รีเทนชั่น vs รีไฟแนนซ์

03

พ.ค. 25

รีเทนชั่น vs รีไฟแนนซ์

เมื่อผ่อนบ้านไปได้สักพัก หลายคนเริ่มมองหาวิธีลดดอกเบี้ย เพื่อให้ภาระการผ่อนเบาลง และ ประหยัดดอกเบี้ย ในระยะยาว และมีสองทางเลือกยอดฮิต นั่นก็คือ ” รีเทนชั่น (Retention) และ รีไฟแนนซ์ (Refinance)” แต่หลายคนยังสับสนว่า… แบบไหนดีกว่ากัน? ต่างกันตรงไหน? วันนี้ Amber มีคำตอบชัดๆ มาให้ค่ะ!

รีเทนชั่น (Retention) คืออะไร?

รีเทนชั่น คือ การต่อรองอัตราดอกเบี้ย กับธนาคารเดิมที่คุณผ่อนอยู่ เปรียบเหมือนการเจรจาขอลดดอกเบี้ยโดยไม่ต้องย้ายธนาคาร ไม่เสียค่าธรรมเนียม ไม่เสียเวลายื่นเอกสารใหม่เยอะ

ข้อดี

  • ไม่ต้องย้ายหนี้ไปธนาคารใหม่
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย (ไม่มีค่าประเมิน, ค่าธรรมเนียม ฯลฯ)
  • รวดเร็วกว่ารีไฟแนนซ์
  • ถ้าประวัติดี มีโอกาสได้ดอกเบี้ยใหม่ที่ถูกลง

ข้อเสีย

  • ธนาคารอาจไม่อนุมัติถ้าไม่มีคู่แข่งมาเปรียบเทียบ
  • ดอกเบี้ยที่ได้อาจไม่ถูกเท่าการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น

 

รีไฟแนนซ์ (Refinance) คืออะไร?

รีไฟแนนซ์คือ การย้ายภาระหนี้บ้านจากธนาคารเดิม ไปยัง ธนาคารใหม่ ที่ให้ดอกเบี้ยดีกว่า เพื่อประหยัดเงินในระยะยาว

ข้อดี

  • ได้ดอกเบี้ยใหม่ที่มักถูกกว่าเดิม
  • บางธนาคารมีโปรโมชั่น เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม หรือให้เงินคืน (Cashback)
  • ปรับโครงสร้างหนี้ได้ เช่น ยืดระยะเวลาผ่อนให้สบายขึ้น

ข้อเสีย

  • มีขั้นตอนเอกสารเยอะ ต้องประเมินหลักทรัพย์ใหม่
  • เสียค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมทำนิติกรรม
  • ใช้เวลานานกว่าการรีเทนชั่น (ปกติ 30–60 วัน)

 

เปรียบเทียบ รีเทนชั่น VSรีไฟแนนซ์

รีเทนชั่น

  • ดอกเบี้ย : ลดได้พอสมควร
  • ความเร็ว : เร็วกว่า
  • ค่าใช้จ่าย : แทบไม่มี
  • ความยุ่งยาก : น้อย ไม่ต้องประเมินทรัพย์ใหม่
  • ความเสี่ยงในการไม่อนุมัติ : ต่ำ

 

รีไฟแนนซ์

  • ดอกเบี้ย : มักได้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด
  • ความเร็ว : ใช้เวลานานกว่า (ประมาณ 1–2 เดือน)
  • ค่าใช้จ่าย : มีค่าใช้จ่ายหลายรายการ
  • ความยุ่งยาก : เอกสารเยอะ ต้องประเมินทรัพย์ใหม่
  • ความเสี่ยงในการไม่อนุมัติ : อาจถูกปฏิเสธหากเครดิตไม่ดี

 

แล้วควรเลือกรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์?

  • ถ้าเป็นคุณ ต้องการลดดอกเบี้ยแบบเร็วๆ ไม่อยากยุ่งเอกสาร เลือก รีเทนชั่น คือตัวเลือกที่ดี
  • ถ้าคุณยินดีจัดการเอกสาร และอยากได้ดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในตลาดรีไฟแนนซ์ อาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว

 

ก่อนตัดสินใจ ลองเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายธนาคาร และลองยื่น “รีเทนชั่น” กับธนาคารเดิมก่อนก็ได้ ถ้าได้ดอกเบี้ยไม่ดีค่อย “รีไฟแนนซ์” ก็ยังทัน!

