รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน เดือนมีนาคม 2568 จากธนาคารในประเทศไทย

27

มี.ค. 25

229

รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน เดือนมีนาคม 2568 จากธนาคารในประเทศไทย

รีไฟแนนซ์บ้าน(Refinance)

คือ การทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับอีกธนาคารหนึ่ง เมื่อเกิดการ สิ้นสุดสัญญาสินเชื่อที่มีอยู่กับธนาคารหนึ่งไปแล้ว

โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกธนาคารได้เองตามแต่ว่า ธนาคารใดจะให้ข้อเสนอที่น่าจูงใจมากกว่ากัน โดยส่วนใหญ่จะมีการรีไฟแนนซ์

หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านก็ต่อเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไปหรือตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญากู้บ้าน ดังนั้น การรีไฟแนนซ์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

เนื่องจากช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน และภาระในการผ่อนได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดภาระในการแบกรับอัตราดอกเบี้ยได้ คือ รีเทนชั่น (Retention) หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม

โดยการพิจารณานั้น ทางธนาคารจะตรวจสอบประวัติ การผ่อนชำระของผู้กู้ที่ผ่านมา ข้อดี คือ ผู้กู้สินเชื่อบ้านสามารถดำเนินธุรกรรมกับธนาคารเดิมได้โดยไม่ต้องมีภาระในการจัดเตรียมเอกสารใหม่

เพื่อขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ทำให้การรีเทนชั่นใช้ระยะเวลาไม่นานใน การพิจารณาอนุมัติการขอลดดอกเบี้ยบ้าน

รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน เดือนมีนาคม 2568

รีเทนชั่น (Retention) หรือ รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance)
แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

เมื่อผู้กู้ผ่อนบ้านมาเป็นเวลา 3 ปี ผู้กู้มักจะมีการขอลดอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านกับธนาคารเก่า หรือธนาคารใหม่ ที่เรียกว่าการ Retention กับ Refinance นั่นเอง

และในบทความนี้ Amber ได้รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 อัปเดตประจำเดือนมีนาคม

จากหลากหลายธนาคาร มาเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยว่า… รีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี ธนาคารไหนให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านต่ำที่สุด ถูกที่สุด

และขอลดดอกเบี้ยบ้าน มี เงื่อนไขอะไรบ้าง?… เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้กู้สินเชื่อบ้าน คอนโด ที่กำลังจะรีไฟแนนซ์ หรือรีเทนชั่น

พร้อมเครื่องมือคำนวณอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่จะช่วยให้การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยใหม่ของคุณง่ายขึ้น

อัปเดต! อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 ประจำเดือน มีนาคม ธนาคารส่วนใหญ่ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อบ้าน MRR เป็นเกณฑ์ในการลดอัตราสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน คอนโด

ซึ่งเราได้นำอัตรา ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีที่ต่ำที่สุดมาจัดอันดับ โดยมีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ของธนาคารที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ดังนี้

 

ตารางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารไหนดี 2568 ประจำเดือน มีนาคม

รวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน เดือนมีนาคม 2568

*** อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี คำนวณแบบค่าเฉลี่ยทางคณิตศาสตร์เท่านั้น***

และตามหัวข้อของเรากับ 9 อันดับธนาคารที่น่าสนใจ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำ ที่สุด ประจำเดือน มีนาคม 2568

1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (G H Bank)

อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อบ้าน GHB Precious Plus ปี 2568 สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป
หรือ ลูกค้าสวัสดิการไม่มีเงินฝาก ผู้กู้มี รายได้ (Gross) ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.70%
แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.79% อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 2 = 2.80% และอัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 = 3.50% โดยให้วงเงินกู้ตามเกณฑ์หลักประกันให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี คือ โครงการสินเชื่อ Senior Home 4U ปี 2568 สำหรับผู้กู้ต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.47% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = 2.00% ปีที่ 2 = 2.50% และปีที่ 3 = 2.90% และให้วงเงินกู้ตาม เกณฑ์รายได้ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.545% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568)

2. ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB)

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารทหารไทยชาต แบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกัน คือ สินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (ลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TTB Payroll)
ที่มีอัตรา
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 2.89% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี โดยผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวผู้กู้สินเชื่อต้องสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท
ส่วนสินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (สำหรับลูกค้าทั่วไป ที่ไม่ได้รับบัญชีเงินเดือนผ่าน ทีทีบี) จะมี อัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 3.09%
ในกรณีของการสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปีเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.605% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568)

3. ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank)

ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% แบ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก = 1.59% ปีที่ 2-3= 3.63%
สำหรับลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA แบบไม่ฟรีค่า จดจำนอง ส่วนลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA และต้องการให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ มีอัตราดอกเบี้ย เฉลี่ย 3 ปีต่ำสุดอยู่ที่ 3.15%

นอกจากนั้น การขอลดดอกเบี้ยบ้านกับ ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ยังมีสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกัน MRTA/MLTA
และไม่ต้องการให้ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ ซึ่งมีอัตรา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.05% และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกัน MRTA/MLTA
ในรูปแบบ ฟรีค่า จำนอง มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.25% โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินกู้ 100% ของภาระหนี้ คงเหลือจากสถาบันการเงินเดิม แต่ไม่เกินราคาประเมินหลักประกัน
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 8.580% (ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม 2568)

4. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP)

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ โปรโมชั่นพิเศษ รีไฟแนนซ์ KKP x Refinn มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด 3.02%
แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 = 0.99% ปีที่ 2 = MLR-4.36% และ ปีที่ 3 = MLR-3.46% โดยมีเงื่อนไขหลักในการทำประกันคุ้มครองวงเงินกู้กับบริษัทประกัน
ที่ผ่านธนาคาร (MRTA) ทุนประกันภัย 100% และระยะเวลำเอาประกันขั้นต่ำ 10 ปี ในกรณีลูกค้ำมีระยะเวลา กู้ ไม่ถึง 10 ปี
ให้ทำประกันโดยระยะเวลาเอาประกันขั้นต่ำเท่ากับระยะเวลากู้ ฟรีประเมิน, ฟรีอากร, ฟรี อัคคีภัย, ฟรีค่าจดจำนอง เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

นอกจากนั้น สำหรับผลิตภัณฑ์รีไฟแนนซ์บ้านปกติของธนาคารในกรณีที่ผู้กู้ประสงค์ทำประกันอยู่ที่ 3.15%ประกอบด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.99%
และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวปีที่ 2 = MLR-4.475% และ ปีที่ 3 = MLR-3.965% และสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการทำประกันมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี = 3.417%
โดย
ธนาคารออกค่าประเมิน ค่าอากร ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปี และฟรีค่าจดจำนอง โดยทั้ง 2 รูปแบบให้วงเงินกู้ สูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ ต้องการอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี
ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่เฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 3.60% สำหรับกรณีที่ผู้กู้ประสงค์ ทำประกัน และ 3.85% สำหรับผู้กู้ที่ไม่ประสงค์ทำประกัน
โดยทั้ง 2 รูปแบบให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคา ประเมินหรือวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาทเช่นกัน
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MLR = 7.950% (ประกาศ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2568)

5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)

สำหรับการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย ต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 3.083% แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอด 3 ปี
คือ ปีที่ 1 = 1.88% ปีที่ 2 = MRR-4.40% และปีที่ 3 = MRR-2.58% โดยมีเงื่อนไขสำหรับหลักประกันประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์ โฮม ห้องชุดพักอาศัย
ราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และสามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี) โดยให้วงเงินกู้สูงสุดที่ 95% ของราคาประเมิน

นอกจากนั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังมีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์สำหรับหลักประกันประเภท อาคารพาณิชย์วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท
ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 5.05% และ อาคารพาณิชย์วงเงินกู้ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 4.80% โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 90% ของราคาประเมิน
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.175% (ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม 2568)

6. ธนาคารกสิกรไทย (Kbank)

ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกสิกรไทย มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุด อยู่ที่ 3.10%
แบ่งเป็นรูปแบบที่ 1 อัตราดอกเบี้ยปีแรก = 1.99% ปีที่ 2 = 3.16% และ ปีที่ 3 = 4.16%
และ รูปแบบที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-3 = 3.10% โดยทั้ง 2 รูปแบบเป็นผลิตภัณฑ์ดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าที่ทำประกันเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้านตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
วงเงินกู้ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป

นอกจากนั้น ธนาคารกสิกรไทย ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่ไม่ประสงค์ทำประกันเพื่อคุ้มครอง สินเชื่อ มีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปี
ต่ำสุด = 3.27% แบ่งเป็นปีที่ 1 = 2.49% ปีที่ 2 = 3.16% และปีที่ 3 = 4.16% สำหรับวงเงินกู้ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์จาก ธนาคารกสิกรไทย ให้วงเงินกู้ไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หลักประกัน และมีระยะเวลาให้กู้ สูงสุดไม่เกิน 30 ปี (อายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี)
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.080% (ประกาศ ณ วันที่ 4 มีนาคม 2568)

7. ธนาคารกรุงไทย (KTB)

สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงไทย มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีอยู่ที่ 3.29% สำหรับ กรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป
และสามารถเลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 บาท/เดือนในปีที่ 1 ได้ และต้องทำประกัน แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 1.99% ปีที่ 2 = 3.39% และปี ที่ 3 = 4.49%

นอกจากนั้น ธนาคารกรุงไทย (KTB) ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แบบไม่ทำประกัน ที่มีอัตรา ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำที่สุด 3.39%
สำหรับกรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป และสามารถ เลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 ได้เช่นกัน
แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 = 2.29% ปีที่ 2= 3.39% และปีที่ 3 = 4.49% โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์ทั้งหมดที่กล่าวมาให้วงเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 100% และมีระยะเวลาผ่อน นานสูงสุด 40 ปี
อ้างอิงตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินให้ MLR = 6.825% (ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2568)

8. ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

สำหรับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารกรุงเทพ เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปี มีอัตรา ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.48% แบ่งเป็น ปีที่ 1 = 2.75% และ ปีที่ 2-3 = MRR-3.10%
เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป กรณีหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป หรือ หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มโครงการที่มี
ข้อตกลงกับธนาคาร และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อบ้านบัวหลวงพร้อม ประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง)
หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ และไม่เกินอัตราส่วนวงเงินสินเชื่อสูงสุดตามประกาศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ส่วนกรณี หลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป เฉพาะวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 2-3.99 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ย รีไฟแนนซ์เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.63% และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อ บ้านบัวหลวงพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง) หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ

สำหรับหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป เฉพาะวงเงินอนุมัติต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ยรี ไฟแนนซ์เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 4.05%
และรับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อ บ้านบัวหลวงพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง)
หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า โดยให้วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือเช่นกัน
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.950% (ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม 2568)

9. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

ธนาคารไทยพาณิชย์ มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ แบบทำประกัน ที่มีอัตรา ดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์เฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.49%
แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ปี่ที่ 1 = 1.49% ปีที่ 2- 3 = MRR-2.69% ลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.50% ต่อปี กรณีทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (Credit Life)
กำหนดให้ทำจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่น้อยกว่า 70% ของวงเงินกู้ และระยะเวลาเอาประกันภัย 70% ของระยะเวลากู้ตามสัญญา
โดยกำหนดให้ระยะเวลาเอาประกันภัยขั้นต่ำ 10 ปี (กรณีระยะเวลากู้ตามสัญญาต่ำ กว่า 10 ปี กำหนดให้ระยะเวลาเอาประกันภัยเท่ากับระยะเวลากู้ตามสัญญา)

ส่วนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์ แบบไม่ทำประกัน มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 3.99%แบ่งเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปี
และผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี โดย ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์ทั้งหมดของ ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 100% ของมูลค่าหลักประกันตามราคาประเมิน
สำหรับบ้านหลังแรกที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท (สัญญาที่ 1) สำหรับวงเงิน สินเชื่อเคหะเท่ายอดหนี้เดิม และวงเงินเอนกประสงค์ กู้เพิ่มไม่เกิน 3% ของยอดหนี้วงเงินเคหะเดิม
ทั้งนี้สำหรับลูกค้าทั่วไป ลูกค้าโครงการ / ลูกค้าองค์กร จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขึ้นอยู่กับประเภท โครงการ หรือ ประเภทองค์กร และเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคาร โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ SCB.CO.TH

***อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมีผลในระหว่างวันที่ 2 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568 หรือจนกว่าธนาคาร จะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.175% (ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567) รออัปเดตจากธนาคารอีกครั้ง***

***ปัจจุบันอ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.075% (ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2568)

*อัตราสินเชื่อบ้านโดยส่วนใหญ่จะเปลี่ยนแปลงไม่บ่อยมากนัก ประมาณ 1 ไตรมาส หรือ ครึ่งปีต่อครั้ง ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารแต่ละที่ด้วย

