ฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ 2568 (ต้นปี) เสริมสร้างความเฮง ความปัง ให้กับผู้อยู่อาศัย

19

ธ.ค. 24

797

ฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ 2568 (ต้นปี) เสริมสร้างความเฮง ความปัง ให้กับผู้อยู่อาศัย

ย้ายเข้าคอนโดใหม่ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ การเลือก ฤกษ์ดี เพื่อย้ายเข้าจึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ เพื่อความเป็นสิริมงคลและความราบรื่นในชีวิตประจำวัน ในปี 2568 นี้ มีหลายฤกษ์ดีที่เหมาะสำหรับการย้ายเข้าคอนโดใหม่ มาดูกันว่ามีฤกษ์ไหนบ้างที่น่าสนใจ และมีเคล็ดลับอะไรบ้างในการเตรียมตัวก่อนย้ายเข้า

ทำไมต้องเลือกฤกษ์ดีในการย้ายเข้าคอนโด?

การเลือกฤกษ์ดีในการย้ายเข้าคอนโด เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยมีความเชื่อว่าการเลือกวันและเวลาที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล ความเจริญก้าวหน้า และโชคลาภแก่ผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ การเลือกฤกษ์ดียังช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย

ฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ 2568

การเลือกฤกษ์ดีขึ้นบ้านคอนโดใหม่ในปี 2568 สามารถทำได้โดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ หรือดูจากปฏิทินฤกษ์ ซึ่งจะมีการระบุวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ โดยทั่วไปแล้ว ฤกษ์ดีจะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น

  • วันเกิดของเจ้าของบ้าน: แต่ละวันเกิดจะมีฤกษ์ที่แตกต่างกันออกไป
  • ทิศของบ้าน: ทิศที่หันหน้าของบ้านก็มีผลต่อการเลือกฤกษ์
  • ราศีของเจ้าของบ้าน: ราศีของเจ้าของบ้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ

 

ฤกษ์ดีสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เดือนมกราคม 2568

 

  1. วันที่ 2 มกราคม

ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ภูมิปาโลฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์

 

  1. วันที่ 7 มกราคม

ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : สมโณฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพุธ

  1. วันที่ 8 มกราคม

ตรงกับวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ทลิทโทฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันเสาร์

  1. วันที่ 15 มกราคม

ตรงกับวันพุธ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันเสาร์

 

  1. วันที่ 16 มกราคม

ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 3ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : สมโณฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์

 

 

 

  1. วันที่ 18 มกราคม

ตรงกับวันเสาร์ แรม 5 ค่ำ เดือนยี่ (2) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : มหัทธโนฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์

ฤกษ์ดีสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เดือนกุมภาพันธ์ 2568
1. วันที่ 1 กุมภาพันธ์

ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : เทวีฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพฤหัสบดี

 

  1. วันที่ 7 กุมภาพันธ์

ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ภูมิปาโลฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอาทิตย์

 

  1. วันที่ 11 กุมภาพันธ์

ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพุธ

 

  1. วันที่ 17 กุมภาพันธ์

ตรงกับวันจันทร์ แรม 5 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ภูมิปาโลฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร

 

  1. วันที่ 23 กุมภาพันธ์

ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ทลิทโทฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์

 

  1. วันที่ 24 กุมภาพันธ์

ตรงกับวันจันทร์ แรม 12 ค่ำ เดือนสาม (3) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : มหัทธโนฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร

ฤกษ์ดีสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เดือนมีนาคม 2568

  1. วันที่ 3 มีนาคม

ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : สมโณฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร

 

  1. วันที่ 9 มีนาคม

ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : เทวีฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์

 

  1. วันที่ 11 มีนาคม

ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 13 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันพุธ

 

  1. วันที่ 14 มีนาคม

ตรงกับวันศุกร์ แรม 1 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : มหัทธโนฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอาทิตย์

 

  1. วันที่ 20 มีนาคม

ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 7 ค่ำ เดือนสี่ (4) ปีมะโรง

ฤกษ์บน : ราชาฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันจันทร์

 

  1. วันที่ 31 มีนาคม

ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนห้า (5) ปีมะเส็ง

ฤกษ์บน : ทลิทโทฤกษ์

ห้ามใช้กับคนที่เกิดวันอังคาร

 

 