สรุปส่งท้าย เลือกให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ การเลือก รีเทนชั่น vs รีไฟแนนซ์ ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของคุณ งบประมาณ ความพร้อมในการจัดการเอกสาร ภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงวิธีที่จะ ประหยัดดอกเบี้ย มากที่สุดด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ดอกเบี้ยบ้านแพงอยู่ตลอดไป ทั้งสองวิธีนี้ช่วยให้คุณประหยัดเงินหลักแสนได้ในระยะยาว…

 

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

บทความน่าสนใจ

5 เหตุผลที่คุณควร ซื้อคอนโดปี 2025 : โอกาสลงทุนที่น่าสนใจ

5 เหตุผลที่คุณควรซื้อคอนโดในปี 2025: โอกาสลงทุนที่น่าสนใจ

พาคุณไปเจาะลึก 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้การ ซื้อคอนโดปี 2025 เป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังคงเป็นที่จับตามองของนักลงทุนและผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเสมอมา แม้จะมีปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อตลาด แต่การซื้อคอนโดในปี 2025 ก็ยังมีข้อดีหลายประการที่น่าสนใจ 5 เหตุผลที่คุณควร ซื้อคอนโดปี 2025 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง: ในยุคที่ทุกอย่างเข้าถึงง่ายและรวดเร็ว การมีที่อยู่อาศัยในคอนโดที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การลงทุนที่คุ้มค่า: การซื้อคอนโดถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ มีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังสามารถนำมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย การออกแบบที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการ: ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการออกแบบคอนโดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น การออกแบบห้องให้มีพื้นที่ใช้สอยอย่างคุ้มค่า การเน้นความเป็นส่วนตัว และการมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ความปลอดภัยและระบบรักษาความปลอดภัยที่สูง: คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น กล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และระบบเข้าออกอาคารที่ทันสมัย ทำให้คุณมั่นใจได้ในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน การดูแลรักษาง่าย: การอาศัยอยู่ในคอนโดช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลกับการดูแลรักษาบ้าน เช่น การซ่อมแซม การทำความสะอาดส่วนกลาง เพราะมีนิติบุคคลคอยดูแลให้ ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ทำเลที่ตั้ง: เลือกทำเลที่ใกล้แหล่งชุมชน สถานีขนส่งสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ราคา: เปรียบเทียบราคาของโครงการต่างๆ เพื่อเลือกโครงการที่คุ้มค่า ผู้พัฒนาโครงการ: ศึกษาประวัติและความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวก: เลือกโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงกับความต้องการของคุณ ขนาดห้อง: เลือกขนาดห้องให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวและการใช้งาน ค่าส่วนกลาง: เปรียบเทียบค่าส่วนกลางของแต่ละโครงการ แนวโน้มตลาดคอนโดในอนาคต คอนโดมิเนียมขนาดเล็ก: เน้นความคุ้มค่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยน้อยลง คอนโดมิเนียมหรู: เน้นความเป็นส่วนตัวและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม คอนโดมิเนียมที่เน้นความยั่งยืน: ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบจัดการพลังงานที่ประหยัด คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การทำงานจากที่บ้าน: มีพื้นที่ Co-working Space และสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับการทำงานจากที่บ้าน การซื้อคอนโดในปี 2025 เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายและทันสมัย การเลือกคอนโดที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินของคุณ  อยากได้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อเราได้เลยนะคะ   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

07 มกราคม 2025
สัญญาจะซื้อจะขาย คืออะไร ทำไมต้องรู้ก่อนซื้อบ้านหรือคอนโด?

สัญญาจะซื้อจะขาย คืออะไร ทำไมต้องรู้ก่อนซื้อบ้านหรือคอนโด?