 

แนะนำ 8 ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) ขอลดดอกเบี้ยบ้าน

1. ติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้าน โดยค่าใช้จ่ายในขั้นนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารนั้น ๆ บางธนาคารอาจไม่มีค่าใช้จ่าย

2. หลังจากได้รายการยอดหนี้ที่ต้องการแล้วก็นำเอกสารดังกล่าวไปยื่นขอ รีไฟแนนซ์บ้าน กับธนาคารใหม่
(ในกรณีที่คุณพิจารณาแล้วว่าการรีเทนชั่นอาจจะคุ้มกว่าก็สามารถยื่นกับธนาคารเดิมได้)

3. ไม่ต่างกับการกู้ซื้อบ้านที่เคยทำในช่วงแรก เจ้าหน้าที่จะต้องมาประเมินบ้านหรือทรัพย์สินที่เรา
ต้องการ รีไฟแนนซ์บ้าน

4. รอฟังผลการอนุมัติจากธนาคาร

5. หากได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว เดินหน้าติดต่อกับธนาคารเก่านัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน
นำ
เอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม คิดยอดที่ต้องจ่ายเป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ย (นับจนถึงวันไถ่ถอน)

6. ติดต่อกับธนาคารใหม่ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อทำสัญญาสินเชื่อใหม่ โดยนัดวันทำสัญญาและโอน
บ้านที่ใช้จำนอง อย่าลืมนัดทั้ง 2 ธนาคารมาภายในวันเดียวกัน เพื่อชำระหนี้

7. ไปที่สำนักงานที่ดิน ณ เขตที่ตั้งของทรัพย์สิน เพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์
โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งสอง
ธนาคารไปด้วย

8. ขั้นตอนสุดท้าย มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้น

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้าน ขอลดดอกเบี้ยบ้าน

ลดดอกเบี้ยที่ต้องเสีย ดอกเบี้ยที่ถูกลงถือเป็นประโยชน์หลักที่เห็นได้ชัดที่สุดหากอัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้าน
ของธนาคารใหม่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเก่า เช่น สัญญาเดิมมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.5

แต่สัญญาใหม่มีอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 3.5 เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องเสียต่อ เดือนและดอกเบี้ยรวมทั้งสัญญาก็จะลดลงตามไปด้วย

หักเงินต้นได้มากขึ้น เมื่อภาระดอกเบี้ยน้อยลง ค่าผ่อนบ้านในแต่ละเดือนก็จะถูกนำไปหักเงินต้น
คงเหลือได้มากขึ้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือนต่อไปก็จะลดลงอีก
เช่น ผู้ขอสินเชื่อผ่อนบ้านเดือนละ
20,000 บาท ในสัญญาเดิมต้องหักดอกเบี้ย 12,000 บาท
เหลือหักต้นเพียง 8,000 บาท แต่สัญญา
ใหม่หักดอกเบี้ย 7,000 บาท ก็จะเหลือหักต้นเพิ่มขึ้นเป็น 13,000 บาท เป็นต้น

ค่าผ่อนบ้านที่น้อยลง สัญญาใหม่จะเป็นไปตามการประเมินจากธนาคารและตามการตกลงของผู้ขอสินเชื่อ
ซึ่งอาจทำให้ค่าผ่อนบ้านในสัญญาใหม่ของผู้ขอสินเชื่อลดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยลดลง
หรือ
การขยายระยะเวลาในสัญญาใหม่นานขึ้น เช่น สัญญาเก่าผ่อนเดือนละ 20,000 บาท เหลือ 25 ปี
สัญญาใหม่ที่ขยายเวลาเป็น 30 ปีทำให้เหลือผ่อนเพียงเดือนละ 15,000 บาท เป็นต้น

อัปเดตอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน MRR MLR MOR ล่าสุด ข้อมูลอัปเดตอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อบ้าน MRR MLR MOR
อัปเดตปี 2568 จากหลากหลายธนาคาร เช่น ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงเทพ ธ. กรุงไทย ธ.ออมสิน ธ.ทหารไทย ธ.กรุงศรีอยุธยา