เคล็ดลับในการเลือกฤกษ์ดี

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์จะช่วยให้คุณได้ฤกษ์ที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด
  • ดูจากปฏิทินฤกษ์: ปฏิทินฤกษ์จะระบุวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำบุญขึ้นบ้านใหม่
  • เลือกฤกษ์ที่สะดวก: นอกจากฤกษ์ที่ดีแล้ว ควรเลือกวันที่สะดวกสำหรับคุณและครอบครัวด้วย
  • ไม่เครียดเกินไป: การเลือกฤกษ์ดีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการย้ายเข้าคอนโดใหม่ ไม่ควรเครียดจนเกินไป

เตรียมตัวก่อนย้ายเข้าคอนโด

นอกจากการเลือกฤกษ์ดีแล้ว การเตรียมตัวก่อนย้ายเข้าคอนโดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อให้การย้ายเข้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย

  • ทำความสะอาดคอนโด: ก่อนย้ายเข้าควรทำความสะอาดคอนโดให้สะอาดหมดจด เพื่อเป็นการต้อนรับสิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน
  • เตรียมของใช้ที่จำเป็น: เตรียมของใช้ที่จำเป็น เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทำความสะอาด ให้พร้อมก่อนย้ายเข้า
  • นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์: การนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เป็นการเสริมสิริมงคลให้กับบ้าน
  • ไหว้เจ้าที่: การไหว้เจ้าที่เป็นการขออนุญาตและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้รับรู้ว่ามีผู้อยู่อาศัยใหม่

สิ่งที่ควรทำหลังจากย้ายเข้าคอนโด

  • จุดธูปเทียน: การจุดธูปเทียนเป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพรให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในบ้าน
  • ปลูกต้นไม้: การปลูกต้นไม้มงคล เช่น ต้นไผ่ ต้นวาสนา หรือต้นเงินต้นทอง ช่วยเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง
  • จัดบ้านให้เป็นระเบียบ: การจัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ

 

การย้ายเข้าคอนโดใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ การเลือกฤกษ์ดีและการเตรียมตัวที่ดี จะช่วยให้การย้ายเข้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย
มีฤกษ์ดีแล้วมีคอนโดดีๆแล้วหรือยัง  เรามีห้องที่ทำเลดี ราคาโดน แต่งครบพร้อมอยู่ รอให้คุณมาเป็นเจ้าของ สนใจอยากอยากปรึกษาสามารถติดต่อเราได้ที่

ลงทะเบียน : https://shorturl.at/hwxIN

LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

Instagram :https://www.instagram.com/amber_inter_realty

Website : www.amber-international.com/

 

บทความน่าสนใจ

คอนโดเงินเหลือ คืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจกู้ซื้อ

คอนโดเงินเหลือคืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจกู้ซื้อ

คอนโดเงินเหลือ หรือ คอนโดเงินทอน เป็นคำที่คุ้นหูกันมากขึ้นในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า คอนโดเงินเหลือคืออะไร มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และเหมาะสมกับใครบ้าง คอนโดเงินเหลือ คืออะไร? คอนโดเงินเหลือ หมายถึง การขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในวงเงินที่สูงกว่าราคาขายจริงของคอนโดนั้น ๆ ทำให้ผู้กู้ได้รับเงินส่วนต่างที่เหลือมาใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากการซื้อคอนโด เช่น นำไปปิดหนี้บัตรเครดิต ชำระค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ตัวอย่าง: คุณต้องการซื้อคอนโดราคา 2 ล้านบาท แต่คุณยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารในวงเงิน 2.5 ล้านบาท เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อ คุณจะได้รับเงิน 2.5 ล้านบาทเข้าบัญชี แต่จะนำเงิน 2 ล้านบาทไปชำระค่าคอนโด ทำให้คุณเหลือเงินอีก 5 แสนบาท ทำไมถึงมีคอนโดเงินเหลือ? ธนาคารประเมินราคาทรัพย์สินสูงกว่าราคาขายจริง: บางครั้งธนาคารอาจประเมินมูลค่าของคอนโดสูงกว่าราคาที่ผู้ขายตั้งไว้ ทำให้คุณสามารถกู้เงินได้มากกว่าราคาขายจริง ผู้ขายต้องการกระตุ้นยอดขาย: ผู้ขายอาจเสนอโปรโมชั่นพิเศษ เช่น การยื่นขอสินเชื่อผ่านธนาคารที่กำหนด เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ ข้อดีของคอนโดเงินเหลือ มีเงินเหลือใช้: ได้เงินก้อนมาใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ เช่น ปิดหนี้ หรือปรับปรุงบ้าน โอกาสเป็นเจ้าของทรัพย์สิน: ได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมในฝัน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน: มีเงินสำรองใช้ในยามฉุกเฉิน ข้อเสียของคอนโดเงินเหลือ ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น: ต้องผ่อนชำระหนี้สินจำนวนมากขึ้น ดอกเบี้ยสูง: อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนที่เกินจากราคาคอนโดมักจะสูงกว่าปกติ มีความเสี่ยง: หากเศรษฐกิจไม่ดี หรือราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ อาจทำให้เกิดปัญหาในการผ่อนชำระหนี้ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน คอนโดเงินเหลือเหมาะกับใคร? ผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินสูง: มีรายได้มั่นคงและสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะยาว ผู้ที่ต้องการปิดหนี้: ต้องการนำเงินส่วนต่างไปปิดหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินอื่น ๆ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงบ้าน: ต้องการนำเงินไปตกแต่งหรือปรับปรุงคอนโด สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ความสามารถในการผ่อนชำระ: ประเมินรายรับ รายจ่าย และหนี้สินที่มีอยู่ว่าสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่ อัตราดอกเบี้ย: เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร ระยะเวลาในการผ่อนชำระ: เลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกับตัวเอง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: พิจารณาค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน คอนโดเงินเหลือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม แต่ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนทางการเงินให้เหมาะสมกับตัวเอง สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/ #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