สัญญาจะซื้อจะขาย คืออะไร ทำไมต้องรู้ก่อนซื้อบ้านหรือคอนโด? เพราะเรื่องสัญญาจะซื้อจะขาย มันสำคัญ จึงอยากให้ทุกคนรู้และเข้าใจก่อน Amber จึงได้สรุปบทความนี้มาให้นั่นเองค่ะ สัญญา จะซื้อจะขาย คือหนังสือสัญญาประเภทหนึ่งที่ผู้ซื้อให้คำมั่นแก่ผู้ขายว่า… ในอนาคตจะซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งนั้นจริงๆ และสัญญาจะซื้อจะขาย จะช่วยรักษาผลประโยชน์ให้แก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายก่อนทำสัญญาซื้อขายบ้าน คอนโด และที่ดิน สัญญา จะซื้อจะขาย คืออะไร ทำไมถึงต้องทำ? สัญญา จะซื้อจะขาย คือ หนังสือสัญญาประเภทหนึ่งที่ผู้ซื้อให้คำมั่นแก่ผู้ขายว่าในอนาคตจะซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งนั้นจริงๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องร่างหนังสือจะซื้อจะขาย แทนที่จะทำหนังสือสัญญาซื้อขายเลย เป็นเพราะว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน หรือการกู้ซื้อที่ดิน ต้องยื่นกู้กับทางธนาคาร ซึ่งใช้ระยะเวลาพิจารณาสินเชื่อค่อนข้างนาน ทำให้ในระหว่างนี้อาจมีผู้ซื้อรายอื่น มาซื้อตัดหน้าด้วยเงินสดก่อนได้ แต่ถ้าทำสัญญาจะซื้อจะขายเอาไว้แล้ว ผู้จะขาย ไม่สามารถขายอสังหาริมทรัพย์แห่งนั้น ให้แก่ผู้ซื้อรายอื่นได้นั่นเอง นอกจากนี้สัญญาจะซื้อจะขายก็มีประโยชน์ต่อการกู้ซื้อบ้านด้วยเช่นกัน เพราะใช้เป็นเอกสารประกอบการกู้ ด้วยเหตุนี้ผู้จะซื้อ ต้องทำสัญญาจะซื้อจะขายให้เรียบร้อยพร้อมวางเงินมัดจำเสียก่อน หลังจากได้สัญญาตัวจริงแล้ว ก็ให้ยื่นกู้ซื้อบ้านกับทางธนาคาร พร้อมเตรียมเอกสารอื่นๆ ประกอบด้วย ดังต่อไปนี้ สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาโฉนดที่ดิน แผนผังแสดงที่ตั้งของหลักประกัน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองเงินเดือน สมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน   ยิ่งไปกว่านี้หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย ก็มีประโยชน์ต่อผู้จะขายด้วยเช่นเดียวกัน กล่าวคือ การสร้างอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายใช้เวลาก่อสร้างนาน บางครั้งกินระยะเวลามากกว่า 3 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้พัฒนาอสังหาฯ จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้าก่อนได้ หรือที่เรียกกันว่า Pre-Sale เพื่อประเมินยอดขาย ก่อนเปิดโครงการจริง โดยหากผู้ซื้อสนใจ ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะให้วางเงินมัดจำล่วงหน้า พร้อมทำสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งหลังโครงการสร้างเสร็จสิ้นแล้วจะส่งมอบโครงการให้ตามวันที่ระบุเอาไว้ในสัญญา แยกให้ออก สัญญาจะซื้อจะขาย กับ สัญญาซื้อขาย ต่างกันอย่างไร?  สัญญาจะซื้อจะขาย คือ สัญญาที่ยังไม่ได้มีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง เป็นเพียงการทำข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาเท่านั้น! ว่า… ในอนาคตจะมีการซื้อขายเกิดขึ้น ซึ่งหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่คู่สัญญา โดยถ้าผู้จะซื้อผิดสัญญา จะถูกริบเงินมัดจำทั้งหมด แต่หากผู้จะขายเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินมัดจำให้แก่ผู้จะซื้อ ยิ่งไปกว่านี้การทำผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ยังสามารถฟ้องร้องต่อศาล เพื่อบังคับซื้อขายได้เช่นเดียวกัน