สรุปส่งท้าย ทั้งนี้ รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) หรือขอลดดอกเบี้ยบ้านนั้น สามารถช่วยประหยัด ดอกเบี้ยให้ผู้ขอสินเชื่อได้อย่างมากก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าการรีไฟแนนซ์จะสามารถลดดอกเบี้ยได้เสมอไป ดังนั้นก่อนจะรีไฟแนนซ์ แนะนำให้ผู้ขอสินเชื่อศึกษารายละเอียดของสินเชื่ออย่างละเอียดรอบคอบ โดย ประเด็นหลักที่จะต้องพิจารณา คือ อัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสินเชื่อของสินเชื่อรีไฟแนนซ์จะต้องต่ำกว่าอัตรา ดอกเบี้ยตลอดสินเชื่อปัจจุบัน

อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ (Refinance) เช่น ค่าธรรมเนียมการจด จำนอง ค่าอากร ค่าประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ รวมไปถึงค่าประกันอัคคีภัยหรือประกันสินเชื่อ (MRTA) ซึ่งมี เงื่อนไขแตกต่างกันตามแต่ละธนาคาร ที่สำคัญอย่าลืม!! ตรวจสอบเงื่อนไขการไถ่ถอนสินเชื่อจากธนาคารเดิม ด้วยว่า… กำหนดให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถรีไฟแนนซ์ได้ตั้งแต่ปีที่เท่าไรของการกู้ เพราะมิฉะนั้นแล้วผู้กู้จะต้องถูก ปรับจากธนาคารเดิม หากผู้ขอสินเชื่อไถ่ถอนหนี้ก่อนกำหนด

สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดที่ตอบโจทย์อยู่ Amber International Realty ช่วยคุณได้ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย
ได้รับรางวัล Agency Excellence Southeast Asia Awards 2023 จาก Dot Property

ให้บริการแบบครบวงจร One Stop Service

>>> บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด

>>> บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด

>>> บริการบริหารและจัดการคอนโด

LINE@ : https://lin.ee/KOsTUWR

Tel : 089-986-0202

Youtube : @amberrealty

Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty

เลือกดูโครงการที่ชอบ:  https://amber-international.com/projects/

#ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ

บทความน่าสนใจ

Loft กับ Duplex ต่างกันอย่างไร แบบไหนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

