอง อาทิเช่น ระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า และระบบอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพบ้านมือสองมีความพร้อมใช้งานได้อย่าง อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรพิจารณาก่อนทำการซื้อบ้าน เพราะมันจะมีผลต่อค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในระยะยาว และควรคำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องการผ่อนชำระเงินกู้ยืม หากเลือกซื้อบ้านใหม่ อัตราดอกเบี้ยมักจะต่ำกว่าบ้านมือสอง เนื่องจากสถาบันการเงินมักจะให้เงินกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เลือกสินเชื่อกับสถาบันนั้น แต่หากเลือกซื้อบ้านมือสอง อัตราดอกเบี้ยอาจสูงกว่า ดังนั้นควรหาข้อมูลอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์รายละเอียดอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน เปรียบเทียบระหว่าง ซื้อบ้านใหม่ และ ซื้อบ้านมือสอง   บ้านใหม่  ข้อดี คือ สามารถเลือกได้ตามความต้องการ และสามารถรับประกันสิ่งส่งมอบใหม่ทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยน และ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ข้อเสีย คือ ราคาสูงกว่าบ้านมือสอง ต้องรอส่งมอบเสร็จสิ้นก่อนที่จะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ การตรวจสอบการก่อสร้างโครงสร้างว่าเป็นไปตามมาตรฐาน เพราะจะเกิดปัญหาต่างๆ เข้ามา เช่น โครงสร้าง เสาเข็มก่อสร้างถูกต้องตามหลักวิศวกรรมหรือไม่ กรณีบ้านใหม่อาจจะส่งผลต่างๆ ที่ลักษณะการก่อสร้างยังไม่เข้าที่ เช่น การทรุดตัวของดิน   บ้านมือสอง ข้อดี คือ ราคาถูกกว่าบ้านใหม่ อยู่ในสถานที่ที่มีความเป็นมาแล้ว และมีการจัดสวนหรือปรับปรุงบ้านก่อนหน้านั้นอย่างเต็มที่ สามารถเข้าไปอยู่ได้ทันที ข้อเสีย คือ อาจมีความเสียหายที่ไม่ได้แจ้ง ซึ่งอาจจะต้องเสียเวลาแก้ไขปัญหา ต้องการงบประมาณสำหรับการปรับปรุง หรือ ซ่อมแซม เนื่องจากการเสื่อมสภาพตามระยะเวลา   บ้านมือหนึ่ง VS บ้านมือสอง เลือกแบบไหนคุ้มกว่าในยุคนี้ การซื้อบ้านสักหลังเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ซึ่งนอกจากจะต้องวางแผนเรื่องการสมัครสินเชื่อแล้ว เรายังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าควรเลือกบ้านมือหนึ่งหรือบ้านมือสอง แต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร และอะไรที่เหมาะสมกับความต้องการและสถานะทางการเงินของเรามากที่สุด มาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับบ้านทั้งสองแบบ และค้นหาคำตอบว่าแบบไหนคุ้มค่ากว่ากันในยุคนี้ บ้านมือหนึ่งหรือบ้านใหม่จากโครงการมีเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้ซื้อหลายคน ด้วยความใหม่ ทันสมัย และการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ มาดูกันว่าบ้านมือหนึ่งมีจุดเด่นอะไรบ้าง   บ้านมือหนึ่ง บ้านมือหนึ่งทุกอย่างใหม่หมด มาพร้อมกับความใหม่ทั้งโครงสร้าง วัสดุ และงานระบบต่าง ๆ คุณจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ในระยะแรก นอกจากนี้ยังได้เลือกแบบบ้านและการตกแต่งภายในที่ตรงใจ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเพิ่มเติม มีประกันหลังการขายจากโครงการมักมาพร้อมกับการรับประกันคุณภาพจากผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งครอบคลุมทั้งโครงสร้างบ้าน วัสดุ และงานระบบต่างๆ เป็นระยะเวลา 1-5 ปี ทำให้คุณสบายใจได้ว่าหากเกิดปัญหาจะมีผู้รับผิดชอบในการแก้ไข โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กู้สินเชื่อได้ง่ายกว่า สถาบันการเงินมักให้ความเชื่อมั่นกับบ้านมือหนึ่งมากกว่า เนื่องจากมีราคาประเมินที่ชัดเจนและเป็นปัจจุบัน ทำให้การขอสินเชื่อบ้านทำได้ง่ายกว่า และมักได้รับวงเงินกู้สูงกว่า บางครั้งอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับผู้ที่ต้องการกู้เงินซื้อบ้าน บ้านมือสอง บ้านมือสองก็มีเสน่ห์และข้อได้เปรียบที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณหรือต้องการทำเลที่ตั้งเฉพาะ ราคาถูกกว่าและต่อรองได้ บ้านมือสองมักมีราคาที่ถูกกว่าบ้านมือหนึ่งในทำเลเดียวกัน เนื่องจากมีค่าเสื่อมราคาแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถต่อรองราคากับเจ้าของบ้านได้โดยตรง ซึ่งอาจทำให้ได้ราคาที่ถูกลงไปอีก ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดหรือต้องการประหยัดเงินในการซื้อบ้าน เห็นบ้านและสภาพแวดล้อมจริง การซื้อบ้านมือสองทำให้คุณได้เห็นสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อมจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็นขนาดพื้นที่ใช้สอย ทิศทางแสงแดด ลม หรือสภาพชุมชนโดยรอบ ทำให้สามารถประเมินได้ว่าบ้านนั้นเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณจริงหรือไม่ ลดความเสี่ยงในการผิดหวังหลังจากเข้าอยู่จริง พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที บ้านมือสองส่วนใหญ่พร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีหลังจากการซื้อ-ขายเสร็จสิ้น ไม่ต้องรอการก่อสร้างหรือตกแต่งเพิ่มเติม นอกจากนี้บางบ้านอาจมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ให้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อของใหม่และสะดวกในการเข้าอยู่   สรุปแล้ว… ไม่ว่า ซื้อบ้านใหม่ หรือ ซื้อบ้านมือสอง ก็แค่เลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเองเพียงเท่านี้ คุณก็จะได้บ้านที่ตรงใจแล้วค่ะ…   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property   ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/   #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด

05 กุมภาพันธ์ 2025