ส่วนสัญญาซื้อขายแตกต่างจากสัญญาจะซื้อจะขายตรงที่เป็นการซื้อขายเกิดขึ้นจริงแล้ว ทำให้มีการส่งมอบกรรมสิทธิ์ด้วยการโอนโฉนดที่ดิน ณ สำนักงานกรมที่ดิน พร้อมชำระค่าโอนที่ดินตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากผู้ซื้อชำระเงินด้วยเงินสด กรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้ซื้อโดยทันที แต่ในกรณีที่กู้ซื้อ กรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อจะติดภาระจำนอง ซึ่งหากผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขที่ตกลงเอาไว้ในสัญญา ภาระจำนองก็จะหมดไปในภายหลัง   สัญญาจะซื้อจะขาย ใช้กับการซื้ออสังหาฯ ประเภทไหนบ้าง? สัญญาจะซื้อจะขายมักใช้กับการซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูง เช่น บ้าน ที่ดิน หรือ คอนโด เพราะกระบวนการซื้อขายใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ตามเหตุผลที่ให้ไปแล้วข้างต้น โดยตัวอย่างของหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย ได้แก่ สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน และสัญญาจะซื้อจะขายคอนโด ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้   สัญญาจะซื้อจะขายบ้าน คอนโด และที่ดิน ใช้สำหรับการทำสัญญา เพื่อให้คำมั่นว่าในอนาคตต้องการซื้อขายบ้านและที่ดินจริง โดยเนื้อหาในหนังสือจะให้ระบุรายละเอียดของโฉนดที่ดิน และระบุจำนวนของอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนที่ดิน จากนั้นท้ายสัญญาให้แนบรายละเอียดของแผนผังแสดงที่ตั้งของที่ดิน รวมทั้งโฉนดที่ดินประกอบด้วย สัญญาจะซื้อจะขายคอนโด เป็นสัญญาแสดงเจตจำนงระหว่างผู้จะซื้อและผู้จะขายว่า ในอนาคตจะมีการตกลงซื้อขายคอนโดเกิดขึ้นจริง โดยสัญญาจะซื้อจะขายคอนโด แตกต่างจากสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดินตรงที่สัญญาจะซื้อจะขายคอนโด ไม่ต้องใช้โฉนดที่ดินยื่นประกอบการทำสัญญา ทั้งนี้ไม่ว่า… สัญญาจะซื้อจะขายบ้าน คอนโด และที่ดิน หรือสัญญาจะซื้อจะขายคอนโด ผู้จะขายมักกำหนดให้ผู้จะซื้อวางเงินค่ามัดจำประมาณ 5-10 % ของราคาหลักทรัพย์ เช่น สมมติว่าราคาประเมินที่ดิน อยู่ที่ราว 1 ล้านบาท เงินค่ามัดจำจะอยู่ในช่วง 50,000-100,000 บาท เป็นต้น ส่วนในกรณีที่ผู้จะซื้อประสงค์วางเงินค่ามัดจำในรูปแบบของเช็ค ก็ต้องระบุรายละเอียดของเช็คให้ชัดเจน ซึ่งประกอบด้วย เลขที่เช็ค, สาขาของธนาคาร, วันที่ออกเช็ค และชื่อธนาคาร   รายละเอียดที่ต้องมีใน สัญญาจะซื้อจะขาย ต้องมีอะไรบ้าง? สัญญาจะซื้อจะขายจะมีผลสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ คู่สัญญาระบุรายละเอียดครบถ้วนชัดเจน ซึ่งการเขียนสัญญาอย่างรัดกุม จะช่วยป้องกันการโกงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยรายละเอียดที่ควรมีในสัญญา มีดังต่อไปนี้ ข้อมูลของคู่สัญญา สัญญาจะซื้อจะขาย เรียกคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายว่า ผู้จะซื้อ และ ผู้จะขาย โดยรายละเอียดข้อมูลของคู่สัญญาประกอบด้วย 1.ชื่อ – นามสกุล 2.อายุ 3.