Loft กับ Duplex ต่างกันอย่างไร แบบไหนที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย คอนโดติดรถไฟฟ้าที่มีข้อดีเรื่องความสะดวกในการเดินทาง อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้เพียงพออีกต่อไป รูปแบบของห้องเองก็มีส่วนในการตัดสินใจของผู้พักอาศัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะห้องแบบ Loft กับ Duplex ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นห้อง 2 ชั้น ให้ความรู้สึกไม่อึดอัด และดีไซน์ที่สวยถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนวัยทำงาน แต่หลายคนยังคงสับสนว่า ห้อง Loft กับ Duplex นั้นต่างกันอย่างไร? เป็นห้อง 2 ชั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? จริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะถึงจะเป็นห้อง 2 ชั้นเหมือนกัน แต่มีข้อแตกต่างกันอยู่นะคะ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนหายงงกันเองค่ะ มาเริ่มกันเลย . ห้องสไตล์ Loft – ชั้นล่างและชั้นบนจะอยู่บนโครงสร้างเดียวกัน เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงและในทางกฎหมาย ไม่มีการกำหนดความสูงขั้นต่ำของชั้นลอย – พื้นที่ใช้สอยถูกนับเพียงชั้นล่าง เนื่องจากในทางกฎหมายระบุไว้ว่าพื้นที่ใช้สอยส่วนชั้นลอย เป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ จะไม่ถูกนับรวมอยู่ในโฉนด – ชั้นลอยถูกนับเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่มีประตูกั้นห้อง – มีประตูเข้าออกทางเดียวคือ ทางชั้นล่าง – ชั้นลอยจะไม่มีห้องน้ำ ข้อดีของห้องสไตล์ Loft – การเสียค่าส่วนกลางจะเสียแค่พื้นที่ใช้สอยที่ออกตามโฉนด ดังนั้นถ้าห้องขนาด 35 ตร.ม. และมีพื้นที่ใช้สอยชั้นลอย 22 ตร.ม. จะเสียค่าส่วนกลางแค่ 35 ตร.ม. – การที่มีฝ้าเพดานสูง ทำให้ห้องดูโปร่งและโล่งกว่าเดิม ข้อเสียของห้องสไตล์ Loft – มีความปลอดภัยค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีทางเข้า – ออก ทางเดียว หากเกิดเหตุฉุกเฉินอาจจะหนีลำบาก – ปัญหาเรื่องความสูงของชั้นลอย เนื่องจากทางกฎหมายไม่ได้กำหนดขั้นต่ำไว้ จึงทำให้บางโครงการมีความสูงของเพดานเตี้ยกว่า 2.40 เมตร ทำให้ห้องดูอึดอัด . ห้องสไตล์ Duplex – ชั้นล่างและชั้นบนอยู่บนโครงสร้างคนละชั้น ในทางกฏหมายกำหนดให้ชั้นบนมีความสูงไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร – พื้นที่ใช้สอยชั้นบนถูกนับเป็นสิ่งก่อสร้าง ดังนั้นพื้นที่ใช้สอยทั้งชั้นบนและล่างจะถูกนับรวมกันอยู่ในโฉนด – ชั้นบนสามารถแบ่งเป็นห้องต่างๆ มีประตูเปิด – ปิดได้ – ตามกฎหมายกำหนดให้มีประตูเข้า – ออก ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง – ชั้นบนมักจะมีห้องน้ำด้วย โดยจะอยู่ตำแหน่งเดียวกับชั้นล่าง ข้อดีของห้องสไตล์ Duplex – เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน – ความสูงของเพดาน ที่มีความสูงมาก จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น – หากเลือกแบบห้องที่มีการปิดกั้น ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นไปอีก ข้อเสียของห้องสไตล์ Duplex – ค่าไฟ ยิ่งห้องที่สูงและกว้างมากขึ้นเท่าไหร่ ภาระค่าไฟยิ่งมากขึ้นเท่านั้น – เสียค่าส่วนกลางที่มากขึ้นตามขนาดของห้องอีกด้วย . แล้วห้องแบบไหนที่จะตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของเรากันล่ะ? ห้องสไตล์ Loft เหมาะกับผู้อยู่อาศัยที่ต้องการห้องที่โล่ง โปร่งสบาย เพราะมีเพดานสูง ให้ความรู้สึกทันสมัย มีพื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยที่เพิ่มขึ้น และยังมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ห้องสไตล์ Duplex เหมาะกับผู้อาศัยที่ต้องการให้ห้องมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีความลักซ์ชัวรี่ และบรรยากาศการอาศัยอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ให้ความสะดวกสบายและมีพื้นที่ส่วนตัวให้ใช้งานอย่างเต็มที่ อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงเข้าใจความแตกต่าง ของห้องสไตล์ Loft และ Duplex กันมากขึ้นแล้ว และคงมีคำตอบกันแล้วใช่ไหมคะว่าห้องแบบไหน ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ แต่ในการตัดสินใจเลือกซื้อ ก็อย่าลืมคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ กันด้วยนะคะ —————————————————————————– ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ให้บริการแบบครบจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

