
กรรมสิทธิ์ ห้องชุด(คอนโด) ผู้ถือมีสิทธิ์แค่ไหน ครอบครองแบบไหนได้บ้าง?
คำถามที่หลายคนสงสัยตลอดเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ กรรมสิทธิ์ ของผู้ซื้อที่จะได้จากคอนโดหรือห้องชุดนั้น คืออะไร? มีโฉนดหรือไม่? แล้วการซื้อคอนโด จะแตกต่างจากซื้อบ้าน หรือไม่?
และหากเกิดวินาศภัยขึ้นมา คนที่ซื้อบ้านก็ยังเหลือที่ดินที่มีมูลค่าในตัวของมัน แต่หากเป็นห้องชุด เมื่อเกิดเหตุการณ์จากภัยพิบัติ อย่างแผ่นดินไหว อาจจะไม่เหลืออะไรให้จับต้องเลยใช่ไหม
ดังนั้น การจะซื้อห้องชุดหรือบ้าน ต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง และศึกษาเรื่องของกรรมสิทธิ์บ้านและห้องชุดให้ดีก่อนจะซื้อ
บทความนี้ Amber จะมาดูกันว่าแท้จริงแล้ว… ในแง่ของ “ความเป็นเจ้าของ” นั้น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? ระหว่างการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ 2 ประเภทนี้ รวมถึงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้องชุด เราจะได้มาตอนไหน และเมื่อเกิดความเสียหายของตัวอาคารแบบร้ายแรงในฐานะเจ้าของห้องชุด เราจะได้อะไรบ้าง
โฉนดที่ดินกับหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- โฉนดที่ดิน (น.ส.4)
ในการซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อโครงการที่สร้างใกล้เสร็จแล้วและสามารถย้ายเข้าอยู่ เพื่อทำการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ได้เลย สาเหตุที่ต้องมีการโอนกรรมสิทธิ์เพราะเดิมเจ้าของยูนิตนั้นเป็นชื่อของบริษัทที่ทำโครงการนั้นๆ เมื่อเราซื้อความเป็นเจ้าของจะต้องเปลี่ยนมาเป็นของเรา แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถเปลี่ยนได้ทันทีเสมอโดยแยกเป็นกรณีดังนี้
- กรณีซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์โดยใช้เงินสดทั้งหมด จะสามารถโอนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนชื่อเจ้าของในโฉนดให้กลายเป็นชื่อเรา โดยสามารถทำได้ และไปยังสำนักงานเขตที่โครงการนั้นตั้งอยู่ซึ่งเราต้องไปกับเจ้าหน้าที่ของโครงการด้วย และเอกสารโฉนดแสดงความเป็นเจ้าของฉบับจริงเราสามารถเก็บไว้ได้เลย
แต่ก่อนจะโอนกรรมสิทธิ์ อย่าลืมตรวจสอบห้อง เพื่อการรับโอนกรรมสิทธิ์ด้วยนะคะ
มีทริคเช็กง่ายๆ ตั้งแต่การตรวจรับถึงโอนกรรมสิทธิ์มีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
- กรณีซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ โดยผ่านการกู้ธนาคาร หากเราต้องทำการกู้สถาบันการเงินในวันโอนกรรมสิทธิ์นั้น เราจะต้องไปสำนักงานเขตกับทางเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินผู้ที่ทำเรื่องกู้ให้เราด้วย ซึ่งกรรมสิทธิ์ในโฉนดจะเป็นชื่อของผู้ซื้อ แต่ติดภาระจำนองกับธนาคารที่กู้เงิน อย่างไรก็ตาม โฉนดตัวจริงทางสถาบันการเงินจะเป็นผู้เก็บโฉนดไว้ ส่วนเราจะได้เป็นตัวสำเนาแทน
รายละเอียดพื้นที่ดินที่ระบุไว้ในโฉนดทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของที่มีชื่อปรากฏในโฉนดที่ดินเท่านั้น! ซึ่งเราเรียกโฉนดนี้ว่า น.ส.4 นั่นเอง ซึ่งเป็นโฉนดที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หรือพูดง่ายๆ ว่าเจ้าของสามารถขายบ้านหลังนั้นให้กับผู้อื่นได้นั่นเอง
- หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อ.ช. 2)
การซื้อห้องชุดนั้นจะแตกต่างกัน เพราะเราจะไม่ได้โฉนดเหมือนกับของบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ในข้างต้นแต่เราจะได้เป็น “หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือ อ.ช.2” แทน
อย่างไรก็ตาม ในสัญญาซื้อขายจะระบุไว้ว่าเราคือ เจ้าของร่วม ของโครงการนั้นๆ สาเหตุที่ใช้คำนี้ก็เพราะว่าในโครงการยังมีพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากพื้นที่อยู่อาศัยของลูกบ้านหรือที่เราคุ้นหูกับคำว่าส่วนกลางนั่นคือ พื้นที่ที่สามารถเข้าถึงโดยสิทธิ์ของลูกบ้านทุกคนที่อาศัยอยู่ในโครงการ และทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนกลางนี้ โดยผ่านการจ่ายค่าส่วนกลางในแต่ละเดือนนั่นเองค่ะ
และสำหรับสิทธิ์ในเรื่องความเป็นเจ้าของกรณีจ่ายเงินสดด้วยตัวเองหรือกู้ผ่านสถาบันการเงินจะคล้ายกับกรณีของบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ นั่นคือ จะเป็นชื่อเราก็ต่อเมื่อเราชำระค่าบ้านทั้งหมดด้วยเงินส่วนตัวของเราหรือเป็นชื่อสถาบันการเงินกรณีขอสินเชื่อ
เอกสารสิทธิ์ที่ดินมีอะไรบ้าง?