บ้านเลขที่ ซึ่งข้อมูลของคู่สัญญาทั้งหมดต้องตรงกับสำเนาบัตรประชาชนที่แนบท้ายสัญญา ข้อมูลการทำสัญญา ข้อมูลในส่วนนี้ให้ระบุว่าหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายจัดทำเมื่อวันที่เท่าไหร่ พร้อมทั้งระบุข้อมูลสถานที่จัดทำสัญญา ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่จะขาย เป็นรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ที่จะขายว่าเป็นประเภทอะไร และระบุรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ขนาดของเนื้อที่ หมายเลขแผนผัง ที่ตั้ง จำนวนที่มีการซื้อขาย ซึ่งผู้จะขายสามารถอ้างอิงข้อมูลในส่วนนี้ได้จากใบระวางที่ดิน หรือโฉนดที่ดิน รายละเอียดการชำระเงิน เป็นข้อมูลที่ระบุว่าผู้จะซื้อต้องวางเงินมัดจำเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขว่าต้องชำระเป็นเงินสด หรือจ่ายเป็นเช็ค ระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์ เป็นเงื่อนไขที่กำหนดว่าผู้จะขายต้องส่งมอบกรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้จะซื้อภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ณ สำนักงานกรมที่ดิน เงื่อนไขการทำผิดสัญญา เป็นรายละเอียดที่ให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระบุว่าจะให้อีกฝ่ายหนึ่งชดเชยอย่างไร เมื่อมีการทำผิดสัญญา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักตกลงกันว่า หากผู้จะซื้อทำผิดสัญญา ผู้จะขายมีสิทธิ์ยึดเงินค่ามัดจำเอาไว้ได้ แต่ถ้าผู้จะขายเป็นฝ่ายผิดสัญญา นอกจากต้องคืนเงินให้แก่ผู้จะซื้อแล้ว ต้องยินยอมให้ผู้จะซื้อฟ้องศาลบังคับคดีได้ และจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย การจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ เป็นรายละเอียดที่ระบุว่าคู่สัญญาฝ่ายใด เป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือค่าภาษีเงินได้ เมื่อทำการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานกรมที่ดิน ข้อตกลงอื่นๆ คู่สัญญาสามารถกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมได้ว่าจะให้อีกฝ่ายปฏิบัติอย่างไร นอกเหนือจากข้อสัญญาหลักที่ได้ร่างไว้ เช่น กำหนดให้ฝ่ายจะซื้อชำระเงินเป็นจำนวนเงินกี่งวด หรือหากฝ่ายจะซื้อ จ่ายเงินล่าช้าตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ ต้องจ่ายดอกเบี้ยปรับเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เป็นต้น การลงลายมือชื่อ ผลของสัญญาจะซื้อจะขายเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ได้เซ็นยินยอมลงชื่อท้ายสัญญา พร้อมลงชื่อพยานฝ่ายละ 1 คน ซึ่งหลังจากจัดทำสัญญาจะซื้อจะขาย ฉบับแรกเสร็จสิ้น ให้จัดทำหนังสือสัญญาขึ้นมาอีกหนึ่งฉบับ โดยต้องมีรายละเอียดเหมือนกับหนังสือฉบับแรก เมื่อเสร็จแล้ว ให้เก็บไว้ฝ่ายละ 1 ฉบับ เอกสารประกอบแนบท้ายสัญญา ประกอบด้วย 1.สำเนาทะเบียนบ้าน 2.โฉนดที่ดิน 3.แบบผังบ้าน หรือแผนผังที่ดิน 4.สำเนาบัตรประชาชนของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย 5.สำเนาทะเบียนบ้าน 6.โฉนดที่ดิน 7.เอกสารอื่น ๆ (หากมี)   ทั้งนี้การลงชื่อทำสัญญาจะซื้อจะขาย ต้องเขียนด้วยลายมือเท่านั้น ไม่สามารถใช้ตราประทับ หรือพิมพ์ลงชื่อแทนได้ เพราะเป็นข้อกำหนดสำหรับการใช้เป็นหลักฐานเมื่อมีการฟ้องร้องบังคับคดีเกิดขึ้น   สรุปส่งท้าย สัญญาจะซื้อจะขาย เป็นสัญญาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนควรทำความเข้าใจก่อนจะเริ่มร่างสัญญาซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินฉบับจริง เพราะช่วยปกป้องผลประโยชน์ให้แก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ ฝ่ายซื้อมั่นใจได้ว่าจะได้สิทธิ์ซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งนั้นจริง ในขณะที่ฝ่ายขายก็มั่นใจได้ว่าทรัพย์ของตน สามารถขายออกได้แน่นอน เมื่อถึงระยะเวลาที่ตกลงกันเอาไว้ สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