18 กรกฎาคม 2023
โฉนดที่ดินหาย ! ทำยังไงดี

โฉนดที่ดินหาย! ทำยังไงดี

#โฉนดที่ดิน อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายๆ คน เพราะเมื่อได้มาเราก็จะเก็บมันไว้เพราะเป็นเอกสารสำคัญของบ้าน และไม่ใช่เอกสารที่จะพกพาติดตัว เนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่ แต่หากวันไหนที่ต้องใช้และพบว่า โฉนดที่ดินหาย หรือเกิดชำรุดขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง? ก่อนอื่นไม่ต้องตกใจไปนะคะ เราสามารถยื่นขอโฉนดที่ดินใหม่ได้ ส่วนขั้นตอนจะเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมาบอกทุกคนเองค่ะ 1. แจ้งความต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น อันดับแรกเลยก็คือต้องไป แจ้งความต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันว่าเจ้าของที่ดินนั้นไม่ได้นำโฉนดที่ดิน ไปจำหน่าย #จำนอง หรือแลกเปลี่ยนเป็นของผู้อื่น 2. ติดต่อกับสำนักงานที่ดิน เมื่อได้ใบบันทึกประจำวันมาเรียบร้อยแล้ว ให้นำเอกสารมาติดต่อที่สำนักงานที่ดิน เพื่อขอโฉนดที่ดินใหม่ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมไปด้วยมีดังนี้ – บัตรประชาชนตัวจริงของผู้ที่ยื่นขอโฉนดที่ดินใหม่ – ทะเบียนบ้านตัวจริงของผู้ที่ยื่นขอโฉนดที่ดินใหม่ – ใบแจ้งความ / บันทึกประจำวัน – พยานบุคคล 2 คน พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง ซึ่งหากเกิดปัญหาในภายหลัง พยานทั้ง 2 คนนี้ จะต้องเป็นพยานในชั้นศาลด้วย เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้ว จะต้องกรอกเอกสารรับรองและลงลายมือชื่อต่อหน้าเจ้าพนักงาน เพื่อรองรับว่าเจ้าของที่ดินได้ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินใหม่จริงๆ . โดยในขั้นตอนการออกโฉนดที่ดินใหม่ทั้งหมดนี้ จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 75 บาท ทั้งนี้โฉนดที่ดินใหม่ หรือ ใบแทน จะมีประทับตราบนเอกสารว่า “ใบแทน” เพื่อแจ้งให้ทราบว่าเอกสารฉบับนี้ สามารถใช้แทนโฉนดที่ดินฉบับจริงได้ 100% เมื่อเกิดการทำนิติกรรมหรือมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายที่ดิน ใบแทนนี้จะมีผลทางกฎหมายไม่ต่างกับโฉนดตัวจริง . เป็นอย่างไรบ้างคะ โฉนดที่ดินหาย ขอใหม่ไม่ยากและไม่วุ่นวายอย่างที่คิดใช่ไหม แต่อย่างไรก็ตามเอกสารสำคัญแบบนี้ ควรเก็บไว้ให้ดีและไม่ทำหายจะดีที่สุดนะคะ เพราะเมื่อจะทำการขายต่อหรือนำไปทำธุรกรรมอื่นๆ เนี่ย ทั้งนักลงทุน นายหน้าอสังหา หรือบุคคลที่เราทำธุรกรรมด้วย ก็จะต้องขอดูโฉนดกันอย่างแน่นอนค่ะ —————————————————————————————– ได้รับการรับรองจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งประเทศไทย ให้บริการแบบครบจร One Stop Service บริการซื้อ ขาย เช่า คอนโด บริการฝากขาย ฝากเช่า คอนโด บริการบริหารและจัดการคอนโด LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