12 ธันวาคม 2024
MRR คืออะไร? หากคิดจะกู้บ้าน กู้คอนโด ห้ามพลาดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ย

MRR คืออะไร? หากคิดจะกู้บ้าน กู้คอนโด ห้ามพลาดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ย

MRR คืออะไร? และหากคิดจะกู้บ้าน กู้คอนโด ห้ามพลาดเรื่องการคำนวณดอกเบี้ย การวางแผนกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และสิ่งหนึ่งที่หลายคนมักมองข้าม คือ MRR หรือ Minimum Retail Rate ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารใช้ในการคำนวณดอกเบี้ย สำหรับสินเชื่อบุคคลทั่วไป เช่น สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อคอนโด   MRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดขึ้นสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยจะถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์พื้นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อ เช่น การกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อคอนโด หรือสินเชื่อ เพื่อการอุปโภคบริโภคอื่นๆ ธนาคารแต่ละแห่งจะมีการกำหนด MRR ที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนการดำเนินงาน เศรษฐกิจ และนโยบายของแต่ละธนาคาร ดังนั้น ผู้กู้ควรเปรียบเทียบ MRR ของแต่ละธนาคารก่อนตัดสินใจกู้เงิน   MRR มีความสำคัญอย่างไรในการกู้บ้านหรือคอนโด? เป็นเกณฑ์ในการคำนวณดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระในแต่ละเดือนมักจะถูกคำนวณจาก MRR บวกหรือลบส่วนต่าง (Spread) ตัวอย่างเช่น หากธนาคารกำหนดว่าอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านคือ MRR -1% และ MRR ของธนาคารนั้นคือ 5% ดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระจริงจะเท่ากับ 5.5% ต่อปี ช่วยเปรียบเทียบข้อเสนอของธนาคาร MRR เป็นตัวเลขที่ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหาดีลสินเชื่อบ้านที่ดีที่สุด ส่งผลต่อยอดชำระรายเดือน ยิ่ง MRR ต่ำ ดอกเบี้ยก็จะต่ำลง ซึ่งหมายความว่ายอดเงินที่ต้องชำระในแต่ละเดือนจะลดลงด้วย วิธีตรวจสอบ MRR ของธนาคาร เข้าไปที่เว็บไซต์ของธนาคารที่คุณสนใจ ธนาคารมักจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอัตรา MRR ไว้อย่างชัดเจน สอบถามเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลล่าสุดและเงื่อนไขต่างๆ เปรียบเทียบข้อมูล MRR จากหลายธนาคารเพื่อเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด   ข้อควรระวังเกี่ยวกับ MRR MRR ไม่ได้คงที่ อัตรา MRR อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของธนาคารหรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ อย่าดูเฉพาะ MRR อย่างเดียว บางครั้งธนาคารอาจให้ MRR ต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมแฝง หรือเงื่อนไขที่อาจไม่เหมาะสมกับคุณ ดังนั้นควรพิจารณาเงื่อนไขทั้งหมดก่อนตัดสินใจ สรุปส่งท้าย MRR คืออะไร? MRR ก็คือ ปัจจัยสำคัญที่ต้องรู้และเข้าใจก่อนการซื้อกู้บ้านหรือคอนโด เพราะส่งผลต่อดอกเบี้ย และยอดชำระรายเดือนของคุณโดยตรง การศึกษาและเปรียบเทียบอัตรา MRR จากธนาคารต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุดได้   สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property   ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/   #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