13 กุมภาพันธ์ 2025
อัตรา ดอกเบี้ยบ้าน 2568 ขอสินเชื่อบ้าน-คอนโด ทุกธนาคาร ตัวเลขล่าสุด

อัตราดอกเบี้ยบ้าน 2568 ขอสินเชื่อบ้าน-คอนโด ทุกธนาคารล่าสุด

อัตราสินเชื่อ ดอกเบี้ยบ้าน ในปี 2568 ของแต่ละธนาคารมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างไร?… ทั้งดอกเบี้ยบ้าน วงเงินกู้สูงสุด ระยะเวลาการกู้ และเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนต้องการกู้ซื้อบ้าน-คอนโด ต้องศึกษาและอ่านรายละเอียดเงื่อนไขให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจกู้ยืมนั่นเองค่ะ   วันนี้ Amber มาแชร์เคล็ดลับการเลือกสินเชื่อ เพื่อกู้ซื้อบ้าน-คอนโด ให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุด ประกอบไปด้วย การเลือกสินเชื่อจากโครงการบ้าน, เลือกธนาคารที่เป็นเจ้าของบ้าน NPA, เลือกสินเชื่อเพื่อบุคคลวิชาชีพพิเศษ, เลือกทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ และเลือกรูปแบบอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม เวลาจะซื้อบ้านนอกจากจะต้องเลือกบ้านให้ตอบโจทย์แล้ว ก็ต้องใส่ใจในการเลือกสินเชื่อบ้านและธนาคารที่เหมาะสมและตอบโจทย์ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำที่สุด   Amber เลยจะมาอัปเดตอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ในปี 2568 และสินเชื่อที่น่าสนใจจากธนาคารต่างๆ พร้อมด้วยวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและเคล็ดลับการเลือกสินเชื่ออย่างไรให้ได้ดอกเบี้ยต่ำ ว่าแต่จะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง ตามเราไปดูกันเลยค่ะ!   อัปเดตอัตรา ดอกเบี้ยบ้าน ล่าสุดวันที่ 13 มกราคม 2568    ธนาคาร ดอกเบี้ยขั้นต่ำ 3 ปีแรก    MRR วงเงินกู้สูงสุด ระยะเวลากู้ อาคารสงเคราะห์ 3.20% 6.545% 100 % 40 ปี ออมสิน 2.89% 6.595% 110 % 30 ปี กรุงศรีอยุธยา 3.10% 7.275%  100 % 30 ปี ทหารไทยธนชาต 3.30% 7.705% 100 % 35 ปี กรุงไทย 3.60% 6.925% 100 % 40 ปี ไทยพาณิชย์ 3.47% 7.175% 100 %  30 ปี กสิกรไทย 3.45% 7.30% 100 % 30 ปี กรุงเทพ 3.55% 7.00% 100 % 30 ปี   โดยอัตราดอกเบี้ยบ้าน อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเศรษฐกิจและนโยบายของธนาคารนั้นๆ รวมถึงระยะเวลากู้ยืม คุณสมบัติผู้ยื่นกู้ และประเภทสินเชื่อ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบข้อมูลจากธนาคารเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจกู้ยืม   เลือกสินเชื่อบ้าน-คอนโด ธนาคารไหนดี? ถึงจะเหมาะกับเรา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โปรโมชัน สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ปี 2568 เป็นสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 3.20% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี หากกู้วงเงิน 1,000,000 บาท ผ่อนเพียง 3,300 บาทในปีแรก โดยสามารถยื่นกู้ภายใน 31 มีนาคม 2568 และทำนิติกรรมได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 วงเงินกู้สูงสุด เป็นไปตามเกณฑ์หลักประกันหรือเกณฑ์รายได้ตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ ที่มา: ธนาคารอาคารสงเคราะห์   ธนาคารออมสิน โปรโมชัน สินเชื่อ GSB Green Home Loan มีอัตราดอกเบี้ยบ้านเฉลี่ย 3 ปีแรก 4.795% ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป ดอกเบี้ยจะเปลี่ยนมาเป็น MRR -0.750% ต่อปี พร้อมระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 40 ปี เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาการผ่อนต้องไม่เกิน 70 ปี วงเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 110% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินหลักทรัพย์ ที่มา: ธนาคารออมสิน   ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โปรโมชัน สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.99% และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนจะต้องไม่เกิน 65 ปี เมื่อรวมกับอายุผู้กู้) พิเศษสำหรับผู้รับเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงศรีฯ จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0.25% จากอัตราดอกเบี้ยปกติ วงเงินกู้สูงสุด: สำหรับบ้านใหม่สามารถกู้ได้สูงสุด 110% ของราคาประเมิน ส่วนบ้านมือสองสามารถกู้ได้สูงสุด 90% ของราคาประเมิน ที่มา: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา   ธนาคารทหารไทยธนชาต โปรโมชัน สินเชื่อบ้านใหม่-บ้านมือสอง มีอัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษคงที่ 3 ปีแรก 3.30% ต่อปี รับฟรีค่าประเมินหลักทรัพย์และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย โดยสามารถยื่นกู้ซื้อบ้านและคอนโด ได้ทั้งแบบกู้คนเดียวและแบบกู้ร่วม พร้อมระยะเวลาการผ่อนสูงสุด 35 ปี เมื่อรวมอายุของผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี วงเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 50,000,000 บาท หรือไม่เกิน 100% ของราคาซื้อขาย/ราคาประเมิน โดยวงเงินขั้นต่ำจะอยู่ที่ 500,000 บาท ที่มา: ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารกรุงไทย โปรโมชัน: สินเชื่อบ้านกรุงไทย เป็นสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี เริ่มต้น1.68% ต่อปี นาน 3 เดือน* และหลังจากปีที่ 3 ดอกเบี้ยบ้านจะเปลี่ยนมาเป็นดอกเบี้ย MLR -0.750% ต่อปี สำหรับกู้เงินซื้อบ้านมือหนึ่ง มือสอง หรือที่ดินพร้อมปลูกสร้างบ้าน พร้อมระยะเวลากู้ยืมสูงสุด 40 ปี วงเงินกู้สูงสุด กู้เงินซื้อบ้านได้สูงสุด 100% ที่มา: ธนาคารกรุงไทย   ธนาคารไทยพาณิชย์ โปรโมชัน สินเชื่อซื้อบ้านใหม่ เป็นสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นคงที่ 1 ปีแรก 2.55% และในปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ยบ้านจะเปลี่ยนมาเป็น MRR -3.37% ต่อปี และ ปีที่ 4 MRR จะเป็น -1.55% พร้อมระยะเวลาการผ่อนสูงสุดนาน 30 ปี โดยระยะเวลาผ่อนเมื่อรวมอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี วงเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 100% ของมูลค่าหลักประกันตามราคาประเมินหรือราคาซื้อขายในสัญญาซื้อขายของกรมที่ดิน สำหรับบ้านหลังแรกที่ราคาต่ำกว่า 10,000,000 บาท ที่มา: ธนาคารไทยพาณิชย์   ธนาคารกสิกรไทย โปรโมชัน สินเชื่อบ้านมือหนึ่งและมือสอง กับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ปีแรก สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำ 100,000 บาทขึ้นไป / เดือน และในปีที่ 2-3 ดอกเบี้ยบ้านจะเปลี่ยนมาเป็น MRR -2.74% ต่อปี พร้อมระยะเวลากู้ยืมสูงสุด 30 ปี และรวมอายุผู้กู้สูงสุดไม่เกิน 70 ปี โดยสามารถยื่นกู้และทำนิติกรรมได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 วงเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 90% ของราคาซื้อขายและราคาประเมินหลักประกัน ที่มา: ธนาคารกสิกรไทย   ธนาคารกรุงเทพ โปรโมชัน สินเชื่อบ้านสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ เป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านเฉลี่ย 3 ปี 3.72% โดยสามารถเลือกผ่อนชำระได้ทั้งแบบขั้นบันไดและแบบคงที่ พร้อมระยะเวลากู้ยืมสูงสุด 30 ปี พิเศษด้วยการยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกันและค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ วงเงินกู้สูงสุด ไม่เกิน 100% ของมูลค่าหลักประกัน ที่มา: ธนาคารกรุงเทพ   และถ้าต้องการกู้ซื้อบ้านราคาเท่านี้ จะต้องผ่อนเดือนละเท่าไร? เพื่อไขข้อสงสัยก็ตามไปดูวิธีคิดดอกเบี้ยบ้านแบบง่ายๆ เพื่อช่วยประเมินความสามารถในการผ่อนจ่ายของเรา   วิธีการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแบบง่ายๆ ส่วนมากดอกเบี้ยบ้านใน 3 ปีแรก มักจะเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ และหลังจากนั้นจะปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบลอยตัว ซึ่งสามารถคำนวณได้ตามสูตรนี้   ค่างวด = (วงเงินกู้ + (วงเงินกู้ x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปีที่กู้)) ÷ จำนวนเดือนการผ่อน   ตัวอย่างเช่น ต้องการกู้บ้านราคา 3,000,000 บาท ด้วยการผ่อนชำระเป็นเวลา 30 ปี และเลือกโปรโมชั่นธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านคงที่ 3.0% ต่อปี หลังจากนั้นดอกเบี้ยบ้านจะเปลี่ยนมาเป็นแบบลอยตัว MRR +1.5% และหาก MRR ของธนาคารในขณะนั้นอยู่ที่ 3.5% ก็จะหมายถึงหลังปีที่ 3 ของการกู้ซื้อบ้าน เราจะต้องเสียดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.0% ต่อปี ซึ่งสามารถคำนวณได้ดังนี้ ค่างวดในปีที่ 1-3: (3,000,000 + (3,000,000 x 3.0% x 30)) ÷ 360 = 15,833 บาท ค่างวดในปีที่ 3 เป็นต้นไป: (3,000,000 + (3,000,000 x 5.0% x 30)) ÷ 360 = 20,833 บาท   และวันนี้ขอแชร์ 5 เคล็ดลับการเลือกสินเชื่อ เพื่อกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดอย่างไร ให้ได้ ดอกเบี้ยบ้าน ที่ต่ำและคุ้มค่าที่สุด เลือกสินเชื่อซื้อบ้านใหม่ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากโครงการ เหมาะสำหรับคนที่ตัดสินใจเลือกซื้อบ้านใหม่มือหนึ่ง และต้องการอัตราดอกเบี้ยบ้านในเรทพิเศษ สามารถติดต่อโครงการโดยตรง เพื่อรับสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษ เฉพาะลูกค้าโครงการบ้านนั้นๆ เลือกธนาคารที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset : NPA) นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่า อย่างการซื้อบ้านในเครือข่าย NPA ของสถาบันการเงินนั้นๆ เนื่องจากทางธนาคารจะให้อัตราดอกเบี้ยบ้านพิเศษ สำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้านในเครือข่าย NPA จึงมักจะได้ดอกเบี้ยบ้านต่ำ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่หยืดหยุ่นกว่าบ้านมือหนึ่ง เพราะเป็นทรัพย์สินหลุดจำนองจากเจ้าของเดิม เลือกสินเชื่อธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยบ้านต่ำกับบุคคลวิชาชีพพิเศษ หากใครทำงานอยู่ในกลุ่มอาชีพบุคคลวิชาชีพพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร นักบินพาณิชย์ ผู้พิพากษา อัยการ รวมถึงบุคคลากรที่ทำงานภายในสถาบันการเงินนั้นๆ ธนาคารมักจะมอบอัตราดอกเบี้ยบ้านให้ในเรทที่ต่ำกว่าบุคคลทั่วๆ ไป เลือกสินเชื่อที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงเมื่อทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) สำหรับใครที่อยากได้ดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำเป็นพิเศษ สามารถเลือกกู้สินเชื่อกับธนาคารที่ให้ทำประกัน MRTA หรือประกันคุ้มครองสินเชื่อ เพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยบ้านให้ต่ำลง โดยเบี้ยประกัน MRTA สามารถยื่นกู้พร้อมสินเชื่อบ้านและผ่อนชำระพร้อมค่างวดบ้านได้เลย เลือกอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะกับสภาวะตลาด การเลือกอัตราดอกเบี้ยบ้านให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ จะช่วยให้ได้ดอกเบี้ยที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งหากช่วงไหนสภาวะตลาดดูซบเซา ธนาคารจะมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว แต่กลับกันหากช่วงไหนเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน อัตราดอกเบี้ยบ้านจะเพิ่มสูงขึ้น ก็ควรเลือกดอกเบี้ยแบบคงที่แทน สรุปส่งท้าย คุณควรเลือกสินเชื่อบ้านที่ให้อัตรา ดอกเบี้ยบ้าน เรทที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคลด้ว   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

11 กุมภาพันธ์ 2025