25 สิงหาคม 2023
7 ข้อผิดพลาดสำหรับผู้ ปล่อยเช่าคอนโด มือใหม่

7 ข้อผิดพลาดสำหรับผู้ ปล่อยเช่าคอนโด มือใหม่

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากลงทุนกับคอนโดฯ คงคิดว่าการ ปล่อยเช่าคอนโด เป็นเรื่องง่าย และได้เงินตลอดทุกเดือน เพียงแค่แต่งห้องให้สวยและถูกใจกลุ่มหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วการปล่อยเช่าคอนโดฯ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ยิ่งไปกว่านั้นผู้ปล่อยเช่ามือใหม่ อาจจะพลั้งพลาดและประมาทไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้ความความเสียหายตามมา วันนี้เราจะมาบอกถึงสิ่งที่ควรระวังและตรวจเช็คให้ดี ก่อนการ ปล่อยเช่าคอนโด ของคุณกันค่ะ มาเริ่มกันเลย . #ศึกษากฎระเบียบของโครงการคอนโดฯ ก่อนปล่อยเช่าคอนโด ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นผู้จ่ายเงิน และซื้อห้องนั้นมาครอบครองแล้วแต่อย่าลืมว่า คอนโดฯ แต่ละที่นั้นมีกฎระเบียบไว้ให้ลูกบ้านได้ปฎิบัตตาม อย่าลืมศึกษาให้ดีว่าทางคอนโดฯ มีกฎข้อห้ามใดบ้าง และแจ้งผู้เช่าให้ชัดเจน ไม่งั้นอาจจะถูกเรียกปรับได้โดยไม่รู้ตัวเลยนะ . #ละเลยการคัดกรองผู้เช่า ผู้ให้เช่าจำนวนไม่น้อยเลยที่กังวลเกี่ยวกับการหาผู้เช่า และอยากปล่อยห้องเช่าให้ได้เร็วที่สุด จนลืมให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผู้เช่า ก่อนที่จะย้ายเข้ามาพักอาศัย ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงมากๆ ผู้เช่าที่คุณควรหลีกเลี่ยงเลย หากไม่อยากให้ห้องเสียหายหรือมีปัญหาตามมาก็คือ – มีอาชีพและสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคง เพราะในอนาคตอาจจะไม่สามารถจ่ายค่าเช่าคอนโดฯ ให้คุณได้ – ผู้ที่เข้ามาคุย มักจะเรียกร้องเอานี่เพิ่มนั่นเพิ่มมากจนเกินพอดี หรือขอต่อราคาลง เพราะเป็นไปได้ว่าในอนาคตอาจจะมีปัญหาตามมา – ผู้เช่าที่สูบบุหรี่ เพราะจะทำให้กลิ่นติดห้อง ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ของคุณ หรือในกรณีที่ไปสูบตรงระเบียง ก็อาจจะโดนเพื่อนบ้านร้องเรียนได้ ซึ่งผลกระทบจะตกมาอยู่ที่คุณได้ – ผู้เช่าที่มีเด็กเล็ก หรืออายุต่ำกว่า 10 ปี เพราะอาจจะทำให้ห้องของคุณสกปรกได้ เช่นการขีดเขียนผนัง ซึ่งการพิจารณาผู้เช่านั้นควรดูเป็นกรณีไป หากได้ผู้เช่าดีก็ถือว่าวินๆ กันไป แต่ถ้าหากได้ผู้เช่าไม่ดี เงินที่ได้มาอาจจะไม่คุ้มกับค่าเสียหายที่คุณได้รับเลย . #ไม่ได้ทำสัญญาเช่า ถือเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงเลยสำหรับข้อนี้ เพราะการให้เช่าก็นับเป็นธุรกิจ ควรมีการทำสัญญา ที่ระบุเงื่อนไขไว้ชัดเจนและรัดกุมมากที่สุด เพื่อให้ระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่ามีความเข้าใจที่ตรงกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณและผู้เช่าได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายด้วย และคุณต้องมั่นใจด้วยว่าผู้เช่ารับทราบ และเข้าใจในข้อตกลงร่วมกันก่อนจะเซ็นชื่อลงในใบสัญญา . #ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการโอนค่าเช่า ข้อนี้เป็นสิ่งที่ผู้ให้เช่าหลายคนมักละเลย และดูแค่ตัวหลักฐานผ่านๆ โดยไม่ตรวจสอบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมื่อผู้เช่าส่งหลักฐานการโอนมา ผู้ให้เช่าควรเช็คให้ละเอียดว่ามีการโอนเงินจริงๆ โดยเช็คจาก วันที่ เวลาและยอดเงินในหลักฐาน ว่าตรงกับรายการบัญชีหรือไม่ ป้องกันผู้เช่าหัวหมอ ที่อาจจะปลอมหลักฐานและส่งมาให้คุณกันนะคะ . #ไม่ได้ตรวจสอบห้องพร้อมผู้เช่าในวันย้ายเข้าและบันทึกเป็นหลักฐาน ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ให้เช่าควรปล่อยผ่าน แต่ควรรวบรวมเป็นตารางรายการเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในห้องทั้งหมด พร้อมเก็บบันทึกภาพถ่าย สภาพปัจจุบันของเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น โดยรวบรวมเป็นหมวดย่อยหรือแบ่งตามห้องต่าง ๆ เป็นไงกันบ้างคะการปล่อยเช่าคอนโดฯ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกันเลยใช่ไหม หากคุณอยากปล่อยเช่า แต่ยังเป็นมือใหม่และกังวลกับปัญหาที่จะตามมา ทาง Amber สามารถช่วยคุณได้นะคะ เรามีบริการตั้งแต่หาผู้เช่าจนถึงการบริหารจัดการห้อง หลังมีผู้เช่าแล้วโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ หมดกังวลกับปัญหาข้างต้นได้เลยค่ะ —————————————————————– หากสนใจสามารถติดต่อมาได้ตามข้อมูลด้านล่างเลยนะคะ LINE@ : https://lin.ee/UIbzhRs Tel : 089-986-0202 Youtube : @amberrealty Tiktok : https://www.tiktok.com/@amberrealty #ซื้อขายคอนโดกรุงเทพ #ซื้อคอนโด #ขายคอนโด #เช่าคอนโดกรุงเทพ #ลงทุนคอนโด #คอนโดกรุงเทพ #condoforrent #condo #condobkk #คอนโดพระราม9 #พระราม9 #ลงทุนอสังหา #propertyinvestment #เอเจ้นท์ #Agent #propertyagent

25 สิงหาคม 2023