31 มกราคม 2025
Yield คืออะไร? และกี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับการลงทุน

Yield คืออะไร? และกี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับการลงทุน

ยิลด์ ( Yield ) เป็นคำที่พบได้บ่อยในโลกของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น พันธบัตร กองทุนรวม และสินทรัพย์อื่นๆ ยิลด์เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่นักลงทุนใช้ในการประเมินผลตอบแทนของการลงทุนในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ต่อปี แล้วคำว่ายิลด์จริงๆ นั้น หมายถึงอะไร? และยิลด์กี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะเหมาะสมกับการลงทุน? วันนี้เรามาสรุปมาให้แล้วค่ะ…   ความหมายของคำว่า ยิลด์ ( Yield ) Yieldคือ อัตรา ผลตอบแทน จากการลงทุนที่แสดงในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ โดยคำนวณจากรายได้ เช่น ดอกเบี้ยหรือเงินปันผล ที่ได้รับจากสินทรัพย์นั้น เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าของการลงทุน ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุนในพันธบัตรที่มีราคาหน้าตั๋ว 1,000 บาท และได้รับดอกเบี้ยปีละ 50 บาท ยิลด์จะเท่ากับ 5% (50 ÷ 1,000 x 100) สำหรับหุ้น ยิลด์อาจคำนวณจากเงินปันผลที่ได้รับเมื่อเปรียบเทียบกับราคาหุ้นในตลาด ยิลด์มีหลายประเภท เช่น Dividend Yield (ยิลด์จากเงินปันผล) และ Bond Yield (ยิลด์จากพันธบัตร) ซึ่งนักลงทุนสามารถ เลือกใช้ตามประเภทของสินทรัพย์ที่สนใจ   ปัจจัยที่มีผลต่อยิลด์ ประเภทของสินทรัพย์ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล มักให้ยิลด์ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ สภาพเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต ยิลด์จากหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงสูงมักเพิ่มขึ้น ในขณะที่ช่วงเศรษฐกิจซบเซา ยิลด์จากพันธบัตรหรือสินทรัพย์ปลอดภัยจะเป็นที่นิยม อัตราดอกเบี้ย เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มขึ้น ยิลด์จากก็มักปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม   ยิลด์กี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมกับการลงทุน? ไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่า… ยิลด์กี่เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม เนื่องจากขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถพิจารณาแนวทางเบื้องต้นได้ดังนี้ สำหรับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย หากคุณต้องการความมั่นคงและไม่อยากเสี่ยง ยิลด์ที่เหมาะสมอาจอยู่ในช่วง 2-5% เช่น การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนตราสารหนี้ สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง: การลงทุนในหุ้นที่มีปันผล อาจให้ยิลด์ในช่วง 4-7% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูงขึ้นแต่ยังต้องการความมั่นคงในระดับหนึ่ง สำหรับนักลงทุนที่เน้นผลตอบแทนสูง หากคุณพร้อมรับความเสี่ยง การลงทุนในหุ้นเติบโตหรือกองทุนรวมที่มุ่งเน้นผลตอบแทนสูง อาจให้ยิลด์ตั้งแต่ 7% ขึ้นไป แต่ควรระมัดระวัง เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เคล็ดลับในการเลือกยิลด์ที่เหมาะสม วิเคราะห์ความเสี่ยง อย่ามองแค่ยิลด์ที่สูง แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงที่มาพร้อมกับผลตอบแทน เปรียบเทียบกับตลาด ตรวจสอบว่ายิลด์ของสินทรัพย์ที่คุณสนใจสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของตลาดหรือไม่? กระจายการลงทุน ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ยิลด์สูงเพียงอย่างเดียว ควรกระจายการลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยง   สรุปส่งท้าย ยิลด์ เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึง ผลตอบแทน จากการลงทุน อย่างไรก็ตาม การเลือกยิลด์ที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิจารณาถึงเป้าหมาย ความเสี่ยง และสภาพตลาดในช่วงเวลานั้นด้วย การศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกยิลด์ที่ตอบโจทย์และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทยได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property   ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service >>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด >>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด >>> บริการบริหารและจัดการคอนโด   LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/   #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

28 มกราคม 2025