มาทำความรู้จักเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 6 ประเภท มีอะไรบ้าง แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้เมื่อไหร่
หากเป็นโครงการใหม่ยังไม่ได้ก่อสร้างหรือกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง (พรีเซล) เราจะยังไม่สามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดใดๆ ได้ แต่สิ่งที่เราทำในช่วงแรก คือ การจองและการทำสัญญา
โดยรายละเอียดของห้องชุด (ขนาดของห้อง, แปลนห้อง, วัสดุและสิ่งของที่จะได้รับ) ทั้งหมดนั้นตามกฎหมายจะต้องถูกระบุอยู่ในสัญญา และเราควรจะทำการอ่านสัญญาให้ดีเพราะเมื่อเราจรดปลายปากกาเซ็นชื่อเราไปแล้วจะเป็นหลักฐานที่ว่าเราได้อ่านสัญญาและเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาดีแล้ว
หลังจากผ่านขั้นตอนการจองและทำสัญญาก็จะเข้าสู่ช่วงผ่อนดาวน์ ซึ่งยอดผ่อนดาวน์นี้จะต้องเป็นเงินก้อนสะสมของเราเองเพราะสถาบันการเงินไม่มีประเภทสินเชื่อกรณีผ่อนดาวน์นั่นเองซึ่งยอดผ่อนดาวน์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 10-30% ของราคาห้องชุด (สำหรับการซื้อห้องชุด สัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือซื้อห้องชุด สัญญาแรกที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป)
หลังจากที่เราผ่อนดาวน์หมดแล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่ช่วงโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งจะสามารถทำการโอนได้ กรณีที่การก่อสร้างของโครงการนั้นแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ โดยตามกฎหมายกรณีที่การก่อสร้างของโครงการล่าช้าไม่เกินสองเดือน ผู้ซื้อไม่สามารถยกเลิกสัญญาแล้วขอเงินจองกับทำสัญญาคืนได้
อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายหากโครงการล่าช้าจากที่ระบุในสัญญาเป็นปีทางโครงการจะต้องคืนเงินมัดจำในจำนวนที่ได้ตกลงกันในสัญญาไว้ (จำไว้ว่าทุกอย่างต้องถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร) เมื่อโครงการแล้วเสร็จ เราจะต้องตรวจรับห้อง ซึ่งตามกฎหมายหากขนาดห้องคลาดเคลื่อนจะมากขึ้นหรือน้อยลงไม่เกิน 5% ของขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา
ทางโครงการจะต้องปรับลดราคาในระดับต่อตารางเมตร แต่จะเป็นตารางเมตรละกี่บาทนั้นก็ต้องตรงกับที่ปรากฏในสัญญาด้วยจะระบุปากเปล่าไม่ได้เป็นอันขาด เช่นเดียวกันหากขนาดของห้องมากกว่าที่ระบุไว้แต่ไม่เกิน 5% ทางผู้ซื้อจะต้องจ่ายส่วนต่างในอัตราเดียวกันที่ระบุไว้ในสัญญา
หากสเปคของห้องชุดคลาดเคลื่อนอย่างมีนัยยะสำคัญหรือเกิน 5% จากขนาดที่ระบุไว้ในสัญญา ทางผู้ซื้อมีสิทธิที่จะขอเรียกเงินมัดจำคืนได้ แต่จะในอัตราเท่าไรนั้น ก็ต้องตรงตามที่ระบุในสัญญาด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อเราตรวจเพื่อรับโอนเรียบร้อย คราวนี้เราจะต้องไปที่สำนักงานเขตที่โครงการนั้นตั้งอยู่เช่นเดียวกัน หากเป็นเงินเราเองทั้งหมดก็จดกรรมสิทธิ์ห้องชุดเป็นชื่อของเราได้เลย แต่หากเป็นการกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินในหนังสือกรรมสิทธิ์จะเป็นชื่อของสถาบันการเงินนั้นเช่นเดียวกับกรณีของบ้านและทาวน์เฮ้าส์ในข้างต้น
อย่างไรก็ตามทางสถาบันการเงินจะเก็บหนังสือกรรมสิทธิ์ฉบับจริงไว้ ส่วนเราจะได้เป็นตัวสำเนาแทน
กรณีที่คอนโดถูกทุบทิ้งหรือพังถล่ม ผู้ซื้อจะไม่เหลืออะไรจริงหรือไม่?
ส่วนใหญ่แล้วราคาต่อตารางเมตร ที่โครงการขายจะถูกผูกมากับจำนวนเงินที่โครงการนั้นจะต้องจ่ายในเรื่องของการทำประกันตัวอาคารกรณีเกิดวินาศภัย เช่น ไฟไหม้หรือแผ่นดินไหว
ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าโครงการไหนไม่มีการทำประกันตัวอาคารทางสถาบันการเงินจะไม่ปล่อยกู้ให้ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ให้ดีเวลลอปเปอร์ก่อสร้างโครงการหรือปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อที่สนใจในโครงการนั้นๆ
เมื่อเกิดวินาศภัยขึ้นมาจริงๆ จนส่งผลไปยังความเสียหายของตัวอาคาร ทางนิติบุคคลจะได้เงินประกันมาหนึ่งก้อนซึ่งจะถูกจัดสรรให้แก่ลูกบ้านตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จาก
จำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ
สมมติว่า พื้นที่ทั้งหมดของโครงการ คือ 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ของห้องคุณคือ 40 ตารางเมตร จะเท่ากับ (40 x 100) ÷ 20,000 = 0.2% นั่นคือสมมติว่าค่าเสียหายที่โครงการเรียกร้องได้จากบริษัทประกันคือ 1,000 ล้านบาท คุณจะได้เงินคืนประมาณ 2 ล้านบาทนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทางนิติบุคคลสามารถเรียกประชุมลูกบ้าน เพื่อลงมติต่างๆ ได้ตั้งแต่ลงเสียง เพื่อกระจายเงินก้อนนี้ คืนหรือจะนำเงินก้อนที่ได้ไปซ่อมแซมหรือสร้างอาคารใหม่ โดยอาจจะลงมติกันว่าจะเพิ่มส่วนต่างเท่าไร
นอกจากนี้ในส่วนของที่ดินโครงการหากมีการขายต่อก็จะได้เงินจากการขายที่ดินมาแบ่งกันตามสัดส่วนการถือครองด้วยเช่นกัน
ประกันอัคคีภัยบ้าน
ประกันอัคคีภัยบ้าน 4 ข้อควรรู้ ทั้งเรื่องทุนประกัน เงื่อนไข ความคุ้มครอง และระยะเวลา
จะเห็นได้ว่า… ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย คุณควรจะต้องอ่านสัญญาให้รอบคอบก่อนจรดปลายปากกายินยอมเงื่อนไขต่างๆ ที่ปรากฏในสัญญา รวมถึงสัญญาประเภทอื่นก็เช่นกัน เพราะเมื่อคุณเซ็นไปแล้วนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งสามารถอ้างได้เลยว่า คุณยินยอมและเข้าใจข้อต่างๆ ในสัญญาเป็นอย่างดีแล้วจึงทำการเซ็น
หากมีการฟ้องร้องกันขึ้นมาจริงๆ คุณจะเสียแต้มจากจุดนี้ หรือเพื่อเป็นการ play safe อาจจะพาผู้รู้ทางกฎหมายหรือผู้ที่เคยมีประสบการณ์การซื้อบ้านหรือห้องชุดมาก่อนไปด้วย เพื่อช่วยตีความสัญญานั่นเองค่ะ
สรุปส่งท้าย ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) กรรมสิทธิ์ ห้องชุด(คอนโด) คือ ส่วนหนึ่งของอาคารที่สามารถแยกการถือครองกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด พร้อมกับมี กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง ด้วย เช่น ทางเดิน ลิฟต์ สระว่ายน้ำ ฯลฯ หากเกิดวินาศภัยขึ้นมาจริงๆ แล้วตัวอาคารได้รับความเสียหาย ลูกบ้านจะได้รับการจัดสรร ชดเชยเยียว คืนเงินตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงโดยคิดส่วนแบ่งได้จากจำนวนตารางเมตรของยูนิตของคุณ หารด้วยพื้นที่สุทธิทั้งหมดของโครงการ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยและเงื่อนไขอื่นๆ ด้วยนะคะ
สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property
ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service
>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด
>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด
>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด
LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR
Tel : 089-986-0202
Youtube : @amberrealty
Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty
เลือกดูโครงการที่ชอบ: https://amber-international.com/projects/
#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